All New Toyota Yaris Ativ อีโค่คาร์ขวัญใจมหาชนกลับมาใหม่ด้วยรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวในสไตล์ฟาสต์แบค รุ่นท๊อพตกแต่งเพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสาร พร้อมยกระดับด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense พร้อมสะดวกสบายไปกับเทคโนโลยี T-Connect ขุมพลังและระบบส่งกำลังปรับใหม่ มาดูกันว่าความคุ้มค่ากับราคาค่าตัว 638,000 บาท จะน่าสนใจเพียงใด
กระแสแรงมากๆสำหรับ All New Toyota Yaris Ativ ซึ่งหลังจาก โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศ ไทย จำกัด เปิดตัวออนไลน์เพียงวันเดียว กวาดยอดผู้เข้าชมไปได้กว่า 10 ล้านวิว นอกจทกนี้ยังได้ทีมวิศวกรชาวไทยมาช่วยพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้รถชาวไทยได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า และสะดวกสบาย
มิติตัวรถถูกพัฒนาให้มีขนาดที่ กว้างและยาวขึ้น เช่นเดียวกับฐานล้อ เมื่อเทียบกับรถในเซกเมนต์เดียวกันจะมีตัวถังยาวที่สุดในรุ่น การออกแบบตามสไตล์รถ Fast Back ที่ผสมผสานความโฉบเฉี่ยวและสปอร์ตไว้ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ รถทุกรุ่นยังมากับล้อขนาด 16 นิ้ว
ภายนอกหากมองเผินๆจะมีความคล้ายกับ Camry รุ่นท๊อพ Premium Luxury ไฟหน้าเป็นแบบ Full LED พร้อมไฟกลางวันและมีระบบเปิด/ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ มาพร้อมกระจังหน้าสีดำ Pieno Black
มุมมองท้ายรถให้อารมณ์สปอร์ต ด้านใต้มีพลาสติกขึ้นรูปแบบดิฟฟิวเซอร์ ไฟท้ายยังคงใช้แบบแอลอีดีเช่นเดียวกัน และด้านบนมีเสาอากาศแบบครีบฉลาม พื้นที่ฝากระโปรงท้ายใหญ่ ใส่ถุงกอล์ฟได้ 3 ใบแบบหลวมๆ มีแผ่นกั้นแยกสัดส่วนเพื่อความเป็นระเบียบ
ห้องโดยสารรุ่นท๊อพแต่งด้วยหนังสีน้ำตาลแดงแบบ Dakota อารมณ์เดียวกับรถยุโรป ชุดคอนโซลแทบจะแกะแบบมาจาก Camry มาตรวัด Full Digital ปรับการแสดงข้อมูลได้หลายรูปแบบ
พวงมาลัยแปรผันตามรอบความเร็ว และมีระบบมัลติฟังค์ชั่นเป็นปุ่มควบคุมและสั่งการระบบความบันเทิง และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
คอนโซลกลางมีจอทัชสกรีนขนาด 9 นิ้ว แสงดภาพจากกล้องมองหลัง รองรับ Apple Car Play และ Endroid Auto แต่ไม่มี Wiress Charger ด้านใต้มีระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล พร้อมกรองอากาศ PM 2.5 ลำโพงทั้ง 6 ตัวเป็นของไพโอเนียร์
แอบเก๋ด้วยกระจกแต่งหน้าด้านบนศรีษะ แต่ก็มีเฉพาะคนขับเพียงด้านเดียว ในส่วนของเหนือศรีษะฝั่งผู้โดยสาร จะมีกล้องบันทึกภาพหน้ารถติดตั้งมาให้เสร็จสรรพ ใกล้กับคอนโซลเกียร์มีเบรคมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold
ขุมพลังเดิม 1.2ลิตร ปรับกำลังเพิ่มจาก 92 เป็น 94 แรงม้า และแรงบิดจาก 109 เป็น 110 นิวตันเมตร ระบบเกียร์เปลี่ยนมาเป็น Super CVT นำมาจาก Veloz แต่ก็มีการปรับในส่วนของสมองกลใหม่อีกเช่นกัน เพื่อการตอบสนองที่ดี ทั้งยังมีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่ 23.3 กม./ลิตร
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นอิสระแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังใช้แบบทอร์ชั่นบีม และคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง การเข้าโค้งด้วยความเร็วสัมผัสได้ถึงการยึดเกาะและไม่นุ่มนวลจนเสียอาการ นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยการขับขี่อย่างระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill Start Assist Control) ทำให้ใช้งานได้หลากรูปแบบตามไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่
ระบบควาทปลอดภัยจากกล้อง 2 ตัวด้านหน้า จะทำงานสอดคล้องกับเบรคและพวงมาลัย ซึ่งการทำงานระยะหวังผล ปรับจาก 90 ม.เป็น 250 ม. ในกรณีปกป้องก่อนเกิดเหตุ
การทดสอบสมรรถนะในครั้งนี้ใช้เส้นทางกรุงเทพ -พัทยา ระยะทางกว่า 150 กม.ทั้งจราจรพลุกพล่านและทางหลวงโล่งๆ มาเริ่มกันที่ห้องโดยสาร ถือว่าเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี เงียบ และกว้างขวาง ใหญ่ โต ในส่วนของเบาะนั่งถ้าปรับในส่วนของเบาะรองนั่งให้ยาวขึ้น จะนั่งสบายกว่านี้ เพราพื้นที่ในส่วนที่รับกับน่องขาน้อยเกินไป สำหรับเบาะหลังนั่งสบาย แต่ไม่สามารถพับเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้
การบังคับควบคุมทำได้แม่นยำ พวงมาลัยมีนน.เบา แต่ก็แปรผันตามรอบความเร็ว การควบคุมระบบความบันเมิงทำได้ง่าย แต่ในส่วนของเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense นั้นมีการแยกสวิตช์ควบคุมหลายระบบไปไว้ที่บริเวณใต้ช่องแอร์ฝั่งขวา จึงต้องทำความเข้าใจกับการใช้งานสักนิด
มาตรวัดดิจิตอลแสดงภาพสวยงาม เช่นเดียวกับจอทัชสกรีน 9 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลางซึ่งทำหน้าที่แสดงภาพจากกล้องมองหลังได้คมชัด รวมถึงยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทุกระบบ
ขุมพลังจี๊ดจ๊าดขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ 14 วินาที ในขณะที่รุ่นก่อนทำได้เกือบ 15 วินาที เรื่องที่โดเด่นจะเน้นไปในเรื่องของความประหยัด ซึ่งในครั้งนี้เราได้มีการวัดอีตราสิ้นเปลืองจากจุดเริ่มต้นจนถึงปลายทาง ในส่วนของอีโค่สติ๊กเกอร์เคลมไว้ที่ 23.3 กม./ลิตร
การใช้งานในเมืองถือว่าทำได้ดี ทั้งเรื่องการตอบสนองของเครื่องยนต์และในส่วนของระบบรองรับ แต่ความเร็วสูงจะมีอาการร่อนให้สัมผัสได้ รวมถึงเสียงคำรามของเครื่องยนต์ที่ดังเข้ามาให้ได้ยินค่อนข้างชัดเจน
สำหรับปลายอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในครั้งนี้เราทำได้ที่ 14.9 กม./ลิตร ซึ่งต่างไปจากอีโค่สติ๊กเกอร์ที่เคลมไว้พอสมควร แต่ด้วยการใช้วามเร็วเพื่อทดสอบสมรรถนะก็ถือเป็นตัวแปรสำหรับค่าเฉลี่ยที่ทำได้ในครั้งนี้
บทสรุปของการทดสอบ All New Toyota Yaris Ativ สำหรับรุ่นที่ทดสอบ ราคาค่าตัวอยู่ที่ 563,000 บาท แลกกับรูปลักษณ์ที่ใหม่ สด ทันสมัย ออฟชั่นที่ให้มาเหนือระดับกว่ารถในคลาสเดียวกัน ส่วนขุมพลังและระบการยึดเกาะ หากใช้งานในเมือง ต้องบอกว่าเหลือเฟือ แต่หากใช้ความเร็ว อาจจะไม่ปรู๊ดปร๊าดเหมือนคู่แข่งที่มีเทอร์โบ แต่เสียงเครื่องยนต์ในรอบสูงที่เสียงดังฟังชัด น่าจะมีการติดตั้งวัสดุซับเสียงให้เงียบกว่านี้อีกสัดนิด แต่เพียงเท่านี้ ตำแหน่งขวัญใจมหาชนที่วัดจากยอดขาย คงไม่หลุดรอดไปไหนแน่นอน