กระตุ้นตลาดด้วยการเปิดราาเขย่าวงการอีกครั้งสำหรับ BYD Seal 5 DM-i Super Hybrid ซีดาน B-Segment plug in Hybrid รุ่นแรกในคลาส ที่มากับจุดเด่นของความประหยัด ขับสนุก อุปกรณ์ความสะดวกีรบคัน เปิดตัวด้วยกัน 2 รุ่น Standard ราคา 699.000 บาท และ Premium ราคา 739,000 บาท แต่ในช่วงแนะนำจะตรึงราคา 699,000 บาท ไปจนถึง 30 กันยายนนี้
BYD Seal5 Hybrid DM-i Super Hybrid รถรุ่นที่ 4 จากโรงงานระยอง รุ่นที่ 2 ที่ผลิตเมืองไทยและเป็นพวงมาลัยขวาครี้งแรกของโลก
ความใหญ่โตของตัวรถสามารถขึ้นไปเทียบชั้นกับซีดานในกล่ม C segment ได้อย่างสบาย ด้วยมิติความสูง: 4,780 x 1,837 x 1,495 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อที่ใหญ่สุดในคลาสหรือเทียบเท่าซีดานขนาดกลาง 2,71 ม. ส่งผลให้ภายในกว้างขวาง เสริมแกร่งให้กับตัวถังด้วยการดามเหล็กกล้าที่ประตู และ หลังคา แบบเด่ยวกับรถแข่งในสไตล์โรลบาร์ และ โรลเคส
ออกแบบภายใต้แนวคิด OCEAN AESTHETICS ผสานกับเส้นสายที่ลบเหลี่ยมสัน ตั้งแต่ลริเวณเสาบีจรดท้าย ไฟหน้า Starlight Full Led และ ไฟท้ายMatrix full Led เช่นเดียวกัน ล้อและยางขนาด 17 นิ้ว
ความใหญ่ของตัวถังยังส่งผลมาถึงห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย ซึ่งจุกระเป็าฮาร์ดเคสได้ถึง 6 ใบ หรือเทียบเท่าขนาดความจุ 450 ลิตร
เบาะนั้งคู่หน้าแอบซิ่งในสไตล์บักเกตซีท และ เบาะหลังเอน 27 องศาเป็นผลจากการวิจัยเพื่อให้ผ่อนคลายสรีระจากการเดินทาง
มาตรวัด 8.8 นิ้ว จอ 12.2 นิ้ว มีฟังค์ชั่รคาราโอเกะ เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทุกระบบแต่ต้องใช้สาย ไวเลทชาร์จติดจั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สะดวกสบายด้วยระบบ NFC ทำงานผ่าน BYD Super APP ไม่ต้องพกกุญแจมีเพียงโทรศัพท์ก็พอ
เครื่อง 1.5 ลิตร มอเตอร์คู่ สำหรับขับ และปั่นไฟเข้าแบตในรูปแบบของ DM-i Super Hybrid ที่จะใช้พลังขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงถึง 80% ส่วนเครื่องยนต์ทำหน้าที่ปั่นไฟและขัยเคลื่อนในกรณีที่แบตเตอรี่ต่ำ พละกำลังรวม 215 แรงม้า 300 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 ใช้เวลาเพียง 7.5 วินาที
เทคโนโลยี Blade Battery คงทน ทนไฟไหม้ มีออยคูล ขนาดความจุ 18.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ในรุ่น Premium เคลมระยะทางการใช้งานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 120 กม.ตามมาตรฐาน NEDC และ 13.8 ในรุ่น Standard
สามรถชาร์จได่แต่ AC Type 2 ซึ่งหากใช้ที่ชาร์จฉึกเฉินที่แถมกับตัวรถขนาด 2.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง จะชาร์จเต็มในเวลา 9 ชั่วโมง การันตีเซลส์แบตสูงถึง 10 ปี และรับประกันแบตเตอรี่ 12 โวลท์ถึง 6 ปี ทั้งมี VtoL มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
อัตราสิ้นเปลือง 3.8 ลิตรต่อ 100 กม. น้ำมัน 1 ถัง รวมการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าถือเป็นไฮไลท์เด็ดซึ่งทำระยะทางได้ทะลุ 1000 กม.
ช่วงล่างแมคเฟอร์สันหลังทอร์ชั่น ดิสเบรค 4 ล้อมีระบบระบายความร้อนเบรคหน้า
9 เรดาร์รอบคันทำหร้าที่ในการประมวลผลของเทคโนโลยี ADAS เวอร์ชั่น 2+ ทำงานได้ราบลื่นกว่าที่เยได้ลอง มาพร้อมกล้อง 360 Camera ทำหน้าที่สอดส่องรอบคัน รวมถึงฟังค์ชั่นเตือนพร้อมเบรคขณะถอยหลัง
รายละเอียดของตัวรถพร้อมคุณสมบัติต่างๆที่เป็นจุดเด่น สำหรับเรื่องราวของการทดลองขับ รวมถึง Challenge เบาๆสไตล์ขับประหยัด แต่บังคับให้ใช้ความเร็วในบางช่วง จะการันตีความประหยัดใกล้เคียงกับตัวเลขที่เคลมจากโรงงานได้หรือไม่ การควบคุมรถรวมถึงอุปกรณ์อำนวบความสะดวกและความปลอดภัยใช้งานง่ายหรือยาก “BYD Zeal5 DM-i Super Hybrid” จะให้ความคุ้มค่า หรือ แค่ราคาคุย ตามต่อได่ในคลิปวีดีโอ