ตลาดรถปิกอัพเริ่มร้อนระอุ เมื่อค่ายมาสด้าหวนกลับมาทำตลาดรถปิกอัพอีกครั้ง หลังจากทุ่มเทอย่างหนักกับตลาดเก๋งจนประสบความสำเร็จทำให้รถยนต์นั่งก้าวขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก และครองอันดับ 3 ของตลาดรถเก๋งอย่างถาวร ถึงเวลาที่มาสด้าต้องกลับมาทวงบัลลังก์ยอดขายรถปิกอัพ โดยที่หลังก่อนหน้านี้ปล่อยให้คู่แข่งขันเปิดสงครามแลกหมัดกันอย่างเมามัน ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมามาสด้าไม่ได้นิ่งเฉย กลับซุ่มเงียบเพื่อการออกแบบดีไซน์ใหม่ แล้ววันนี้ มาสด้าเผยหมัดเด็ดด้วยการส่งรุ่นพิเศษลงสู้ศึก ภายใต้ชื่อ Mazda BT-50 PRO THUNDER พร้อมวางกลยุทธ์ที่ไม่ต้องต่อกรกับคู่แข่งโดยตรง แต่ฉีกหนีภาพลักษณ์แบบรถปิกอัพสไตล์เดิมๆ ที่เน้นแข็งแกร่งดุดัน มาสด้ามุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่เรียกว่ารถปิกอัพอเนกประสงค์ เน้นลูกค้าที่ต้องการความหรูหรา ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันที่หลากหลาย
มาสด้าไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในส่วนของรถยนต์นั่งเท่านั้น แต่มาสด้ายังได้สร้างสรรค์รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ที่มีความชื่นชอบในการใช้รถปิกอัพสไตล์รถเก๋ง ดังนั้นมาสด้าจึงมุ่งค้นหาเอกลักษณ์เฉพาะตน ทั้งในเรื่องการออกแบบที่สวยงาม ดีไซน์สปอร์ตหรู พร้อมกับห้องโดยสารกว้างขวาง เพราะรถปิกอัพนั้นไม่ใช่เพียงรถที่ไว้บรรทุกของ แต่ยังสามารถนำมาใช้เพื่อการเดินทางในชีวิตประจำวัน รวมถึงเพื่อการท่องเที่ยวเดินทางไปยังที่สถานที่ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย และในวันนี้มาสด้าได้เผยโฉม มาสด้า บีที-50 โปร ธันเดอร์ ใหม่ ภายใต้แนวคิด “ให้ทุกเป้าหมายเป็นจริงได้”
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถกระบะนั้นครองอันดับ 1 ครองยอดส่วนแบ่งตลาดสูงสุดมาโดยตลอด เนื่องจากประเทศไทยส่วนใหญ่ยังเป็นประเทศเกษตรกรรม รถกระบะจึงเป็นยานพาหนะที่เหมาะสมในการใช้งานรอบด้าน ซึ่งปัจจุบันรถปิกอัพโดยส่วนใหญ่ในตลาดนั้นจะเน้นคุณสมบัติของการบรรทุกเป็นหลัก ดังนั้น มาสด้าจึงฉีกแนวรูปลักษณ์ของรถกระบะแบบเดิมๆ ด้วยการเพิ่มในส่วนของการออกแบบที่สวยงามยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ผลลัพธ์ของการใช้งานที่หลากหลายเช่นเดียวกับรถอเนกประสงค์ และสัมผัสได้ในสไตล์รถยนต์นั่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งการปรับดีไซน์ใหม่ในครั้งนี้ มาสด้าได้เพิ่มสติ๊กเกอร์ลายกราฟฟิกด้านข้าง พร้อมดีไซน์กันชนหน้าใหม่ เพิ่มกระจังหน้าแบบโครเมียมดีไซน์ใหม่ ให้มุมมองความสปอร์ตและเพิ่มความหรูหรามากยิ่งขึ้น
การเปิดตัวรถกระบะ บีที-50 โปร THUNDER ในครั้งนี้ ถือเป็นการกระตุ้นกลุ่มผู้บริโภคในเรื่องของการสร้างการจดจำของแบรนด์ในส่วนของไลน์รถกระบะของมาสด้า ซึ่งในปีนี้มาสด้าวางเป้ายอดขายรถกระบะ บีที-50 โปร ในปีนี้ไว้ที่ 7,000 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 15% ตอบโจทย์กลุ่มกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถกระบะที่มีสมรรถนะสูง ให้ทั้งความแรงและประหยัด ด้วยช่วงล่างอัจฉริยะ ซูเปอร์ ดีอี (super DE-S) ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความปลอดภัย ทั้งยังนุ่มสบายและดูดซับแรงสะเทือนไม่ให้เข้าถึงห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี เสริมด้วยเหล็กกันโคลงหน้า ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว และมีประสิทธิภาพสูงในเรื่องยึดเกาะถนน พร้อมสมรรถนะการบังคับควบคุมที่ดีเยี่ยม
รถกระบะมาสด้า BT-50 PRO THUNDER รุ่นพิเศษ ปี 2018 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับดีไซน์ภายนอกให้ความสปอร์ตหรูหราไปอีกขั้น เน้นเอกลักษณ์การออกแบบเช่นเดียวกับรถยนต์นั่งของมาสด้า เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถกระบะแบบอเนกประสงค์ แต่ให้ความสปอร์ตหรู ช่วงล่างดี ห้องโดยสารกว้าง สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยของลูกค้าในปัจจุบัน มีคุณสมบัติโดดเด่นกว่ารถปิกอัพทั่วไปที่จำหน่ายในท้องตลาด โดยรุ่นพิเศษนี้มีให้เลือกทั้งตัวถังแบบฟรีสไตล์แคบ หรือบานแค็ปเปิดได้ FSC Hi-Race เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และรุ่น 4 ประตู DBL Hi-Racer ทั้งแบบเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ประกอบด้วย สีขาว คลูไวท์, สีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิค, สีดำ เจ็ทแบล็ก และสีขาวมุก สโนว์เฟลก
ราคาจำหน่าย รวมอุปกรณ์ตกแต่ง
- Mazda BT-50 PRO THUNDER FSC Hi-Racer 2.2L 6MT ราคา 701,000 บาท*
- Mazda BT-50 PRO THUNDER DBL Hi-Racer 2.2L 6MT ราคา 792,000 บาท*
- Mazda BT-50 PRO THUNDER DBL Hi-Racer 2.2L 6AT ราคา 952,000 บาท**
(*สีเมทัลลิค เพิ่ม 7,000 บาท และ **สีขาวมุก สโนว์เฟลก เพิ่ม 7,000 บาท)
มาสด้า บีที-50 โปร THUNDER มาพร้อมระบบมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก และเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับที่มีในรถยนต์นั่งมาสด้าทุกรุ่น โดยรถรุ่นพิเศษนี้จะมีให้เลือกทั้งในรุ่นฟรีสไตล์แค็ป และรุ่นดับเบิ้ลแค็ป ทั้งแบบเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ด้วยเครื่องยนต์ดีไอ-ธันเดอร์ โปร 2.2 ลิตร สามารถเรียกกำลังได้ทั้งในรอบต่ำและรอบสูง
มาสด้าบีที-50 โปร ปลอดภัยเหนือระดับ…มั่นใจตลอดเส้นทาง
- โครงสร้างตัวถังขึ้นรูปจากเหล็กกล้าทนแรงดึงสูงที่แข็งแกร่งและมีน้ำหนักเหมาะสมกับขนาดเครื่องยนต์
- ระบบเพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน EBA (Emergency Brake Assist) และระบบเบรกอัตโนมัติ BOS (Brake Override System)
- ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
- ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินกะพริบเมื่อเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- เข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น
- เครื่องเล่น DVD พร้อมระบบนำทาง Navigator
- เฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป (LSD)
- กล้องมองหลัง
โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางทางโซเชียลมีเดีย
เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial Facebook/YouTube/Instagram/LINE