Sunday, December 22, 2024
HomeAuto Test(มีคลิปวีดีโอ) ทดลองขับ Mitsubishi Outlander PHEV ขับดี ประหยัด ตัวช่วยเยอะ...แต่มาขายช้าไปนิด

(มีคลิปวีดีโอ) ทดลองขับ Mitsubishi Outlander PHEV ขับดี ประหยัด ตัวช่วยเยอะ…แต่มาขายช้าไปนิด

Mitsubishi Outlander PHEV รถเอนกประสงค์ระบบปลั๊กอินไฮบริดแบบไม่ง้อสายชาร์จ ทำระยะทางได้กว่า 50 กม. โดยไม่ใช้เชื้อเพลิง และยังเป็นต้นทางของพลังงานซึ่งกระจายไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน มีระบบขับเคลื่อนแบบ AWD และมีตัวช่วยการขับขี่เต็มรูปแบบ ราคาจำหน่าย 1.64 ล้านบาท ในรุ่น GT และ 1.749 ล้านบาท ในรุ่น GT Premium จะเป็นราคาที่สมเหตุสมผลหรือไม่ และรายละเอียดแบบเจาะลึกจะเป็นอย่างไร ติดตามได้จากรายงาน

Mitsubishi Outlander PHEV ถือว่าเป็นรถเอสยูวีระบบปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของ มิตซูบิชิ ที่ได้นำเทคโนโลยีแบบจัดเต็ม ซึ่งให้ความคุ้มค่าจนได้กระแสตอบรับด้วยยอดจำหน่ายกว่า 240,000 คันทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย นอกจากเปิดตัวพร้อมจำหน่าย ยังได้มีการลงทุนด้วยเม็ดเงินกว่า 300 ล้านบาท เพื่อเป็นโรงงานผลิตแห่งที่ 2 ของโลก ต่อจากประเทศญี่ปุ่น

Mitsubishi Outlander PHEV 1

รถเอนกประสงค์รุ่นแรกของมิตซูบิชิ มากับขนาดมิติความยาว ยาว 4,695 มิลลิเมตร กว้าง 1,800 มิลลิเมตรและสูง 1,710 มิลลิเมตร ในขณะที่ระยะฐานล้อยาว 2,670 มิลลิเมตร ส่วน Ground Clearance อยู่ที่ 190 มิลลิเมตร

Mitsubishi Outlander PHEV 2

Mitsubishi Outlander PHEV 3

รูปลักษณ์ยังคงสไตล์ Dynamic Sheild ใช้สีดำ Piano Black มาสร้างความสปอร์ตให้กับกระจัง ตัดด้วยเส้นโครเมียมให้อารมณ์ทั้งหรูหรา และดุดันได้อย่างลงตัว ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์เลนส์แอลอีดี และยังรวมไฟกลางวันไว้ในโคมเดียวกัน รวมถึงไฟตัดหมอกทรงกลมที่มุมกันชนก็ใช้แบบแอลอีดีด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ได้ติดตั้งระบบเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติมาให้เสร็จสรรพ พร้อมระบบฉีดน้ำล้างไฟหน้า Headlamp Washe

Mitsubishi Outlander PHEV 3

ด้านบนมีแรคหลังคา กระจกมองข้างมีระบบไฟส่องสว่าง Welcome Light ระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์ Coming Home Light ส่วนล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว หุ้มยาง 225/55 R18 จาก Dunlop

Mitsubishi Outlander PHEV 4

Mitsubishi Outlander PHEV 5

ด้านท้ายโดดเด่นด้วยไฟท้ายแบบแอลอีดี ฝาท้ายสามารถเปิดปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าหลากรูปแบบพร้อมติดตั้งระบบ Jam Protection ป้องกันการหนีบ แต่ยังไม่ได้รับการติดตั้งระบบ Kick Sensor

Mitsubishi Outlander PHEV 6

ภายในกว้างขวาง สำหรับรุ่นที่จำหน่ายในต่างประเทศ มีทั้งแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง แต่ในเมืองไทย เลือกจะทำตลาดเป็นรถเอนกประสงค์ในกลุ่ม 5 ที่นั่ง เบาะนั่งและแผงข้างหุ้มด้วยหนังแท้ ห้องโดยสารมีระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวซึ่งจะส่งเสียงเตือนหลังจากที่ล๊อครถ

Mitsubishi Outlander PHEV 7

Mitsubishi Outlander PHEV 8

พวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่นใช้สั่งการฟีเจอร์ต่างๆของระบบ Advance Safety ซึ่งประกอบไปด้วยระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM,ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง UMS,ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา BSM,ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลนระยะไกล LCA – Lane Change Assist,ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง RCTA – Rear Cross Traffic Alert, ระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control – ACC)

Mitsubishi Outlander PHEV 9

ทั้งนี้ยังมีแป้นแพดเดิลชิฟท์ ที่ไม่ใช้สำหรับการเปลี่ยนอัตราทด แต่เป็นระดับของการหน่วงความเร็ว ในกรณีที่ต้องการนำพลังงานจากแรงเฉื่อย แรกลับไปเป็นพลังงานในแบตเตอรี่ ซึ่งเลือกได้ถึง 5 ระดับ

Mitsubishi Outlander PHEV 10

มาตรวัดเป็นแบบทรงกลม 2 ช่อง ด้านซ้ายจะบอกสถานะการใช้งานระหว่างระบบไฮบริด และ เครื่องยนต์ ส่วนช่องขวาเป็นเข็มวัดความเร็ว และตรงกลางจะมีจอสดงข้อมูลการขับขี่แบบ MID

Mitsubishi Outlander PHEV 11

 

คอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ที่มีฟังค์ชั่นการใช้งานเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบ Android Auto และ Apple Carplay รวมถึงยังแสดงการทำงานจากกล้องมองภาพรอบคัน Multi Around View Monitor ระบบปรับอากาศเป็นแบบ Dual Zone มาพร้อมช่องระบายความเย็นสำหรับผู้โดยสารแถว 2

Mitsubishi Outlander PHEV 12

ถัดลงมามีปุ่มควบคุมการทำงานของหลายฟีเจอร์ทั้งปุ่มการขับขี่โหมด Eco ,สวิตช์ไฟ AC 1500 Watt,ระบบเตือนการชนรอบคัน และสวิตช์เปิดฝาท้ายจากภายในรถ

Mitsubishi Outlander PHEV 13

คันเกียร์เป็นแบบจอยสติ๊ก แยกเกียร์ P ออกมาเฉพาะ มีโหมด EV และ สวิตช์ชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ รวมถึงโหมดการขับขี่ในระบบ Super All Whell Control (S-AWC) มีด้วยกัน 3 รูปแบบ ได้แก่

Mitsubishi Outlander PHEV 15

โหมดอีวี (ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ)
โหมดซีรีย์ ไฮบริด (ขับเคลื่อนหลักด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าคู่)
โหมดพาราเรล ไฮบริด (เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถไปพร้อมกัน)

จุดเด่นของรถคันนี้คือขุมพลังที่มาจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC ขนาด 2,359 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous Permanent Magnetic Motor 2 ตัว ด้านหน้า กำลังสูงสุด 82 แรงม้า 137 นิวตันเมตร และ ด้านหลังกำลังสูงสุด 95 แรงม้า 195 นิวตันเมตร

Mitsubishi Outlander PHEV 16

ส่งผลให้มีพละกำลังรวม 305 แรงม้า แบตเตอรี่ Lithium-ion 300 volts ความจุ 13.8 kWh สามารถชาร์จไฟฟ้า AC 3.7 kW 230V 16A 0-100% ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที และแบบ CHAdeMO Fast Charge 0-80% ใช้เวลา 25 นาที ทำระยะทางไกลสุดด้วยไฟฟ้าล้วน 55 กิโลเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขจากอีโค่สติ๊กเกอร์

ระบบรองรับเป็นแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าเป็นแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นมัลติลิงค์ นอกจากนี้ยังมีระะบบช่วยเหลือด้านการขับขี่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกระหว่างล้อซ้ายและล้อขวา ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ติดตั้งที่เพลาหน้า-หลัง ควบคุมแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ

ก่อนจะเข้าสู่เรื่องราวของการทดลองขับ Mitsubishi Outlander PHEV มีอีกคุณสมบัติเด่นนั่นคือเป็นต้นทางของการส่งกระแสไฟจากรถ ไปยังเครื่องใช้ในครัวเรือน โดยใช้กำลังไฟ 1500 watt ส่งไปยังปลั๊กขนาด 220 Volt เพื่อใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้หลากชนิด ซึ่งในครั้งนี้ ได้ลองนำกระทะไฟฟ้ามาประกอบอาหารเช้า ใช้เวลาในการทดลองอยู่ร่วม 30 นาที แต่กระแสไฟที่ถูกปล่อยออกมาจากแบตเตอรี่นั้นหายไปเพียง 10%

Mitsubishi Outlander PHEV 17

อิ่มหนำจากอาหารเช้าที่นำไฟจากแบตเตอรี่ขนาด 13.8 KWh เป็นต้นกำเนิด เข้าสู่ช่วงทดสอบ โดยจุดหมายแรกอยู่ห่างไปประมาณ 50 กม. ในช่วงนี้จะใช้พลังขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งตัวเลขแสดงระยะทางที่ใช้ได้อยู่ที่ 34 กม. แต่ทั้งนี้ พฤติกรรมการขับขี่เป็นตัวแปรที่สำคัญ และตัวเลขที่ทำออกมาจาก 34 กม. แต่การใช้งานจริงกลับได้ระยะทาง 48 กม. ซึ่งพลังงานจากแบตเตอรี่นั้นมาหมดก่อนถึงจุดเช็คอินที่ 2 เพียง 1 กม. เท่านั้น

Mitsubishi Outlander PHEV 18

ระยะทางที่เหลือในการทดสอบอีกประมาณ 150 กม. โดยใช้เส้นทางรอบกรุงเทพเป็นบนพิสูจน์ สมรรถนะของขุมพลังที่เกิดจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อรวมกันได้ 305 แรงม้า พร้อมแรงบิดทะลุ 500 นิวตันเมตร นั้นอาจจะไม่รวดเร็วตามตัวเลขสักเท่าไหร่ แต่ก้ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน แต่หากอย่างใช้ความเร็ว โหมด Sport เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ต่อการใช้ความเร็วได้พอสมควร แต่เมื่อถอนคันเร่ง ระบบหน่วงที่คอยนำแรงเฉื่อยกลับไปเป้นพลังงานสะสมในแบตเตอรี่นั้นมีอาการดึงแบบชัดเจน ซึ่งระบบหน่วงนี้ควบคุมได้จากแป้นแพดเดิลชิฟท์บริเวณพวงมาลัย ซึ่งสามารถปรับได้ถึง 5 ระดับ

Mitsubishi Outlander PHEV 19

น้ำหนักพวงมาลัยออกแบบมาได้ดี ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป และควบคุมทิศทางได้ค่อนข้างแม่นยำ ระบบช่วงล่างออกแบบให้มีความนุ่ม แต่ในเมื่อระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ All Whell Drive ทำให้การยึดเกาะถนนมั่นใจได้

Mitsubishi Outlander PHEV 20

ในโหมดการชาร์จไฟ ผู้ขับขี่สามารถใช้งานจากสวิตช์ Save Charge ที่อยู่บริเวณคอนโซลเกียร์ โดยหากแบตเตอรี่หมดกำลัง จะใช้เวลาชาร์จกลับประมาณ 50 นาที และอาจเร็วกว่านั้นในกรณีที่รถติด เนื่องจากเครื่องยนต์ถุกสั่งการให้เป็นเครื่องปั่นไฟเพื่อนำส่งไปยังแบตเตอรี่นั่นเอง

Mitsubishi Outlander PHEV 21

ระบบตัวช่วยความปลอดภัยอย่าง Advance Safety มีมาครบ แต่ในครั้งนี้ไม่ได้ลอง เนื่องจากเคยสัมผัสกับเทคโนโลยีนี้ทั้งใน Triton และ Pajero Sport

สุดท้ายยังมีการทดสอบระบบ Super All Wheel Control (S-AWC) ด้วยสภาพเส้นทางที่เป็นกรวด ซึ่งเป็นพื้นผิวที่ให้การยึดเกาะที่ควบคุมได้ยาก ในโหมดนี้จะมีให้เลือก 3 รูปแบบทั้ง Normal, Snow, และ Rock ซึ่งจะมีตัวช่วยในการถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อต่างๆเพื่อให้การยึดเกาะที่มากขึ้น ทำให้ควบคุมรถได้ง่าย และมั่นใจยิ่งขึ้น

Mitsubishi Outlander PHEV 23

บทสรุปของการทดสอบ Mitsubishi Outlander PHEV มีเรื่องดีไม่น้อยสำหรับรถคันนี้ ทั้งเป็นเสมือนรถพลังงานเคลื่อนที่เพื่อให้เป็นต้นกำเนิดพลังไฟฟ้าสำหรับครัวเรือน และยังเป็นเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกที่ไม่ต้องง้อปลั๊กไฟในการชาร์จ ถ้าใช้งานในรูปแบบ EV สามารถทำระยะทางได้เกิน 50 กม. ตามอีโค่สติ๊กเกอร์ ระบบขับเคลื่อนแบบ Super All Wheel Control (S-AWC) จะช่วยให้การยึดเกาะถนนทำได้อย่างปลอดภทำได้อย่างปลอดภัยแม้ช่ววล่างจะนุ่มนวลไปสักนิด รวมถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่รวมกันได้ถึง 305 แรงม้า พร้อมแรงบิดทะลุ 500 นิวตันเมตร เมื่อได้ทดลองจริง อาจจะช้าไปสักหน้อย แต่ก็สามารถปรับเป็นโหมด Sport เพื่อสนองต่อการใช้ความเร็วได้ดีขึ้น

Mitsubishi Outlander PHEV 24

ราคาค่าตัวที่ 1,749 ล้านบาทสำหรับรุ่น GT Premium อาจสูงไปสักนิด แต่ต้องดูระยะยาวถึงความคุ้มค่าในด้านอัตราสิ้นเปลือง รวมถึงการบำรุงรักษา และในรุ่น GT ตั้งราคาไว้ที่ 1.64 ล้านบาท ซึ่งต่างจากรุ่นท๊อพประมาณแสนเศษๆ แต่ก็ถูกตัดฟีเจอร์บางส่วนของระบบ Advance Safety ก็ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าจับตา จริงๆแล้ว รถรุ่นนี้ ถ้านำเข้ามาในช่วงที่เป็นกระแสแรง น่าจะเห็นวิ่งกันเกลื่อนถนน แต่พอมาในวันที่คู่แข่งในตลาดมีพอประมาณ อาจจะเหนื่อยไปสักนิดสำหรับเรื่องยอดจำหน่าย

Mitsubishi Outlander PHEV 25

RELATED ARTICLES

Most Popular