Honda Accord 2021 เสริมความคุ้มค่าด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ซึ่งได้ติดตั้งเป็นมาตรฐาน อีกทั้งเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียมและเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน ครอบคลุมทุกรุ่นย่อย พร้อมแนะนำ แอคคอร์ด e:HEV ที่มาพร้อมเอกลักษณ์โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV โดยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,499,000 บาท ใน แอคคอร์ด รุ่น EL ปรับจากเดิม 1,457,000 บาท ส่วนรุ่น e:HEV EL+ 1,639,000 บาท และรุ่น e:HEV TECH 1,799,000 บาท ยังคงใช้ราคาเดิม ส่วนรายละเอียดการทดลองขับ ติดตามรับชมพร้อมกันได้เลยครับ
กระแสตอบรับมาดีไม่น้อย สำหรับรถธงหรูจากค่าย Honda ด้วยการเป็นโมเดลแรกของการใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ขนาดเล็กในรุปแบบ Downzising พิกัดความจุ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสุงสุด 190 แรงม้า ที่ประหยัดและให้อัตราเร่งที่ดีกว่าเครื่องยนต์ไซส์ใหญ่ รวมถึงระบบความปลอดภัยที่อัดแน่นในรุ่นท๊อพซึ่งเดิมที ใช้ชื่อเรียกว่า Hybrid
Honda Accord 2021 กลับมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งจริงๆแล้วต้องกลับมาในรูปแบบไมเนอร์เชนจ์ โดยอย่างน้อยก็ต้องมีการแต่งหน้าทาปากใหม่ แต่ในครั้งนี้ ไฮไลท์มาอยู่ที่การติดตั้งเทคโนโลยี Honda Sensing ให้กับรถทุกรุ่น ซึ่งประกอบด้วย
ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
ดีไซน์ภายนอกไม่ต่างไปจากเดิมตามสไตล์ซีดานสปอร์ตพรีเมียม เส้นสายปราดเปรียวและเฉียบคม
กระจังหน้าแบบโครเมียมที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายก็เป็นแบบ LED เช่นกัน
ในรุ่น 1.5 Turbo El มากับล้อลวดลายสปอร์ตขนาด 17 นิ้ว เสริมความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยท่อไอเสียคู่พร้อมปลอกท่อไอเสียสเตนเลส
อีกหนึ่งรุ่นเปลี่ยนจากชื่อเรียก Hybrid มาเป็น e:HEV ด้วยสัญลักษณ์ โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย ล้ออัลลอยใข้ขนาด 18 นิ้ว เสริมความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลัง และขาดไม่ได้กับฟีเจอร์เท่ๆในรูปแบบของหลังคาซันรูฟพร้อมระบบ One-Touch
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ผสานดีไซน์ความหรูหราและประณีตไว้ได้อย่างลงตัว ด้วยเบาะหนังดีไซน์พรีเมียมสีน้ำตาลและสีดำ พร้อมชุดตกแต่งลายไม้
ส่งต่อความเย็นทั่วห้องโดยสารด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา พร้อมเทคโนโลยีระบบฟอกอากาศพลาสม่าคลัสเตอร์ (Plasmacluster Technology) (เฉพาะรุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV TECH)
ส่วนระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) จะได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรร์มาตรฐานสำหรับ รุ่นท๊อป e:HEV Tech เท่านั้น
พวงมาลัยท้ายตัดแบบ D Shape ติดตั้งระบบมัลติฟังค์ชั่นเพื่อสั่งการระบบความบันเทิง รวมถึงใช้งานฟีเจอร์ต่างๆของ Honda Sensing รวมถึงมีแป้นแพดเดิลชิฟท์ ซึ่งในรุ่น 1.5 turbo El จะใช้ปรับเพิ่ม หรือ ลด อัตราทด แต่หากเป็นรุ่น e:HEV จะใช้ทำหน้าที่ในการปรับระดับแรงหน่วงที่จะส่งกำลังกลับมาสะสมยังแบตเตอรี่
Honda Accord 2021 ทั้ง 2 รุ่น ใช้มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วแบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI
เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ (Memory Seat with Easy Entry/Exit) พร้อมตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียมที่เพิ่มเติมเข้ามาให้ครบครันในรุ่นเริ่มต้น (รุ่น EL) อาทิ
อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (Auto Dimming Rearview Mirror)
ม่านบังแดดกระจกข้างด้านหลัง (Rear Door Window Sunshades)
ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง (2 Rear USB Ports)
Honda CONNECT เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน
สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น e:HEV TECH จะพิเศษกว่ารุ่นอื่นๆ ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor: CTM) ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System)
อุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยสำหรับรถทุกรุ่นประกอบไปด้วย ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
Honda Accord 2021 มาพร้อมกับ 2 ขุมพลังการขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูง ได้แก่
รุ่น 1.5 Turbo EL ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 243 นิวตัน-เมตร จากเทคโนโลยีไดเรคอินเจคชัน (Direct Injection) ประสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ขับสนุก อัตราเร่งทันใจ และมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ 16.4 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรองรับน้ำมัน E85
รุ่น e:HEV มาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) เป็นการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบกำลังสูงสุด 215 แรงม้า จากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร โดยมีอัตราการประหยัดน้ำมันถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร
โหมดการขับขี่มีถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) อีกทั้งผู้ขับขี่สามารถกดสวิตช์เลือกควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Mode) เพื่อเข้าสู่โหมดการขับขี่ที่ใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนได้อีกด้วย
ส่วนโหมดการขับขี่เดิมในแบบสปอร์ต (Sport Mode) หรือแบบประหยัด (ECON Mode) ยังคงมีไว้เฉกเช่นเดิม
ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท ได้รับการพัฒนาจากปีกนกรูปตัว A ให้เป็น L เพื่อการยึดเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้น สำหรับช่วงล่างด้านหลังนั้นเป็นแบบอิสระมัลติลิงค์ ซึ่งช่วงล่างหน้าและหลังได้รับการติดตั้งเหล็กกันโคลง และมีการปรับปรุงในส่วนของโช๊คอัพและคอยล์สปริงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ตัวช่วยด้านความปลอดภัยมีมาให้ครบครัน ทั้งระบบเบรกเอบีเอสและระบบกระจายแรงเบรคแบบอีบีดี ถุงลมนิรภัย ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ระบบเพิ่มความคล่องตัวขณะขับขี่ และ ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน หรือ Hill Start Assist รวมถึงให้ความสะดวกสบายด้วยระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมสั่งการเปิดเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start)
การทดลองขับ Honda Accord 2021 ในครั้งนี้ เราได้นำทั้งรุ่น 1.5 Turbo EL และ e:HEV Tech ไปทดลองในระยะทาง 100 กม. ซึ่งแต่ละรุ่นนั้นสะท้อนคาแรกเตอร์ได้อย่างชัดเจน
ในรุ่น 1.5 Turbo EL ออกแบบมาในสไตล์กระฉับกระเฉง ระบบช่วงล่างปรับเซ็ทมาได้ลงตัว ไม่นุ่มจนเกินไป ในส่วนของงานประกอบทำได้เนี๊ยบ รวมถึงการเก็บเสียงในห้องโดยสารด้วยเทคโนโลยี Lazer Blazing และใช้สเปรย์โฟมอุดตามรูต่างๆ ซึ่งตัวช่วยอย่างกระจก Acoustic Glass ทำให้ห้องโดยสารเงียบ เบาะนั่งเป้นสีน้ำตาลแดง เสริมความหรู
ฟีเจอร์ที่เป็นไฮไลท์นั่นคือ Honda Sensing แต่แสดงการทำงานยังไม่ทันสมัยเท่ากับ Honda Civic ที่มีภาพรถยนต์แสดงที่จอ TFT แม้ว่าในขณะนั้นกำลังค่อมช่องทางอยู่ก็ตาม โดยควบคุมรวมถึงสั่งการใช้งานจากพวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่น
พวงมาลัยน้ำหนักดีปรับค่าตามความเร็ว เพื่อการควบคุมรถที่มั่นใจ และแม่นยำ จอกลางแสดงค่าการทำงานในส่วนของภาคบันเทิง เนวิเกเตอร์ และ กล้องมองภาพทั้งระบบ Honda Lanewatch และ กล้องมองหลังที่ปรับได้ 3 มุมมอง นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ในส่วนของ Apple Carplay
ขุมพลังจิ๋วแต่แจ๋วซึ่งเป็นบล็อกเดียวกับ Honda Civic ตามขนาดความจุ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 243 นิวตันเมตร ที่ระบบเกียร์มีทีเด็ดตรงที่ว่า หากขับปกติ เกียร์CVT ทำงานได้ราบลื่น ไร้รอยต่อของอัตราทด แต่หากเพิ่มนน.ไปที่คันเร่ง ระบบจะแบ่งอัตราทดออกเป็น 4 จังหวะ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับแพดเดิล ชิฟท์ ที่แยกย่อยอัตราทดเป็น 7 จังหวะ
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึง 9 วินาที และอัตราสิ้นเปลืองตามอีโค่สติ๊กเกอร์อยู่ที่ 16.4 กม./ลิตร
ระบบช่วงล่างหน้าเป็นแบบอิสระแมคเฟอร์สันตรัท และ หลังเป็นมัลติลิงค์ ออกแบบมาให้มีความแน่น แต่ไม่ถึงกับกระด้าง ช่วงผิวทางที่ขรุขระ ซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี
ในส่วนของรุ่น e:HEV Tech ซึ่งเป็นรุ่นท๊อพ ถ้าบอกว่าเหนือกว่ารุ่น 1.5 EL Turbo ในทุกด้าน จะเพิ่มเติมส่วนของฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยกับระบบ Rear Cross Traffic Alert ซึ่งจะเตือนพร้อมเบรกเมื่อมีวัตถุเคลื่อนที่ ขณะถอยออกจากช่องจอด และอีกหนึ่งระบบได้แก่ ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ที่ใช้งานง่าย และมีให้เลือกจอดได้หลายรูปแบบ
มาถึงเรื่องของขุมพลังลุกผสมแบบไฮบริดระบบ i-MMD มอบกำลังสูงสุด 215 แรงม้า จากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร โดดเด่นด้านอัตราการประหยัดน้ำมันถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร แต่ด้านสมรรถนะก็ไม่น้อยหน้า เพียงแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ใช้ความเร็ว อาจมีเสียงมอเตอร์ไฟฟ้าดังขึ้นจนได้ยินชัด
ระบบช่วงล่างแบบเดียวกัน แต่นน.ที่ต่างกันไปเพราะมีแบตเตอรี่ที่เพิ่มเข้ามา อาจเป็นจุดที่ทำให้ฟิลลิ่งของระบบรองรับนั้นดีกว่าในรุ่น 1.5 EL Turbo ส่วนตัวแพดเดิล ชิฟท์ ที่พวงมาลัย ทำหน้าที่ในการเพิ่มความหน่วงได้ถึง 4 ระดับ โหมด EV นั้น ทำความเร็วได้ถึง 130 กม./ชม.
แต่การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารตกเป็นรองในรุ่น 1.5 EL Turbo ซึ่งในรุ่น e:HEV นั้นติดตั้งหลังคาซันรูฟมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่วเป็นต้นเหตุของเสียงที่เร็ดรอดเข้ามานั่นเอง
บทสรุปของการทดสอบ Honda Accord 2021 ถือเป็นการเติมเต็มเทคโนโลยีความปลอดภัยในรูปแบบ Honda Sensing โดยรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน ไม่ได้รับการปรับแต่งให้ต่างไปจากเดิม ขุมพลังในรุ่น 1.5 EL Turbo แม้ว่าขนาดความจุจะเล็ก แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาในการขับขี่ แถมยังมีอัตราสิ้นเปลืองที่ประหยัด สำหรับรุ่น e:HEV ฟิลลิ่งช่วงล่างขับได้มันใจกว่า เพราะน้ำหนักตัวรถที่มากขึ้นจากแบตเตอรี่ แต่การเก็บเสียงในห้องโยสารตกเป็นรองเล็กน้อย เพราะมีซันรูฟไฟฟ้า ซึ่งเป็นต้นเหตุของเสียงที่เร็ดรอดเข้ามาในรถ ราคาจำหน่ายรุ่น 1.5 Turbo EL อยู่ที่ 1.499 ล้านบาท เพิ่มขึ้นไม่ถึง 30,000 บาท แต่ e:HEV ยังคงใช้ราคาเดิม ทีนี้ลองเลือกดูครับว่าแบบไหนเหมาะกับตัวคุณ