การทดลองขับในครั้งนี้ไม่เหมือนกับหลายๆครั้ง เพราะเป็นการสัมผัสสมรรถนะช่วงสั้นๆ ที่เป็นการจำลองสถานการณ์จากการใช้ชีวิตประจำวันทั้งบนเส้นทางออนโร๊ดและออฟโร๊ด รวมถึงเทคโนโลยีล่าสุด T-Connect ซึ่งถือว่าเป็นการทดสอบแบบเรียกน้ำย่อยสำหรับ Toyota Hilux Revo Rocco 2020 ซึ่งเมื่อไหร่ที่มีการทดสอบเต็มรูปแบบ Autoworldthailand จะรีบนำเสนอ แต่ตอนนี้ไปดุกันก่อนว่าการปรับปรุงครั้งล่าสุดนี้…มีดียังไง
ด้านข้อมูลของ Toyota Hilux Revo Rocco 2020 นั้น ได้นำเสนอไปเมื่อไม่นานมานี้ หากใครที่ยังไม่ได้ดูลองตามลิงค์นี้ไปได้เลยครับ https://www.autoworldthailand.com/new-revo-fortuner/
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดสถานที่สำหรับสัมผัสแรกกับ Toyota Hilux Revo Rocco ที่ Toyota Driving Experience Park ย่านบางนา-ตราด โดยมีการจำลองสถานการณ์ตามการใช้งานในชีวิตประจำวันทั้งรูปแบบ ออนโร๊ดและออฟโร๊ด
ออนโร๊ดกับหลากหลายสถานการณ์
เริ่มต้นกับการใช้งานในรูปแบบออนโร๊ดด้วยการบังคับควบคุมรถผ่านสิ่งกีดขวางในรูปแบบสลาลอมและเปลี่ยนช่องทางกะทันหันด้วยความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. ที่สัมผัสได้คือพวงมาลัยมีตัวช่วยการผ่อนแรงหรือเรียกว่าระบบ Varible flow Control:VFC ความโดเด่นของระบบนี้คือเมื่อขับขี่ด้วยความเร็ว VFC จะเพิ่มนน.ของพวงมาลัยเพื่อให้การควบคุมรถที่มั่นใจมากขึ้น แต่ในขณะความเร็วต่ำก็จะช่วยปรับลดนน.พวงมาลัยให้เบาลงและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
แต่หากเป็นการใช้งานสมบุกสมบัน ในกรณีที่ต้องนำรถผ่านอุปสรรค ระบบก็จะช่วยผ่อนแรงเพื่อให้พวงมาลัยมีนน.เบา วึ่งจะทำให้ฟันฝ่าอุปสรรคนั้นง่ายดายยิ่งขึ้น
ต่อด้วยการทดลองระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ Lane Departure Alert:LDA ซึ่งระบบนี้จะใช้กล้องและเรดาร์ประเมินพร้อมตรวจจับตามเส้นประของถนน ทำหน้าที่ได้แสนรู้กว่าเดิมโดยอ่านจากพฤติกรรมการขับขี่ และจะใช้งานได้ต่อเมื่อความเร็วเกิน 60 กม./ชม. เท่านั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่รถเบนออกนอกช่องทาง ระบบจะคอยดึงรถกลับมาอยู่กลางช่องทางเพื่อความปลอดภัย
ด้านเครื่องยนต์ที่มีการปรับปรุงใหม่มาจากขุมพลังดีเซลเทอร์โบขนาด 2.8 ลิตร เพิ่มกำลังจาก 177 แรงม้าเป็น 204 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงถึง 500 นิวตันเมตร การปรับปรุงในครั้งนี้เกิดจากปรับขนาดเทอร์โบให้ใหญ่กว่าเดิมและเปลี่ยน Ball Bering เพื่อความไหลลื่นในการเรียงอากาศ ทั้งยังรวมถึงความทนทานต่อการใช้งาน ลูกสูบเคลือบสารเพื่อลดแรงเสียดทาน รวมถึงหัวฉีดอัจฉริยะ I-art ที่ให้ความประหยัดและแม่นยำ
ระบบเกียร์ได้ปรับใหม่เช่นกันโดยเพิ่มช่วง Lock Up เพื่อตอบสนองต่อการใช้คันเร่งตั้งแต่เกียร์ 3 เป็นต้นไป กล่าวง่ายๆคือสามารถลากเกียร์ได้มากกว่าเดิม เพื่อสมรรถนะที่ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น
การทดสอบขุมพลังใหม่ในช่วงทางตรงสั้นๆประมาณ 200 ม. ถึงแม้ว่าเป็นระยะทางสั้นๆ แต่แรงดึงของเทอร์โบใหม่ถือว่าดีกว่ารุ่นเดิมชัดเจน จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่นานกว่าเดิมทำให้ขับสนุกและตอบสนองต่อการใช้คันเร่งได้ดี
ระบบช่วงล่างได้รับการปรับใหม่เรียกว่า Super Flex Suspention จากเดิมที่ใช้แหนบ 5 เส้น ปรับลดเหลือเพียง 3 เส้น แต่ยังสามารถรับนน.ได้เท่าเดิม โดยใช้เหล็กกล้าที่แกร่งกว่า
ช่วงสถานีโรลลิ่งหรือแบบวงกลม ช่วงล่างใหม่นี้สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวล คอสะพานและพื้นขรุขระ ความนุ่มนวลที่ได้จากช่วงล่างใหม่นี้ยังช่วยลดการสั่นสะเทือนที่ส่งตรงมายังพวงมาลัยได้ดีอีกด้วย
2 สถานการณ์บนเส้นทางออฟโร๊ด
สถานการณ์แรกเป็นการไต่ความสูงขึ้นเนินชัน 40 องศา บนเส้นทางออฟโร๊ด เครื่องยนต์ได้รับการปรับแต่งให้รอบเดินเบาต่ำลง จากเดิมประมาณ 750-850 รอบ เหลือเพียง 650 รอบ ทำให้การไต่ขึ้นทางชันรูปแบบนี้เป็นเรื่องสบายๆ
ก่อนถึงยอดเนินมีการทดลองระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันและขาลงเนินก็ยังได้ทดลองระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ซึ่งระบบนี้จะคุมกำลังเครื่องยนต์และเบรกขณะลงทางชัน ด้วยการล๊อคความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. และจะสามารถทำงานต่อเมื่อรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. นอกจากช่วยลดการลื่นไถล ยังสามารถควบคุมได้ง่ายขึ้น
อีกหนึ่งรูปแบบคือเนินสลับ ซึ่งสร้างไว้ค่อนข้างชัน ช่วงล่างยืดยุบและซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี มีดิฟล๊อคมาช่วยแต่ยังไม่จำเป็นต้องใช้เพราะระบบคอยถ่ายกำลังมายังล้อที่ติดพื้นมากกว่าล้อที่ลอย ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ก็สามารถผ่านได้อย่างฉลุย
เทคโนโลยีใหม่ที่กล่าวไว้ในข้างต้นนั่นคือ T CONNECT ซึ่งหัวใจสำคัญนั้นมีชื่อเรียกว่าเป้นอุปกรณ์ Telematic โดยติดตั่งมาจากโรงงานผลิตเพื่อเชื่อมต่อระหว่างตัวรถ ศูนย์ข้อมูล คอลเซ็นเตอร์ ผ่านแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนไม่ว่าจะเป้นแบบ IOS หรือ Android
-กรณีใช้งานระบบ GPS เป้นการป้องกันการโจรกรม เช็คพิกัดตำแหน่งที่อยู่ของรถได้ทั่วทุกภูมิภาค รวมถึงตรวจเช็ความพร้อมของรถได้ทุกขั้นตอนก่อนที่จะส่งมอบ รวมถึงตรวจสอบขั้นตอนไฟแนนซ์สำหรับบางโชว์รูม
-ออกแบบ App T-Connect รุ่นใหม่ล่าสุดนอกจากที่กล่าวไว้ยังมีการช่วยเหลือฉุกเฉินในกรณีรถเสียข้างทาง และกำหนดขอบเขตความปลอดภัย หากมีการเคลื่อนย้ายจะมีการแจ้งเตือนไปยังสมาร์ทโฟน
-ในส่วนของ Telemetic Care เป็นการแจ้งเตือนการเพื่อนำรถเข้าบำรุงรักษา
-“ประกันภัยขับดีลดให้” จะลิงค์ไปกับประกันหากประวัติดี ไม่มี เฉี่ยว ชน อาจได้ส่วนลดในการต่อประกันถึง 45 %
-“HAPPINESS Mobility” ช่วยจองร้านอาหาร ตั๋วหนัง และความบันเทิงต่างๆ
-เชื่อมการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยสามารถตรวจพิกัดการใช้ ดูประว้ติย้อนหลัง และเตือนการเข้ารับบริการ
3 เรื่องราวที่นำเสนอข้อมูลทั้งการทดสอบในรูปแบบ ออนโร๊ด ออฟโร๊ด และ เทคโนโลยี T-Connect หากกล่าวโดยสรุป การปรับปรุงใหม่ในครั้งนี้ได้พวงมาลัยที่คมและสามารถปรับตัวตามการขับขี่ด้วยการควบคุมจากระบบ VFC เครื่องยนต์ตอบสนองได้ทันใจ เกียร์ใหม่ช่วยให้ขับสนุก
ระบบช่วงล่างแบบ Super Flex Suspention ให้ความนุ่มนวล ไม่กระด้าง แตกต่างจากรุ่นเดิมและยังสามารถบรรทุกได้อีกด้วย ซึ่งทางทีมวิศวกรออกแบบนั้นมองว่า ปัจจุบันรถกระบะได้รับการใช้งานเพื่อเป็นรถส่วนบุคคลมากกว่าการนำไปบรรทุก จึงเป็นแนวทางการพัฒนาระบบต่างๆ
ส่วนในเรื่องของ T-Connect ก็ได้มีการพัฒนาให้ทันสมัยและเติมเต็มส่วนต่างเพื่อการใช้งานที่สะดวกสบาย ซึ่งถือเป้นการยกระดับครั้งใหม่เนื่องจากอุปกรณ์ telematic นั้นได้รับการติดตั้งจากโรงงานโดยตรงไม่ใช่ติดตั้งที่ศูนย์บริการ
การทดสอบในครั้งนี้เพียงแค่เป็นการสัมผัสในระยะทางสั้นๆในสถานที่ปิด ซึ่งอีกไม่นานจะมีการจัดทดสอบแบบเต็มระบบ บนเส้นทางไกล แต่ยังไม่มีการระบุ ซึ่งถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ Autoworldthailand จะรีบนำมาเสนอโดยด่วนครับ
