ทริพนี้เป็นอีกครั้งที่ได้พา Ford Everest Titaniam Plus เป็นพาหนะในการเดินทาง และยังคงสร้างความประทับใจในสมรรถนะเช่นเคยดั่งครั้งที่พาไปลุยหนัก กับการเข้าป่าพร้อมเส้นทางโหดๆ ในจ.เพชรบูรณ์ ภารกิจตามหาไก่เหลืองริมหาดบางแสนในครั้งนี้จึงเป็นไปด้วยความสมบูรณ์ อิ่มหนำจนพุงกาง ติดตามชมไปพร้อมกันครับ
ในด้านรูปลักษณ์ของ Ford Everest Titaniam Plus 4×4 รุ่นปี 2020 ที่ใช้เป็นพาหนะอาจไม่ได้รับการปรับเปลี่ยนสักเท่าไหร่ กระจังหน้ายังดูหรูหราและเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับ อเมริกันสไตล์ เสริมหรูยิ่งขึ้นด้วยการหุ้มขอบโครเมียม และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วพร้อมยางไฮเทอเรนกู๊ดเยียร์
ลูกเล่นของความสะดวกสบายอย่างประตูท้าย เปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าแบบแฮนฟรี สั่งการและทำงานด้วยการยื่นเท้าไปที่ใต้กันชนหลัง ฝาท้ายก็จะเปิดโดยอัตโนมัติ รวมถึงหลังคาแบบพาโนรามิค มูนรูฟ ขนาดใหญ่ ออฟชั่นเท่ๆที่เหนือระดับกว่าคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน
ห้องโดยสารแต่งด้วยโทนสีดำ เสริมความโดดเด่นด้วยเส้นสายทั้งคอนโซลและแผงข้าง ทุกที่นั่งหุ้มด้วยหนังสีดำ เบาะคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทางรวมถึงเพิ่มระบบไฟฟ้าให้กับผู้โดยสารตอนหน้าและเบาะแถวที่ 3 พับได้ด้วยไฟฟ้า
เติมเต็มความสะดวกสบายด้วยกุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ท รวมถึงระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก (Active Noise Cancellation) ทำให้ห้องโดยสารปราศจากเสียงรบกวน ในขณะที่กระบวนการวิศวกรรมออกแบบให้ความสำคัญกับการลดเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์และระบบเกียร์ พร้อมพัฒนาซีลกันเสียงและวัสดุดูดซับเสียงภายในห้องโดยสารให้มีประสิทธิภาพ
ความโดดเด่นอีกหนึ่งฟีเจอร์นั่นคือ ระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) ซึ่งรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบบลูทูธ จอทัชสกรีน ฟูลคัลเลอร์ ขนาด 8.0 นิ้ว และกล้องมองหลัง พร้อมระบบแผนที่นำทางด้วยดาวเทียมเมื่อออกนอกพื้นที่ที่มีสัญญาณโทรศัพท์ ทั้งยังมากับระบบสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทย เพื่อการใช้งานที่คล่องตัว
นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance) คือ ระบบ SYNC® ที่ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธด้วยระบบ SYNC® และต่อสายไปที่เบอร์ 1669 เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน
ขุมพลังแบบเดียวกับ Ranger Raptor โดยใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ (Bi-turbo Diesel Engine) ให้กำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า พร้อม ด้วยแรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตันเมตร ที่ความเร็ว 1,750 -2,000 รอบต่อนาที ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดพร้อมแมนนวลโหมด
ระบบขับเคลื่อน เป็นการทำงานกึ่ง All wheel Drive เนื่องจากไม่มีสวิตช์ปรับระบบขับเคลื่อนแบบ 4H แต่มี 4 Low และโหมดการขับขี่อัจฉริยะ Terrain Management System ที่มีตัวช่วยให้เลือกถึง 4 รูปแบบการใช้งาน ทั้ง Normal-เพื่อการขับขี่บนพื้นผิวทั่วไป, Snow/Mud/Grass-สำหรับพื้นหิมะ โคลน และ หญ้า, Sand-เพื่อการขับขี่บนพื้นทราย และ Rock-สำหรับการขับขี่บนพื้นหินขรุขระ
นอกจากนี้ยังมีอาวุธลับอย่างระบบ Electronic Locking Rear Differential หรือระบบล๊อคเฟืองท้าย Traction Control-ระบบป้องกันไม่ให้รถลื่นไถล, Hill Start Assist-ตัวช่วยออกตัวบนทางชัน Hill descent control-ตัวช่วยลงทางชัน
ระบบกันสะเทือนด้านหน้ายังคงใช้แบบอิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริง และ เหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบคอยล์สปริงพร้อมวัตต์ลิงค์และเหล็กกันโคลง ที่ให้ความนุ่ม หนึบ แบบไว้ใจได้
ตัวช่วยความปลอดภัยมาพร้อมระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนนของฟอร์ด ซึ่งผสานระบบเบรกแบบ Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป
นอกจากนี้ยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะอันเป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์การขับขี่อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย ได้แก่
•ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control)
•ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System)
•ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System)
•ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ (Driver Alert System)
•ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control)
•ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist)
•ระบบตรวจจับรถในจุดบอด (BLIS – Blind Spot Information System) ที่มาพร้อมระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด (Cross Traffic Alert)
•กล้องมองหลังขณะถอยจอดและสัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า (Rear View Camera and Sensors)
การเดินทางในครั้งนี้ระยะทางไปกลับราว 250 กม. โดยใช้งานบนถนนหลวงตลอดทริพ นอกจากขุมพลังที่หายห่วงในการเรียกใช้ความแรง สมรรถนะของช่วงล่างที่ปรับเซทมาอย่างลงตัว จึงทำให้มั่นใจไปกับการใช้งาน บ่อยครั้งที่เผลอใช้ความเร็วเกินกำหนด เพราะระบบช่วงล่างที่ช่วยเก็บอาการของรถไว้ทั้งหมด รวมถึงระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก จึงทำให้ชับชี่ได้อย่างเพลิดเพลิน
ระบบเกียร์ 10 จังหวะถูกออกแบบมาช่วยในเรื่องความประหยัด แต่การเร่งแซงถือว่าโดดเด่นไม่แพ้กัน ความอัจฉริยะอยู่ที่สมองกล ซึ่งควบคุมให้เหมาะสมกับการใช้งาน ปรับเปลี่ยนอัตราทดแบบก้าวกระโดด(1,3,5) เมื่อกดคันเร่งอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีการออกตัวที่ดีและตอบสนองไวโดยไม่ต้องรอรอบ ขณะเดียวกันจังหวะคิกดาวน์จะมีการปรับลดแบบก้าวกระโดดเช่นกัน (10,8,6) ทำให้เครื่องยนต์มอบพลังและแรงบิดสูงสุดแม้ในตอนเปลี่ยนเกียร์ หรือจะเลือกขับสนุกในโหมดเกียร์ธรรมดาโดยใช้ระบบปุ่มบวก/ลบ ที่ตำแหน่งหัวเกียร์
ตัวช่วยการขับขี่ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่าง จะคอยทำงานร่วมกับระบบเตือนและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
อีกหนึ่งระบบที่ยังถือว่าเป็นผู้นำนั่นคือระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ทำงานง่ายๆเพียงหาที่ว่างและสั่งการด้วยสวิตช์บริเวณคอนโซลกลาง และความปลอดภัยที่เหนือระดับจากระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน ทำให้ช่วยลดอัตราเสี่ยงของอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้เป็นอย่างดี
แน่นอนว่าการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางเป็นไปด้วยความราบลื่น และภารกิจตามหาไก่เหลืองก็สำเร็จลุล่วงด้วยความสมบูรณ์และพุงกางไปกับอาหารทะเลพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศริมชายหาดบางแสน หลังจากที่ต้องเก็บตัวอยู่บ้านจากพิษสงของ โควิด-19 ซึ่งทำให้เป็นทริพเปิดโลกกว้างที่สะดวกสบายและลงตัวทั้งระยะทาง สมรรถนะของรถ รวมถึงอาหารอร่อยจนพุงกางไปตามๆกัน
สำหรับ Ford Everest Titaniam Plus ยังคงเป็นรถที่ผมเชื่อว่าหลายคนที่มองรถยนต์เซกเมนต์ไม่สามารถปฏิเสธได้ สำหรับข่าวเสียที่เคยมีในอดีต ผู้บริหารก็อนุมัติในด้านการรับประกันเครื่องยนต์เป็นเวลาถึง 10 ปี เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องยากที่รถรุ่นนี้ยังคงเป็นรถธงในกลุ่มรถเอนกประสงค์จากค่ายฟอร์ดที่มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ข้อมูลทางเทคนิค: Ford Everest Titaniam Plus 4×4
เครื่องยนต์: ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบ เทอร์โบคู่
ความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.): 1,996
กำลังสูงสุด (แรงม้า ที่ รอบ/นาที): 213/3,750
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร ที่รอบ/นาที): 500/1,750 – 2,000
ระบบส่งกำลัง: อัตโนมัติ 10 จังหวะ พร้อม Manual Mode
ระบบขับเคลื่อน: สี่ล้อพาร์ทไทม์ พร้อมระบบ Terrain Management
ระบบกันสะเทือน(หน้า/หลัง): แมคเฟอร์สันสตรัท /วัตต์ลิงค์
เบรก(หน้า/หลัง): ดิสก์/ดิสก์
ยาว/กว้าง/สูง(มม.): 4,893×1,862 x1,836
ราคา (บาท): 1,799,000
ตัวแทนจำหน่าย: บริษัท ฟอร์ด (ประเทศไทย) จำกัด