บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เสริมทัพมอเตอร์ไซค์ในตระกูล GS เปิดตัว 4 รุ่นใหม่ที่พร้อมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่นักบิดผู้รักการผจญภัย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS ใหม่ พร้อมโฉมใหม่ในรุ่น บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS Adventure และบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure Triple Black
มอเตอร์ไซค์ในตระกูล GS ทั้ง 4 รุ่นใหม่ ซึ่งได้เผยโฉมเนื่องในโอกาสการแข่งขันรอบคัดเลือก BMW Motorrad GS Trophy Southeast Asia Qualifier 2017 ในประเทศไทย ต่างเปี่ยมด้วยสมรรถนะที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อตอกย้ำจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยของมอเตอร์ไซค์ตระกูล GS สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS Adventure ใหม่นั้นมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบใหม่ที่จะช่วยให้การขับขี่ในแบบออฟโร้ดมีความราบรื่นยิ่งขึ้น ในขณะที่ บีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS Trophy Edition ใหม่ มีช่วงล่างในรูปแบบที่แตกต่างกันให้เลือกสรร ส่วนมอเตอร์ไซค์ในตระกูลเอ็นดูโร่ยอดฮิตอย่างบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure นั้น หวนคืนบัลลังก์ด้วยสี Triple Black ที่เน้นย้ำคาแรกเตอร์อันดุดันของ บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure ได้เป็นอย่างดี
มร. มาร์คุส เกลเซอร์ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย กล่าวว่า “การเปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ถึง 4 รุ่น ยังถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทั้งยังเป็นข้อพิสูจน์ของความสำเร็จของเราในตลาดบิ๊กไบค์ประเทศไทย โดยในครั้งนี้ เราได้เสริมความแข็งแกร่งของมอเตอร์ไซค์ในตระกูล F ซีรี่ส์ ในด้านของประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรด ในขณะที่ บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure ใหม่ จะสร้างความประทับใจให้กับผู้ขับขี่อย่างแน่นอน ด้วยสมรรถนะเหนือระดับและเทคโนโลยีล้ำสมัย”
บีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS F 800 GS Trophy Edition และ F 800 GS Adventure ใหม่
บีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS ราคา: 485,000 บาท (ราคารวม VAT)
บีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS Trophy Edition ราคา: 510,000 บาท (ราคารวม VAT)
บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS Trophy Edition ราคา: 575,000 บาท (ราคารวม VAT)
บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS Adventure ราคา: 699,000 บาท (ราคารวม VAT)
มอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู GS ในซีรีส์ F เป็นตัวแทนจิตวิญญาณแห่งอิสรภาพของนักบิด เปี่ยมด้วยสมรรถนะอันปราดเปรียวทั้งบนท้องถนนและเส้นทางออฟโรด สำหรับในรุ่นล่าสุดนี้ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดได้พัฒนามอเตอร์ไซค์เอนดูโร่พันธุ์แท้นี้ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 798 ซีซี ที่ปรับลดอัตราการปล่อยมลภาวะตามมาตรฐาน EU4
ระบบคันเร่งไฟฟ้าแบบใหม่ มาพร้อมกับโหมดการขับขี่แบบ “Rain” และ “Road” สำหรับการขับขี่บนพื้นผิวที่ชื้นหรือแห้ง สำหรับรุ่น F 700 GS และรุ่น F 800 GS Trophy Edition และยังมีอีกสองโหมดจากระบบ Riding Modes Pro ให้ลูกค้าเลือกแต่งได้เป็นพิเศษเฉพาะในรุ่น F 800 GS Adventure คือโหมด “Enduro” และ “Enduro Pro”
สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS ใหม่นั้น มีจำหน่ายในสองรุ่นย่อยคือ รุ่นธรรมดาและรุ่น GS Trophy Edition (สีขาวเท่านั้น) ที่มาพร้อมกับช่วงล่างที่สูงขึ้น พร้อมระบบ ESA (Electronic Suspension Adjustment) หรือการปรับช่วงล่างด้วยระบบไฟฟ้า และระบบ ASC (Automatic Stability Control) ขณะที่รุ่นธรรมดามีให้เลือกสองสีด้วยกัน ได้แก่สีแดง Racing Red และสีเทา Singapore Grey metallic matt
ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS Trophy Edition ใหม่ ตกแต่งให้สะดุดตาด้วยสติ๊กเกอร์ลาย GS Trophy ในรุ่นสีขาว เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการแข่งขัน GS Trophy ในครั้งนี้ พร้อมกับการ์ดป้องกันเครื่องยนต์และแครชบาร์
และรุ่น F 800 GS Adventure ใหม่ที่ถือเป็นตำนานแห่งตระกูลเอนดูโร่ มาพร้อมช่วงล่างที่สูงขึ้นกว่ารุ่น F 800 GS ที่วางขายในประเทศไทย 70 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเพิ่มความจุมากขึ้น 8 ลิตร อีกทั้งยังมีระบบทำความร้อนที่แฮนด์และไฟเลี้ยว LED เพิ่มเข้ามาในอุปกรณ์มาตรฐาน
บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure Triple Black ใหม่ ราคา: 1,085,000 บาท (ราคารวม VAT)
บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure กลับมาอีกครั้งของเหล่าสาวกบิ๊กไบค์ตามคำเรียกร้องในสีดำ Triple Black ที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นสะดุดตา พร้อมลุยกับทุกการผจญภัย ด้วยความจุถังน้ำมัน 30 ลิตร ขับเคลื่อนแบบออฟโรดด้วยเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์สองสูบ 4 จังหวะ ระบบหล่อเย็นด้วยอากาศและน้ำ มอบกำลังสูงสุดถึง 125 แรงม้าพร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 125 นิวตันเมตร
R 1200 GS Adventure Triple Black ยังมาพร้อมกับนวัตกรรมล้ำสมัยอีกมากมายเช่นในรุ่นเดิม เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Dynamic ESA (Electronic Suspension Adjustment) หรือการปรับช่วงล่างด้วยระบบไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด ที่สามารถปรับเปลี่ยนระหว่างโหมดการขับขี่แบบ Pro ต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องบีบคลัตช์ Gear Shift Assistant Pro และระบบการขับขี่แบบไร้กุญแจ หรือ Keyless Ride และอื่นๆ อีกมากมาย