Friday, November 22, 2024
HomeAuto Newsมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี สร้างสถิติจำหน่ายทั่วโลกครบ 2 แสนคัน

มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี สร้างสถิติจำหน่ายทั่วโลกครบ 2 แสนคัน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประกาศความสำเร็จของ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี รถอเนกประสงค์ขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริด เริ่มออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกในโลกเมื่อปี 2556 ด้วยยอดจำหน่ายทั่วโลกครบ 200,000 คัน
หลังการเปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ได้ออกจำหน่ายในอีกกว่า 50 ประเทศทั่วโลก จนสามารถครองอันดับหนึ่งรถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริดที่ขายดีที่สุดในโลก เมื่อสิ้นสุดเดือนธันวาคมปี 2561*1 พร้อมกันนี้ยังครองอันดับหนึ่งรถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริดที่ขายดีที่สุดในยุโรปต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4 ปี (ปี 2558 – 2561) *1 
มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี เป็นยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ติดตั้งบริเวณด้านหน้าและด้านหลังของตัวรถ จึงไม่ต้องใช้ระบบส่งกำลัง ซึ่งส่งผลให้การใช้พลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมการขับขี่ที่นุ่มนวล ได้รับรางวัลจากหลากหลายสถาบันทั่วโลกในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา อาทิ
“ยานยนต์ปลั๊กอินยอดเยี่ยมแห่งปี 2562” โดยนิตยสารคอมพานีคาร์แอนด์แวน สหราชอาณาจักร รางวัล “ยนตรกรรมอเนกประสงค์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยอดเยี่ยมแห่งปี 2562” โดยวารสารกรีนคาร์เจอร์นอล สหรัฐอเมริกา รางวัล “ยานยนต์แห่งปีของประเทศญี่ปุ่นประจำปี 2561-2562 สาขานวัตกรรมยอดเยี่ยม” และรางวัล “เทคโนโลยียนตรกรรมยอดเยี่ยมประจำปี 2557” จากการลงมติในที่ประชุมของสมาคมนักวิจัยและสื่อมวลชนสายยานยนต์ ประเทศญี่ปุ่น หรือ RJC
ทั้งนี้ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี รุ่นปี 2019*2  มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต่ำลงในระดับ 40 กรัมต่อกิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) และในระดับ 46 กรัมต่อกิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) และมีอัตราความประหยัดน้ำมันที่ 1.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) และที่อัตรา 2.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) โดยมีอัตราการปล่อยค่าไอเสียเป็นศูนย์ในระยะทาง 54 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) และ 45 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)  
นอกจากนี้ ในรุ่นปี 2019 ยังได้รับการพัฒนาด้านระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยี รวมทั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร ใหม่ ที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดเชื้อเพลิง รวมทั้งแบตเตอรี่ที่สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และสามารถจ่ายไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังที่มีสมรรถนะเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 และโหมดการขับขี่ใหม่ ที่มีให้เลือกเพิ่มขึ้นทั้งแบบสปอร์ตและแบบขับขี่บนหิมะ

RELATED ARTICLES

Most Popular