การทดสอบสมรรถนะ MG VS HEV ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำตามคำขอจากคนใกล้ชิด และในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองที่ยังคาใจจากการสัมผัสครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากระยะทางนั้นค่อนข้างสั้น การทดสอบครั้งใหม่บนระยะทาง 150 กม. จึงเป็นโจทย์สำหรับพิสูจน์เอสยูวี ปลั๊กอิน ไฮบริด รุ่นล่าสุดของ เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย เรื่องราวทั้งหมดพร้อมให้ติดตาม
อย่างที่บอกไว้ว่าหลายคนใกล้ตัวสอบถามกันมาอย่างหนาหู ถึงอัตราสิ้นเปลืองของเจ้าเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นล่าสุดของ MG ซึ่งผลทดสอบในครั้งที่แล้ว ขอออกตัวตรงนี้ว่ายังไม่อยากนำมาเป็นมาตรฐาน เนื่องจากระยะทางที่ใช้นั้นค่อนข้างสั้นราว 50 กม.
ในครั้งนี้เส้นทางยาวขึ้น และเป็นการใช้งานทางไกลบนถนนหลวง จะมีส่วนน้อยที่ได้ไปลองในทางฝุ่นเบาๆ ปลายทางอยู่ที่อ่างเก็บน้ำโป่งดินดำ อ.บางพระ จ.ชลบุรี ซึ่งถือเป็นการสัมผัมจนได้ข้อสรุป รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองในการใช้งานด้วยการขับขรี่ที่ใช้รูปแบบเดียวกับชีวิตประจำวัน
ด้านรูปลักษณ์ขอข้ามเรื่องนี้ๆไปก่อน เพราะข้อมูลเราได้จัดเต็มไว้ทั้งก่อนขาย เปิดตัว รวมถึงทดสอบระยะสั้น มาว่ากันด้วยเรื่องของตัวช่วยการใช้งานหรือฟีเจอร์ทันสมัยหัวข้อนี้สอบผ่าน ให้มาครบ คือจะว่าง่ายๆ รถของ MG ทุกรุ่น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ ทั้งคำสั่งเสียง การเชื่อมต่อกับแอพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟน ฟังค์ชั่นดูหนังฟังเพลง หาโรงแรม ร้านอาหาร แม้กระทั่งอัพเดทผลสลากกินแบ่งแบบเรียลไทม์ก็สามารถทำได้ ซึ่งจะรวมอยู่ในเทคโนโลยี Smart Command
ความสะดวกสบายมาในสไตล์รถหรูกับสีภายในห้องโดยสาร 2 ทางเลือก คือ สีทูโทน ดำ-ขาว และสีดำ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง มิติตตัวรถที่อยู่ตรงกลางระหว่าง ZS และ HS ส่งผลให้ห้องโยสารกว้างขวาง นั่งสบาย และเป็นครั้งแรกของรถในกลุ่ม B-SUV ที่มาพร้อมกับ Dual Widescreen Cockpit เสริมความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยจอคู่ HD ขนาดใหญ่ ที่ประกอบด้วย หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบ Full Virtual Dashboard ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอ Touch Screen ขนาดเดียวกัน
และแน่นอน อุปกรณ์ของยุคสมัยที่จำเป็นอย่าง Wiress Charger รวมถึงช่องเสียบชาร์จที่มีให้ทั้ง USB A และ C
มาที่ขุมพลังลูกผสมระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า ในส่วนของเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตัน-เมตร รวมพละกำลังสูงสุดที่ 177 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT
แบตเตอรี่ Lithium-Ion แรงดันสูง ขนาด 2.13 kWh มาพร้อมตัวช่วยชาร์จกำลังไฟอย่าง ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย สำหรับอัตราเร่งที่แรงขึ้น ความเร็ว 0 – 100 กม./ชม. ใช้เวลาน้อยกว่า 9 วินาที
โหมดขับขี่มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Comfort และ Sport มาพร้อมช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION จากช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างหลังแบบ Torsion Beam ซึ่งการปรับเซ็ทครั้งนี้ทำมาได้ดีกว่า ZS อย่างชัดเจน
ระบบความปลอดภัยเรียกได้ว่าเต็มขั้น ร่ายกันยาวๆตั้งแต่การใช้โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) มั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 12 ระบบ ได้แก่
•ระบบป้องกันการไหลของรถ AVH (Auto Vehicle Hold)
•ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Brake System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
•ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
•ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
•ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
•ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
•ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
•ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control System)
•ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
•ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
•ระบบจำกัดความเร็ว ASL (Active Speed Limit)
นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ High Definition พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ถุงลมนิรภัย คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX และระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
NEW MG VS HEV เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิทัลเข้ากับฟังก์ชันอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์เอ็มจีด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART มาพร้อมกับ Digital Key Technology รับ – ส่งกุญแจดิจิทัลผ่านสมาร์ทโฟนได้
การทดสอบในครั้งนี้จะมาดูในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองจากการใช้งานตามจริงบนเส้นทางกรุงเทพ-ชลบุรี ระยะทางราว 150 กม. การใช้งานในเมืองตอบโจทย์ได้อย่างสวยงาม เนื่องจากการใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าหรือ EV Mode จะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
แต่ในการเดินทางไกลหรือใช้ความเร็วสูง จะส่งผลให้พลังงานในแบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ที่สำคัญ MG VS HEV ถือเป็นรถที่มีพละกำลังซึ่งทำให้ตอบสนองต่อการใช้ความเร็วได้ดีในระดับหนึ่ง ซึ่ง Kers หรือตัวช่วยในการชาร์จไฟกลับไปสะสมยังแบตเตอรี่นั้นสามารถทำได้ แต่ก็ค่อนช้างใช้เวลาพอสมควร
บนเส้นทางฝุนที่ได้ลอง การซับแรงสั่นสะเทือนของระบบช่วงล่างยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การพิสูจน์ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่หลายคนถามถึงในครั้งนี้ใช้ระยะทาง 150 กม. และได้อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 14 กม./ลิตร ซึ่งจากการเคลมของผู้ผลิตอยู่ที่ 24.4 กม./ลิตร ซึ่งห่างกันอยู่ราว 30% ซึ่งตัวแปรมาจากความเร็วที่ใช้ในการเดินทาง
โดยสรุป MG VS HEV หากมองถึงเรื่องฟีเจอร์ที่ให้มาแบบจัดเต็ม ในราคา 919,000 บาท แน่นอนว่าคุ้มมากๆ สำหรับอัตราสิ้นเปลืองที่ทำได้ ถ้าเป็นการใช้งานในเมืองหรือความเร็วต่ำ บทบาทของมอเตอร์ไฟฟ้าจะมาเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนมากกว่าเครื่องยนต์ ซึ่งน่าจะเหมาะกับการใช้งานมากกว่าการเดินทางไกล แต่สำหรับความแรงที่ปรับจูนมาในครั้งนี้ ทำให้ขับสนุกขึ้นอีกเยอะ ส่วนที่อยากให้ปรับปรุงคือการใช้งานแต่ละฟีเจอร์ที่ค่อนข้างจะซับซ้อน และเพิ่มเติมในส่วนระบบเปิดฝาท้ายอัตโนมัติ เท่านี้ก็เพอร์เฟคครับ