Saturday, July 27, 2024
HomeAuto News“เมอร์เซเดส-เบนซ์” เปิดตัว "The GLA" คอมแพ็คเอสยูวีน้องเล็กสายลุย พร้อมตัวแรง "Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC"

“เมอร์เซเดส-เบนซ์” เปิดตัว “The GLA” คอมแพ็คเอสยูวีน้องเล็กสายลุย พร้อมตัวแรง “Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC”

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด รุกตลาดรถหรูรับครึ่งปีหลัง เปิดตัวรถยนต์ The GLA คอมแพ็คเอสยูวีระดับพรีเมี่ยมโฉมใหม่ล่าสุด ที่มอบสัมผัสความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ ในดีไซน์อันปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว แต่แฝงด้วยสมรรถนะแบบสปอร์ต ดุดันมากกว่าที่เคย พร้อมเผยโฉมรถยนต์ Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC ที่มาเติมเต็มความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบความเร็วและแรงโดยเฉพาะ

สำหรับ The GLA โฉมใหม่ ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงด้านอากาศพลศาสตร์อย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด ผ่านการทดลองภายในอุโมงค์ลมที่โรงงานประกอบรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ในเมืองซินเดลฟิงเก้น ประเทศเยอรมนี โดยรูปลักษณ์ที่ลู่ลมของ The GLA โฉมใหม่ส่งผลให้มีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานที่ต่ำลง

The GLA ยังคงเอกลักษณ์ของดีไซน์อันเร้าอารมณ์ในแบบฉบับรถยนต์คอมแพ็ค ที่ผสานกับความสปอร์ต อเนกประสงค์ และสมรรถนะอันดีเยี่ยม เหมาะทั้งการขับภายในเมืองและนอกเมืองได้เป็นอย่างดี โดยทั้ง GLA 200 Urban และ GLA 250 AMG Dynamic มาพร้อมกับการยกตัวถังให้สูงขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่แบบออฟโร๊ดให้ดีขึ้น

กันชนแบบใหม่ มากับระบบไฟหน้าแบบ LED High Performance โดดเด่นด้วยคุณสมบัติการส่องสว่าง พร้อมอุณหภูมิแสงที่ใกล้เคียงกับแสงอาทิตย์ ติดตั้งระบบ Adaptive highbeam Assist ช่วยปรับไฟสูงอัตโนมัติ รวมถึง ไฟ daytime สำหรับการขับขี่เวลากลางวันแบบ LED

ในรุ่น GLA 200 Urban จะมาพร้อมกับไฟตัดหมอกหน้าและล้ออัลลอย แบบ 5 ก้าน ขนาด 18”

สำหรับรุ่น GLA 250 AMG Dynamic มาพร้อมกับหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า, ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติและชุดแต่ง AMG bodystyling ได้แก่กันชน หน้า-หลัง และสเกิร์ตข้าง ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน, สัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi – spoke ขนาด 19”

ภายในรุ่น GLA 250 AMG Dynamic โดดเด่นไปกับระบบมัลติมีเดียรุ่นใหม่ อาทิ หน้าจอขนาด 8 นิ้วและชุดมาตรวัด มีระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO และระบบ HANDFREE ACCESS สำหรับเปิดประตูท้ายได้ แต่งเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO สลับ DINAMICA microfibre สีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต

ส่วน GLA 200 Urban ตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO

ทั้ง 2 รุ่น มากับเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยบันทึกความจำ เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3 / 2:3 และสามารถปรับองศาได้ พร้อมกล่องเก็บของ ตาข่ายสัมภาระซ้าย-ขวา และช่องจ่ายไฟขนาด 12 โวลต์

คอนโซลกลางมีระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC เป็นแบบ 2 โซน และ วิทยุ-ซีดี MB Audio 20 ติดตั้งระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (BlueTooth), รองรับการใช้งานระบบนำทาง (Pre-installation SD-Card Navigation) พร้อมฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay), MB Apps, และไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 12 สี รวมถึงกาบบันไดเรืองแสงพร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz

The GLA มากับขุมพลัง 2 ขนาด ในรุ่น GLA 200 Urban ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 1.6 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 156 แรงม้า ที่ 5,300 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,250-4,000 รอบ/นาที

ส่วน GLA 250 AMG Dynamic ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 211 แรงม้าที่ 5,500รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200- 4,000รอบ/นาที และ The GLA ทั้งสองรุ่น ใช้ส่งกำลังร่วมกันนั่นคือ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด แบบ7G-DCT

ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีเติมเต็มมากับ The GLA ทั้ง 2 รุ่น คือ การติดตั้งระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) เป็นระบบความปลอดภัยมาตรฐาน รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์อื่นๆ อาทิ ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง กล้องแสดงภาพด้านหลังสำหรับถอยรถ, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist, ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light), ระบบรักษาระดับความเร็ว (cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator), ระบบเตือนแรงดันยาง (tyre pressure loss warning system) และระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)

Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC

อีกหนึ่งรุ่นเป็นคอมแพคเอสยูวีแต่งเต็มมาจากโรงงาน ในชื่อ Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC ซึ่งค่ายผู้ผลิตมุ่งมั่นพัฒนาด้วยการใช้โครงสร้างรถยนต์หลากหลายรุ่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ผสานกับนวัตกรรมด้านสมรรถนะของเอเอ็มจีอย่างต่อเนื่อง โดยปรับปรุงทั้งรูปลักษณ์และคุณสมบัติทางเทคนิคไปอีกขั้นหนึ่ง

Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC ได้รับการปรับแต่งด้านอากาศพลศาสตร์ด้วยอุปกรณ์ภายนอกใหม่ๆ เช่น ฝากระโปรงหน้ารูปแบบใหม่และปลายขอบ สปอยเลอร์หลังคาที่ปรับแต่งให้ลู่ลมยิ่งขึ้นนั้น มิได้เพียงแต่จะช่วยลดแรงต้านที่ตัวรถ แต่ยังช่วยเพิ่มทั้งสมรรถนะและความสมดุลย์ขณะขับขี่

นอกจากนี้ลวดลายของช่องรับอากาศด้านหน้ายังมากับดีไซน์ใหม่พร้อมติดตั้งระบบไฟหน้าแบบ LED High Performance พร้อมระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist)

เสริมดุด้วยชุดแต่ง AMG Night Package, AMG Aerodynamic package อาทิ กันชนหน้าและกันชนหลังสีดำแบบไฮ-กลอส โดยช่องรับอากาศจะช่วยให้อากาศสามารถไหลเวียนเข้าไปในห้องเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น บนหลังคาติดตั้งพาโนรามิค ซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

ด้านท้ายรถที่มาพร้อมกับดิฟฟิวเซอร์ลวดลายใหม่บริเวณกันชนหลัง การเลือกใช้วัสดุเก็บขอบสีดำปลายขอบ สปอยเลอร์หลังคาที่ปรับแต่งเพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่โดยเฉพาะ สำหรับล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG เป็นแบบ 10 ก้าน ขนาด 20”

ดีไซน์ภายในโดดเด่นด้วยเบาะที่นั่งหุ้มหนังแบบสปอร์ต เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ และฮีทเตอร์ ติดตั้งชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต

มีพวงมาลัยแบบพิเศษ AMG Performance Steering Wheel Nappa / DINAMICA ตกแต่งภายในด้วย AMG Design trim in black / red แบบ CARBON FIBRE ที่คมเข้มดุดัน มาพร้อมกับเข็มขัดนิรภัยสีแดงที่เข้ากับสีเบาะ กาบบันไดเรืองแสงประตูหน้าแบบ AMG และ AMG DYNAMIC SELECT

ติดตั้งอุปกรณ์มัลติมีเดีย อย่าง วิทยุ-ซีดี MB Audio 20, หน้าจอแบบยกตัว ขนาด 8 นิ้ว พร้อมเพิ่มความรื่นรมย์ตลอดการขับขี่ด้วยเครื่องเสียงแบบ Harman Kardon® Logic 7® surround sound system ที่ให้เสียงรอบทิศทาง, ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Bluetooth), ระบบนำทาง GARMIN MAP PILOT

Mercedes-AMG GLA 45 AMG แต่ละคันได้รับการปรับแต่งขุมพลังด้วยช่างเพียง 1 ท่าน พร้อมกับลงลายเซ็นประทับไว้ที่ฝาครอบเครื่องยนต์ ด้วยการโมดิฟายเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร แต่มีแรงม้าสูงถึง 381 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที ให้แรงบิด 475 นิวตันเมตรที่ 2,250-5,000 รอบ/นาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT DCT 7-speed และรระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC

ติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบอากาศพร้อมระบบควบคุมระดับ ADS (Adaptive Damping System) เพื่อรองรับการขับขี่ในทุกสภาพถนน และระบบความปลอดภัยอื่นๆ อย่างครบครัน อาทิ ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) และไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light), กล้องแสดงภาพด้านหลังสำหรับถอยรถ, ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot), ระบบเบรก AMG High Performance Braking System ประสิทธิภาพสูง เพื่อเพิ่มความเร้าใจและปลอดภัยขณะขับขี่ที่ความเร็วสูง, ระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีโหมดการขับขี่อันหลากหลาย

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งราคาจำหน่าย The GLA ทั้ง 3 รุ่นไว้ดังนี้

GLA 200 Urban ราคา 2,090,000 บาท (ราคาเดิม)

GLA 250 AMG Dynamic ราคา 2,390,000 บาท (ราคาเดิม)

GLA 45 4MATIC ราคา 4,840,000 บาท (ปรับจากรุ่นก่อน 150,000 บาท)

RELATED ARTICLES

Most Popular