Friday, November 22, 2024
HomeAuto Newsบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เตรีบมเผยโฉมทัพรถยนต์และมอเตอร์ไซค์หลากหลายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เตรีบมเผยโฉมทัพรถยนต์และมอเตอร์ไซค์หลากหลายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เดินหน้าก้าวสู่อีกระดับของโลกแห่งยนตรกรรมและการขับเคลื่อน
เผยโฉมทัพรถยนต์และมอเตอร์ไซค์หลากหลายรุ่น พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 โดยงานในปีนี้จะจัดขึ้น ณ อาคาร IMPACT Challenger 1-3 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม พ.ศ.2566 ภายใต้แนวคิด “ยานยนต์: ความหมายที่มากกว่า” โดยผู้ร่วมงานจะได้ยลโฉมรถยนต์และมอเตอร์ไซค์หลากหลายรุ่นจาก บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด พร้อมตื่นตาไปกับยนตรกรรมรุ่นพิเศษที่เตรียมมาเผยโฉมในงานนี้โดยเฉพาะ

บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red
ราคาจำหน่าย: 17,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรม BSI Standard)

BMW 1

นำทัพด้วย บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red รถยนต์เรือธงที่รวบรวมเอาที่สุดแห่งขุมพลัง ความพิเศษ และความหรูหรา เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและทรงพลังแบบไม่เหมือนใคร ที่ผลิตมาในจำนวนจำกัดทั่วโลกเพียง 500 คันเท่านั้น พร้อมก้าวข้ามขีดจำกัดและสร้างนิยามใหม่ให้กับการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าจากระบบปลั๊กอินไฮบริดสมรรถนะสูง สมกับที่เป็นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M รุ่นทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red ยังได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบสมรรถนะที่โดดเด่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เหนือขอบเขตเดิม ๆ พิเศษด้วยการระบุเลขรหัส ‘1 of 500’ บนป้ายบริเวณด้านล่างของจอ Control Display บ่งบอกถึงความเป็นรถ ‘ลิมิเต็ด เอดิชัน’ อย่างแท้จริง

BMW 2

สัดส่วนที่ดุดันของรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ หรือ Sports Activity Vehicle (SAV) แบบมีพลวัตร ผสมผสานกับการออกแบบภายนอกที่โดดเด่น ลายเส้นที่ชัดเจน รวมถึงรูปลักษณ์ส่วนหน้าที่มีมาเฉพาะในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูใน Luxury Class การผสมผสานที่ลงตัวยิ่งขึ้นไปอีกขั้น คือการออกแบบที่เน้นย้ำคุณลักษณะเฉพาะของบีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red ในฐานะรถยนต์ที่มุ่งเน้นการตอบสนองที่สุดแห่งสมรรถนะ ไฮไลท์ที่โดดเด่นคือสีตัวถังภายนอกสีดำ BMW Individual Frozen Carbon Black Metallic กระจังหน้าทรงไตคู่ตามแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยู M พร้อมขอบสองชั้นรูปทรงแปดเหลี่ยมที่ด้านหน้ามาในรูปทรงแนวนอนอันโดดเด่น ซึ่งเป็นจุดเด่นของรถสปอร์ตสมรรถนะสูงจากบีเอ็มดับเบิลยู M ขอบด้านนอกของกระจังหน้าทรงไตคู่แต่ละข้างยังตกแต่งด้วยสีแดง Toronto Red metallic ในขณะที่ขอบด้านในมากับไฟ Iconic Glow รูปทรงโค้งมนเป็นวงแหวนไฟที่ให้แสงอย่างคมชัดและต่อเนื่อง แถบเน้นสีมันวาวตัดกับพื้นผิวสีแบบด้านซึ่งส่องแสงระยิบระยับทำให้ภายนอกของบีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red มีลักษณะที่น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษ

BMW 3

บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 พร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo อันล้ำสมัย และระบบขับเคลื่อน M HYBRID ซึ่งให้กําลังรวมสูงสุด 550 กิโลวัตต์/748 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร เครื่องยนต์สันดาปยังให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 430 กิโลวัตต์/585 แรงม้า ที่ 5,600 – 6,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 750 รอบต่อนาที ที่ 1,800 – 5,400 รอบต่อนาที ส่วนระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์สูงสุดที่ 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 280 นิวตันเมตร นอกเหนือจากการจ่ายกำลังไฟฟ้าในระหว่างการเร่งความเร็วแล้ว มอเตอร์ไฟฟ้ายังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์สันดาป โดยบีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 3.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีระยะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 96 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

BMW 4

ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ M xDrive ช่วยถ่ายทอดกำลังที่เกิดจากเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าไปที่ล้อ
ทั้งสี่ได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และตรงตามความต้องการใช้งานตลอดเวลา ระบบเฟืองท้าย M Sport ยังช่วยเสริมสมรรถนะของรถด้วยการกระจายกำลังขับเคลื่อนระหว่างล้อหลัง ช่วยให้ตัวรถยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น พร้อมเสริมเสถียรภาพการขับขี่ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน ช่วงล่างแบบ Adaptive M Suspension Professional มอบการควบคุมแบบสปอร์ตโดยไม่ลดทอนความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ นอกจากนี้ ระบบช่วยการขับขี่รุ่น Professional มอบความปลอดภัยและมั่นใจสูงสุดในทุกการเดินทาง ด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go ที่ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความเร็วของรถในระดับที่ต้องการและคงระยะห่างจากรถคันหน้าให้สม่ำเสมอเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รถยนต์อยู่ในเส้นทางอย่างคงที่ด้วยระบบบังคับพวงมาลัย ไม่เพียงเท่านี้ เพื่อความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus ยังช่วยให้การจอดรถและการบังคับรถทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

BMW 6

ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red ตกแต่งอย่างลงตัวด้วยเบาะหนังสีดำ Black ตัดกับสีแดง Fiona Red BMW Individual Merino โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยส่วนประกอบแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น ตราสัญลักษณ์ ‘XM’ สีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ตรงใต้หน้าจอ Control Display และแถบตกแต่งภายในคาร์บอนไฟเบอร์แบบซาติน ประดับด้วยด้ายเน้นสีแดงและน้ำเงิน พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M มีส่วนประกอบตกแต่งในสีดำโครเมียม พร้อมด้วยปุ่ม M และแป้นเปลี่ยนเกียร์คาร์บอนซึ่งมีสัญลักษณ์บวกและลบเป็นสีแดง และอีกหนึ่งคุณสมบัติพิเศษเฉพาะของบีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red ได้แก่ ตราสัญลักษณ์ที่ระบุโหมดการขับขี่แบบ Boost Mode บนแป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านซ้าย ส่วนห้องโดยสารด้านท้ายแบบ M Lounge สุดพิเศษ ยังมอบความรู้สึกที่กว้างขวางให้กับผู้โดยสาร พร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูงและการออกแบบที่หรูหรา

BMW 6

บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red ยังยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยการติดตั้งระบบ Teleservices ตัวยึดคาร์ซีทสำหรับเด็ก ISOFIX ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) เซ็นเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) ระบบ Active Protection และระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง เพื่อมอบความอุ่นใจตลอดการเดินทางและทุกจุดหมายปลายทาง

BMW 7

การรังสรรค์ภายในของบีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red ยังพิเศษเหนือใครด้วยผ้าบุหลังคาอันเปรียบเสมือนประติมากรรม 3 มิติ ลวดลายแบบปริซึมมีกรอบล้อม พร้อมด้วยหลอดไฟ LED กว่า 100 ดวงที่ให้แสงสว่างสร้างบรรยากาศที่งดงาม ลงตัวในทุกอารมณ์และเหมาะสมกับทุกเส้นทาง แผงหน้าปัดที่ตกแต่งด้วยเครื่องหนังสร้างความสะดุดตาและเพิ่มความหรูหราให้กับภายใน เพิ่มความสมบูรณ์ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน ระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins Diamond surround พร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยอีกมากมายที่มอบทั้งความสะดวกสบายและความอุ่นใจในทุกการเดินทาง

บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport
ราคาจำหน่าย: 6,719,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรม BSI Standard)

BMW 8

บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport สานต่อตำนานความเหนือชั้นของบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 7 ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมเหนือระดับและความหรูหราล้ำสมัย พร้อมส่งต่อสุนทรียภาพในการขับขี่ และความสะดวกสบายในการขับขี่ทางไกลที่ไม่มีใครเทียบชั้น ความปราดเปรียวอย่างเหนือชั้นของรถยนต์ซีดานรุ่นนี้ สะท้อนผ่านเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงของเครื่องยนต์สันดาปแบบใหม่ ที่ผสานเทคโนโลยี 48V mild hybrid รุ่นล่าสุด พร้อมจะมอบความเพลิดเพลินในการขับขี่ในบรรยากาศที่สะดวกสบายควบคู่ไปกับการสัมผัสประสบการณ์ดิจิทัล ที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษในห้องโดยสาร ถือเป็นอีกขั้นของการตีความการเดินทางอย่างมีระดับ

BMW 9

บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport โดดเด่นด้วยขุมพลังทรงสมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบแถวเรียงความจุ 3.0 ลิตร บนเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานควบคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Sport Steptronic โดยเครื่องยนต์ดีเซลประสานพลังเข้ากับเทคโนโลยี 48V mild hybrid ให้กำลังสูงสุด 210 กิโลวัตต์/286 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,500 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังรวมสูงสุดถึง 220 กิโลวัตต์/299 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 670 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 6 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้า ได้ยกระดับประสิทธิภาพและการทำงานของระบบขับเคลื่อนในบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 7 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

BMW 13

กระจังหน้าไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู พร้อมไฟ Iconic Glow เสริมรูปลักษณ์ด้านหน้าของรถยนต์น้องใหม่คันนี้ให้ดูทรงพลังและโดดเด่นเหนือชั้น ขณะที่แถบไฟรูปตัว ‘L’ ที่ยังคงมาในรูปทรงเรขาคณิตแบบกระจก ส่งให้ไฟท้ายดูเตะตายิ่งขึ้น เพิ่มความเนี้ยบตลอดข้างลำตัวไปจนถึงสปอยเลอร์ด้านท้ายด้วยกรอบดำวาวสะดุดตาจากชุดแต่ง M high-gloss Shadow Line ที่เข้ากันอย่างลงตัวกับคาลิปเปอร์สีน้ำเงินเข้มเมทัลลิคของระบบเบรก M Sport

BMW 10

การตกแต่งภายในและอุปกรณ์ต่างๆ สะท้อนถึงความสมดุลระหว่างการส่งต่อประสบการณ์ขับขี่อันปราดเปรียวให้แก่คนขับและความสะดวกสบายในการเดินทางสำหรับผู้โดยสารด้านหลังในบรรยากาศแห่งความสุข สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง หลังคากระจก Panorama ชุดตกแต่งภายใน BMW Individual การตกแต่งดีไซน์ M Sport และ Carbon Fibre ถักด้วยวัสดุสีเงินแบบ M คอนโซลกลางสีดำเงาแบบ Piano Finish Black รวมทั้งระบบความบันเทิงภายในรถสุดล้ำสมัยเพื่อสุทรียภาพที่เหนือชั้น แถบ BMW Interaction Bar ที่พัฒนาให้ผู้ขับและรถยนต์ทำงานอย่างสอดประสานกันได้ดียิ่งขึ้น ผสานฟังก์ชันการควบคุม ชุดไฟส่องสว่างสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร และยังสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport ยังมาพร้อมกับเบาะนั่งที่กว้างขวางยิ่งขึ้นเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด ครบครันด้วยฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสำหรับผู้ขับและผู้โดยสารตอนหลัง รวมไปถึงระบบระบายอากาศสำหรับเบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าและตอนท้าย และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน เพื่อเพิ่มการไหลเวียนอากาศในห้องโดยสาร

BMW 11

ระบบจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง BMW Theatre Screen มาพร้อม Amazon Fire TV มอบประสบการณ์ความบันเทิงสุดล้ำสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ประกอบด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 31.3 นิ้ว ความคมชัด 8K พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins รีโมทควบคุมแบบสัมผัสติดตั้งอยู่ที่แผงควบคุมบริเวณแผงประตู (BMW Touch Command) ม่านบังแสงด้านหลังแบบปิดโดยอัตโนมัติเมื่อระบบจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังทำงาน พร้อมเปลี่ยนห้องโดยสารด้านหลังของบีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport ให้เป็นเลานจ์โรงภาพยนตร์ส่วนตัวเคลื่อนที่
บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport ติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) เซ็นเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) ระบบ Teleservices ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน และตัวยึดคาร์ซีทสำหรับเด็ก ISOFIX นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus และระบบช่วยการขับขี่ รุ่น Plus เพื่อมอบความอุ่นใจตลอดการเดินทางและทุกจุดหมายปลายทาง ขณะที่ระบบ Augmented View ที่ผสานการแสดงภาพจากกล้องหน้าเข้ากับระบบนำทาง เพื่อแสดงภาพบนจอหลังพวงมาลัย เสริมระบบนำทางให้มีความแม่นยำและล้ำสมัยยิ่งขึ้น

BMW 12

บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport ใหม่ มาให้เลือกใน 4 สี 4 สไตล์ ได้แก่ สีขาว Mineral white Metallic, สีดำ Black Sapphire Metallic (ทั้งสองสีมาพร้อมกับเบาะหนัง BMW Individual Merino สี Mocha) สีเทา Dravit Grey Metallic และสีเทา Oxide Grey Metallic (ทั้งสองสีมาพร้อมเบาะหนัง BMW Individual Merino สีดำ)

บีเอ็มดับเบิลยู 420i Coupé M Sport
ราคาจำหน่าย: 3,699,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรม BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู 420i Coupé M Sport รุ่นใหม่ เสริมความเหนือชั้นยิ่งกว่าให้กับบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 4 สไตล์คูเป้ ในประเทศไทย ผสานสุนทรียภาพแห่งการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์เข้ากับความสุดพิเศษกว่าใคร ด้วยตัวเลือกและแพ็คเกจที่แฟนบีเอ็มดับเบิลยูสามารถเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น

BMW 14

สร้างสรรค์ขึ้นตามแบบฉบับของบีเอ็มดับเบิลยูซีรีย์ 4 บีเอ็มดับเบิลยู 420i Coupé M Sport ยังคงส่งมอบรูปลักษณ์ภายนอกดีไซน์ทรงสปอร์ต 2 ประตูในแบบที่คุ้นเคย และสไตล์การออกแบบที่สื่อถึงอัตลักษณ์ของแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู โดยด้านหน้าสะกดทุกสายตาด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ที่ยาวลงมาถึงขอบกันชนหน้า ช่องดักอากาศมาในสไตล์โครงตาข่ายและกระจังหน้าล้อมด้วยกรอบทรง 3 มิติ ฝากระโปรงรูปทรงลูกศรเสริมความโดดเด่นให้กับกระจังหน้าทรงไตคู่ ขณะที่ช่องดักอากาศทรงแนวตั้งสำหรับม่านอากาศตรงขอบนอกของกันชน ช่วยเน้นย้ำรูปทรงตัวรถให้ดูใหญ่ขึ้น

BMW 16

บีเอ็มดับเบิลยู 420i Coupé M Sport รุ่นใหม่ เพิ่มความเหนือชั้นด้วยการดีไซน์ด้านข้างที่เฉียบคมและปราดเปรียว ระยะระหว่างล้อหน้าและส่วนหน้าสุดของรถที่สั้น โครงสร้างเสาที่เพรียวบาง สอดรับกับความยาวของประตูพร้อมหน้าต่างไร้ขอบ และแนวหลังคาทรงคูเป้ยิ่งสะท้อนถึงความหรูหราสง่างาม มอบความรู้สึกโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics และภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา ขณะที่ไฟท้ายแบบ LED สุดล้ำ ในรูปทรงตัว L เสริมความทรงพลังให้กับรถได้อย่างลงตัว

BMW 17

บีเอ็มดับเบิลยู 420i Coupé M Sport รุ่นใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบแถวเรียง บนเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo รุ่นใหม่ล่าสุด ทรงสมรรถนะด้วยพละกำลังสูงสุดที่ 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ที่ 1,350 – 4,000 รอบต่อนาที สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 7.5 วินาที สมรรถนะความเร็วสูงจาก บีเอ็มดับเบิลยู 420i Coupé M Sport รุ่นใหม่ ติดตั้งชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Steptronic ให้การเปลี่ยนเกียร์ฉับไวยิ่งขึ้น ด้วยระบบแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ขณะที่ฟังก์ชั่น Sprint ช่วยปรับค่าเครื่องยนต์และอัตราการเปลี่ยนเกียร์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการควบคุมทั้งในระหว่างเร่งความเร็วระดับกลางไปจนถึงความเร็วสูง ทั้งยังมาพร้อมล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 18 นิ้ว ลาย Double-spoke แบบสลับสี

BMW 18

การออกแบบภายในที่เรียบหรู ด้วยวัสดุคุณภาพสูง และคำนึงถึงผู้ขับขี่ สื่อถึงงานดีไซน์ที่โดดเด่นเพื่อสร้างบรรยากาศสุดพิเศษพร้อมไปกับการเน้นสมรรถนะการใช้งานของรถรุ่นใหม่นี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังมาพร้อมกับเบาะหนังดีไซน์สปอร์ต พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ M และการตกแต่งภายในด้วยอลูมิเนียมลาย ‘Mesheffect’ ที่เพิ่มความโฉบเฉี่ยวในสไตล์สปอร์ตยิ่งขึ้น ชุดแต่ง BMW Live Cockpit Plus พร้อมมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นในการควบคุมความบันเทิงระหว่างการเดินทางและตัวเลือกด้านการสื่อสาร ที่นั่งผู้โดยสารตอนหลังมาพร้อมหมอนรองศีรษะในตัวซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับผู้โดยสารสองที่นั่ง

บีเอ็มดับเบิลยู 420i Coupé M Sport รุ่นใหม่ มอบความปราดเปรียวในการขับขี่ ควบคุมรถได้อย่างเต็มที่ด้วยระบบช่วยการขับขี่ ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go ยกระดับความปลอดภัยสูงสุดให้แก่คนขับและผู้โดยสารในทุกการเดินทาง

มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Final Edition
ราคาจำหน่าย: 3,299,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรม MSI Standard)

BMW 20

 

มินิ ฉลองการต้อนรับอย่างอบอุ่นของแฟน ๆ ชาวไทยที่มีต่อซีรีส์คลับแมน ด้วยการเปิดตัวมินิรุ่นล่าสุด มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Final Edition ซึ่งเป็นรุ่นลิมิเต็ดรุ่นสุดท้ายของเอดิชันนี้ โดยผลิตออกมาเพียง 1,969 คันทั่วโลก ตามเลขปีที่ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน รุ่นดั้งเดิมได้เปิดตัวเป็นครั้งแรก สำหรับในประเทศไทย มินิได้ส่งมอบรุ่นพิเศษนี้ให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของในจำนวนจำกัดเพียง 50 คันเท่านั้น

BMW 22

มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Final Edition ยังคงสืบทอดคอนเซ็ปต์ shooting-brake แบบคลาสสิคตามสไตล์ของมินิ พร้อมฝากระโปรงท้ายแบบบานพับสองข้างอันเป็นเอกลักษณ์ ให้พื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวางที่มีความจุสูงสุดถึง 1,250 ลิตร ภายนอกตกแต่งด้วยสีทองแดง Shimmer Copper บริเวณรอบกระจังหน้าที่สะท้อนให้เห็นถึงดีไซน์อันโดดเด่นเสมอมาของมินิ ตราสัญลักษณ์ Final Edition บนฝากระโปรงท้ายและปีก side scuttle ด้านข้าง เสริมด้วยลายกราฟฟิกบนล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว ตกแต่งลวดลายแบบสองสีด้วยสารเคลือบเงาแบบใสให้ดูคล้ายทองแดง

BMW 24

ภายในตัวรถยังคงคุมโทนด้วยการใช้สีทองแดงตกแต่งลวดลายตัวอักษรเงางาม ‘Final Edition’ บริเวณขอบประตูและตรงตำแหน่งด้านล่างของพวงมาลัยหุ้มหนังแบบสปอร์ต และเลขรหัส ‘1 of 1969’ บนป้ายซึ่งอยู่ตรงขอบประตูฝั่งผู้โดยสารและแผ่นยางปูพื้น ขณะที่ส่วนอื่น ๆ ภายในห้องผู้โดยสารตกแต่งด้วยสไตล์ที่ผสานกันอย่างลงตัวกับเบาะหนัง MINI Yours Leather Lounge in 60 Years สี Dark Maroon และหลังคากระจกแบบพาโนรามา ในส่วนของความบันเทิง ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถสนุกสนานไปกับระบบเสียงสุดสมจริงของ Harman Kardon พร้อมแพ็คเกจระบบนำทาง Connected Navigation ที่รองรับ Apple CarPlay ส่งมอบการเชื่อมต่อและเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นในระหว่างการเดินทาง

BMW 25

มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Final Edition ให้พละกำลังที่ 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า พร้อมถ่ายทอดอารมณ์ของความสนุก ความปราดเปรียว ความมีสไตล์ และความสะดวกสบายตามแบบฉบับของ Clubman ที่แฟน ๆ ชื่นชอบ ทั้งยังมาพร้อมสีขาว Nanuq White สีดำ Enigmatic Black และสีเงิน Melting Silver ให้แฟนคลับมินิชาวไทยได้จับจองเป็นเจ้าของแล้ววันนี้

มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ Mayfield Edition
ราคาจำหน่าย: 2,969,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรม MSI Standard)

มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ Mayfield Edition รุ่นพิเศษนี้ ได้รับการรังสรรค์ขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติสหราชอาณาจักรอันเป็นประเทศต้นกำเนิดของ MINI ไปพร้อมกับการตอบรับเทรนด์เรื่องการรักโลก ความสงบ และความสมดุล ด้วยแรงบัลดาลใจจากทุ่งดอกลาเวนเดอร์ MINI Mayfield ทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน นำมาสู่ดีไซน์อันโดดเด่นด้วยโทนสี Digital Lavender สุดพิเศษ ตั้งแต่ลายเส้นตั้งตรงและทแยงในรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของมินิ คูเปอร์ ตัวอักษร Mayfield สีม่วงแวววาว ลวดลายภาพดอกลาเวนเดอร์บริเวณประตูท้าย ประกบด้วยไฟท้ายลายธง Union Jack อันเป็นเอกลักษณ์ของ MINI เป็นต้น

BMW 26

มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ Mayfield Edition ยังสะกดทุกสายตาด้วยหลังคาสีฟ้ามัลติโทน สะท้อนถึงเฉดสีอันหรูหราที่ได้จากการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสี Soul Blue สี Pearly Aqua และสี Jet Black การพ่นสีแต่ละชั้นใช้เทคนิค wet-on-wet ทำให้รถแต่ละคันมีเฉดสีที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร สีหลังคาภายนอกตัดกับสี Piano Black ตรงขอบประตูด้านนอกและล้อรถลวดลาย Tentacle Spoke ขนาด 17 นิ้วอย่างลงตัว ขณะที่การออกแบบภายในยังคงความรู้สึกหรูหราด้วยเบาะหนังเทียม Carbon Black พร้อมตัวอักษร ‘Mayfield’ ที่โดดเด่นสะดุดตา ครบครันด้วยความบันเทิงและการเชื่อมต่อจากระบบเสียงของ Harman Kardon และแพ็คเกจระบบนำทาง Connected Navigation ที่รองรับ Apple CarPlay ภายในยังให้กลิ่นอายทุ่งลาเวนเดอร์ด้วยน้ำหอมกลิ่น Relaxing Twilight ที่มาพร้อมกับรุ่น Mayfield Edition

BMW 29

นอกจากนี้ มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ Mayfield Edition ยังสืบทอดเอกลักษณ์ของรถยนต์แฮทช์ 3 ประตูแบบดั้งเดิม พร้อมเติมเต็มความสนุกในการขับขี่และความแม่นยำในการควบคุมด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ให้พละกำลังที่ 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350 – 4,600 รอบต่อนาที ส่งตรงสู่ประเทศไทยในจำนวนจำกัดเพียง 12 คันเท่านั้น ได้แก่ สีดำ Midnight Black และสีขาว Nanuq White พร้อมให้แฟน ๆ มินิชาวไทยได้เฉลิมฉลองไปพร้อมกับความงามของธรรมชาติที่ตัดกันอย่างลงตัวกับพลังบวกของมนุษยชาติ ซึ่งหาได้ที่ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ Mayfield และ MINI Cooper S Hatch Mayfield Edition รุ่นพิเศษนี้เท่านั้น

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure (Racing Blue Metallic)
ราคาจำหน่าย: 1,215,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure มอเตอร์ไซค์ทรงพลังเพื่อการขับขี่ระยะไกล มาในรูปโฉมใหม่แบบสีดำตัดฟ้า Racing Blue Metallic สุดสะดุดตา ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์สองลูกสูบสี่จังหวะที่หล่อเย็นด้วยอากาศ/ของเหลว ขนาด 1,254 ซีซี เติมเต็มด้วยระบบควบคุมแกนลูกเบี้ยวแบบแปรผันด้วยเทคโนโลยี BMW ShiftCam ส่งกำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์ / 136 แรงม้า ที่ 7,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 143 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบต่อนาที ปลดล็อคอีกขั้นของขุมพลังแห่งการเดินทาง ส่วนระบบหัวฉีดคู่และระบบไอเสียใหม่ผ่านการรับรองมารฐานยูโร 5 ที่เน้นการประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศ

BMW 30

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure มาพร้อมกับโหมดการขับขี่มาตรฐาน 3 แบบ ได้แก่ ‘Eco’, ‘Rain’ และ ‘Road’ สามารถปรับได้ตามความรสนิยมของผู้ขับขี่ ขณะที่ ‘Riding Modes Pro’ นำเสนอโหมดการขับขี่เพิ่มเติม ได้แก่ ‘Dynamic’, ‘Dynamic Pro’, ’Enduro’ และ ‘Enduro Pro’ รองรับสภาพการขับขี่ที่หลากหลายยิ่งขึ้น พร้อมยกสมรรถนะการขับขี่และความปลอดภัยสู่ขั้นสูงสุดด้วยระบบช่วงล่างที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า (Dynamic ESA) ระบบ Hill Start Control Pro ที่ทำให้ผู้ขับขี่ออกตัวในทางลาดชันได้อย่างมั่นใจ ขณะที่ระบบ Dynamic Traction Control (DTC) และ ABS Pro ให้การเข้าโค้งอย่างราบรื่น ส่วนระบบ Dynamic Brake Control (DBC) ใหม่ล่าสุดช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อต้องเบรกในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยการตัดกำลังของเครื่องยนต์ ทำให้สามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ ผ่อนคลาย และมั่นใจได้ในความปลอดภัยบนทุกเส้นทางผจญภัยที่รออยู่ข้างหน้า

BMW 31

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure ยังมาพร้อมกับระบบการเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานของรถผ่านจอแสดงผลสี TFT ขนาด 6.5 นิ้ว และระบบ BMW Motorrad Multi-Controller ให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงทุกฟังก์ชันของรถ ตลอดจนการเชื่อมต่อต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และยังมีช่องเสียบ USB 2 แบบสำหรับใช้ชาร์จสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย

BMW 35

บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure ยังคงสืบทอดเอกลักษณ์ความปราดเปรียวและทรงพลังของ GS ด้วยไฟหน้าแบบ LED ที่ส่องสว่างแม้ในช่วงกลางวัน สร้างความโดดเด่นสะดุดตา และยังปรับเปลี่ยนกลมกลืนไปกับทางโค้งตามตำแหน่งความลาดเอียงของตัวรถ

RELATED ARTICLES

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

Most Popular