เปิดศักราชใหม่กันด้วยเรื่องราวของยนตรกรรมที่เตรียมจำหน่ายในไทย ซึ่งหากมองถึงความต้องการของผู้บริโภค ยังคงอยู่กับรถเอนกประสงค์ในกลุ่มเอสยูวี ซึ่งหลายค่ายฯ เตรียมตัวป้อนโปรดักส์ใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่จะมีแบรนด์ไหน และรุ่นอะไร ตามไปดูกัน
BMW
บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 4 คูเป้ใหม่ พร้อมกลับมาสร้างนิยามใหม่ให้แก่สุนทรียภาพแห่งการขับขี่ในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมขนาดกลาง มาพร้อมกลิ่นอายที่ผสมผสานทั้งความแข็งแกร่งทรงพลังและความหรูหราในสไตล์คูเป้อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 90 ปี โดยบีเอ็มดับเบิลยู 430i Coupe M Sport ใหม่ ได้รับการพัฒนาทั้งในด้านสมรรถนะและสุนทรียภาพให้โดดเด่นกว่ารุ่นก่อนหน้า รวมถึงบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 3 ซีดานอย่างชัดเจน
บีเอ็มดับเบิลยู 430i Coupe M Sport ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo รุ่นล่าสุด พละกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์/258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ระหว่าง 1,550-4,400 รอบต่อนาที ทำอัตราเร่ง 0- 100 กม./ชม.ได้ภายใน 5.8 วินาที แผดเสียงคำรามจากเครื่องยนต์ผ่านระบบท่อไอเสีย M Sport ส่วนชุดเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ ซึ่งได้รับการพัฒนาใหม่
นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย มาพร้อมฟังก์ชั่น Sprint ที่ช่วยปรับค่าเครื่องยนต์และอัตราความปราดเปรียวด้วยการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ซึ่งรถคันนี้มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 3 ซีดาน ถึง 21 มิลลิเมตร มาพร้อมล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-Spoke แบบสลับสี
บีเอ็มดับเบิลยู 430i Coupe M Sport ใหม่ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 3,969,000 บาท
Great Wall Motor
ถือเป็นข่าวอีกทึกครึกโครมก็ว่าได้ สำหรับการเพิ่มฐานผลิตจากแผ่นดินใหญ่สู่ประเทศไทย โดยเทคโอเวอร์โรงงานผลิตรถยนต์ในเครือ GM พร้อมฟอร์มทีมทั้งด้านงานขาย การตลาด และฝ่ายผลิต แบบเต็มรูปแบบ รถยนต์ในเครือของเกรทวอลล์นั้นมีอยู่ด้วยกันถึง 4 แบรนด์ แต่ไฮไลท์จะอยู่ที่ Haval F7 รถยนต์เอสยูวีครอสโอเวอร์ไซส์ใกล้เคียงกับ Honda CRV และ Mazda CX-5 แต่ทีเด็ดอยู่ที่เรื่องของเทคโนโลยี
ภายในตกแต่งด้วยเบาะหนังสีแดงพร้อมคอนโซลและแผงข้างสีดำ มีการติดตั้งหน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว คอนโซลกลางมีจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 9 นิ้ว ด้านบนหลังคาติดตั้งหลังคาซันรูฟไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันการหนีบ
ขุมพลังที่จำหน่ายในต่างประเทศมี 2 ขนาด แต่เมืองไทยคงต้องรอลุ้น ระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีต อัตราสิ้นเปลือง 100 กม./ 6.6 ลิตร หรือประมาณ 15.1 กม./ลิตร และเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 221 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีต อัตราสิ้นเปลือง 100 กม./7.1 ลิตร หรือ 14 กม./ลิตร
HONDA
เรียกว่าถึงจุดอิ่มตัวของเจนเนอเรชั่นที่ 2 เพราะอยู่ในตลาดมานาน ขณะที่ประเทศผู้ผลิตเตรียมปล่อยรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดช่วงกลางปีสำหรับ Honda HRV หรือในญี่ปุ่นเรียกว่ารุ่น VEZEL ซึ่งได้เริ่มมีการทดลองใช้งานบนถนนจริงเป็นที่เรียบร้อย
HONDA HRV เจนเนอเรชั่นที่ 3 ได้รับการปรับแต่งให้มีรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว สังเกตได้จากด้านหน้ากระจังในรูปแบบ Facelift ซึ่งมีส่วนคล้ายทั้ง Honda Civic และ Honda Accord โฉมปัจจุบัน ไฟหน้าใช้เป็นแบบ Full Led และหน้ากระจังสีโครเมียม มุมมองด้านท้ายให้อารมณ์สปอร์ตกับชุดไฟที่คาดยาวจากซ้ายไปขวา ส่งผลให้รูปลักษณ์ของรถคันนี้ดูโฉบเฉี่ยวตามแบบฉบับของ SUV Cross Over
สำหรับขุมพลัง ทางฮอนด้าอาจเปิดตัวพร้อมความว๊าวด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาดเล็ก แต่รีดแรงม้าและแรงบิดได้สูง โดยช๊อยท์ของเครื่องยนต์มีทั้งขนาด 1.0 เทอร์โบ หรือ 1.5 เทอร์โบ และอาจมีรุ่น e-HEV ที่เป็นระบบไฮบริด ส่วนของ Honda Sensing ที่ประกอบไปด้วยระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ,ระบบเตือนออกนอกเลนพร้อมดึงกลับ รวมถึงระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ คงต้องลุ้นอีกครั้งว่ารุ่นที่จำหน่ายในไทยจะมีฟีเจอร์อะไรติดตั้งมาให้ และจะเข้ามาจำหน่ายในปีนี้หรือไม่
KIA
ค่ายรถเกาหลีได้ปรับโฉมใหม่ให้กับ Grand Canival รวมถึงปรับสัดส่วนเพิ่มเติมด้วยขนาดที่ยาวกว่าเดิม 30 มม. และฐานล้อกว้างกว่าเดิม 40 มม. รวมถึงปรับลุคส์ให้ดูหรูหรา ทันสมัย ออกแบบไฟหน้าและไฟท้ายใหม่ รวมถึงล้ออัลลอยที่มีให้เลือกตั้งแต่ขอบ 17-19 นิ้ว
ภายในปรับใหม่หมด โดยเพิ่มความอลังการให้คอนโซลด้วยการติดตั้งชุดมาตรวัดแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับจอทัชสกรีนที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple Carplay และ Android Auto หลังคาเป็นแบบพาโนรามิคซันรูฟ และเข้า/ออก สะดวกสบายด้วยประตูสไลด์ไฟฟ้า
ขุมพลังเป็นแบบดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 440 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ด้านตัวช่วยการขับขี่ติดตั้งมาให้ไม่น้อย ทั้งระบบเตือนรถในมุมอับสายตา Blind Spot Monitor,ระบบเตือนรถในมุมอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert,ระบบเสียง 3 มิติรอบทิศทาง BOSE Surround Sound System,ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Keeping Assist,ระบบเตือนการชนด้านหน้า Pre-Collision System,ระบบเบรกอัตโนมัติ City Brake Support,ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Adaptive Cruise Control
และกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
All New Kia Grand Carnival มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น EX ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 2,144,000 บาท และรุ่น SXL ราคา 2,459,000 บาท
Mazda
ไตรมาสแรกของปีนี้ ค่ายซูม-ซูม เตรียมเปิดตัว All New Mazda BT-50 รถกระบะรุ่นล่าสุด ที่เปลี่ยนแผนหลังจากที่เคยให้ฟอร์ด นำเทคโนโลยีต่างๆมาเป็นต้นทาง ในครั้งนี้ข้าฝั่งจากสหรัฐอเมริกามาร่วมมือกับ ISUZU ผู้ผลิตรถกระบะจากแดนอาทิตย์อุทัยเป็นต้นทาง
All New Mazda BT-50 ยังคงไว้ด้านการออกแบบของ Kodo Desigh โดยมีรูปโฉมที่หล่อเหลาเอาการ จากหน้ากระจังไปจนถึงเสาเอ เป็นดีเอนเอของมาสด้าที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน พร้อมไฟหน้าแบบซิกเนเจอร์ แต่ส่วนด้านหลัง ยังคงคล้ายกับ ISUZU D-MAX
ภายในออกแบบได้ประณีต โดยใช้การปรับแต่งเพิ่มและทำให้ดูลงตัวยิ่งขึ้น แต่หลักใหญ่ทั้งชุดมาตรวัด จอทัชสกรีน รวมถึงชุดคอนโซล เป็นแบบเดียวกันทั้งกระบิ ยกเว้นแค่ช่องแอร์ และพวงมาลัย ที่ออกแบบให้เป็นตัวของตัวเอง
ขุมพลังดีเซลเทอร์โบมีทั้งขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และ ขนาด 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ซึ่งเป็นเลิศด้านความประหยัด ส่วนระบบส่งกำลังมีทั้งแบบ อัตมัติ และ ธรรมดา 6 จังหวะ รวมถึงเทคโนโลยี Adas ที่ติดพ่วงมาด้วย แต่ก็ยังไม่จัดแบบเต็มระบบ
Mercedes
Mercedes-Benz A-Class คือยนตรกรรมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการเติมความโฉบเฉี่ยวให้กับชีวิตในเมืองใหญ่ ด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็กเพียง 1,332 ซีซี แต่ให้กำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า ด้วยแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,620-4,000 รอบ/นาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยมเฉลี่ยเพียง 5.2 ลิตร/100 กม.
ดีไซน์ภายนอกเน้นความเรียบง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็มีความร้อนแรงและดึงดูดใจ ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์และความปราดเปรียวเร้าใจได้อย่างลงตัว
ห้องโดยสารดูทันสมัยและกว้างขวาง ชุดมาตรวัดออกแบบมาอย่างล้ำสมัย ด้วยการใช้เทคโนโลยีไฮเทคในทุกรายละเอียด พร้อมความโดดเด่นของระบบไฟส่องสว่างแบบ Ambient Light ให้เลือกถึง 64 สี ช่วยขับเน้นเอกลักษณ์ความสปอร์ตโดดเด่นยิ่งขึ้น
Mercedes-Benz A-Class ยังมาพร้อมเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากมาย อาทิ ระบบ Active Parking Assist ที่ช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติพร้อมการแสดงผลหน้าจอจากกล้องหลัง พร้อมเซ็นเซอร์ที่ช่วยในการนำรถเข้าจอด PARKTRONIC ซึ่งจะทำให้การค้นหาพื้นที่ว่างสำหรับการจอดรถและการเคลื่อนที่เข้า และออกจากพื้นที่เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
Mercedes-Benz A-Class มีวางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่ Mercedes-Benz A 200 Progressive ราคา 1,990,000 บาท Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic ราคา 2,150,000 บาท
MG
เปิดตัวที่แผ่นดินใหญ่ และมีลุ้นที่จะเข้าไทย เพราะค่ายนี้โหมเปิดตัวรถปีละหลายรุ่น ตั้งแต่ กันชนหน้าที่ได้รับการออกแบบใหม่ มาพร้อมกระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบ dot matrix เน้นโลโก้ MG ขนาดใหญ่ พร้อมไฟหน้า Projector LED ใหม่
เส้นข้างตัวรถเป็นแนวเส้นเดียวกับไฟหน้า เชื่อมต่อกับเส้นท้ายรถ มาพร้อมกับล้ออัลลอย มีให้เลือก 2 ลาย ด้านท้ายรถดูดุดันยิ่งขึ้นมาพร้อม ไฟท้ายแบบ LED กันชนหลัง ขยายรับกับโป่งล้อ พร้อมไฟทับทิมทั้งสองข้าง ด้านล่างมาพร้อมดิฟฟิวเซอร์และปลายท่อไอเสียแต่งแบบคู่
ภายใน All NEW MG 5 2021 ยังไม่มีการเปิดเผยแต่แนวทางการออกแบบของMGจะมาพร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่และที่ขาดไม่ได้กับระบบ i-smart พร้อมระบบความบันเทิง และด้านขุมพลัง All NEW MG 5 คาดว่าจะมีเครื่องยนต์เบนซิน ให้เลือกสองแบบในประเทศจีน ระหว่าง 1.5 รหัส 15S4C กำลังสูงสุด 120 แรงม้า และ 1.5 เทอร์โบ รหัส 15C4E กำลังสูงสุด 173 แรงม้า
Mitsubishi
ตอบรับกระแสรถไฟฟ้าด้วยการเผยโฉม Mitsubishi Outlander Plug in Hybrid ในงานมหกรรมยานยนต์ที่พึ่งจะผ่านพ้นไป อันที่จริงรถรุ่นนี้ได้เผยโฉมมานานกว่า 2 ปี
Mitsubishi Outlander Plug in Hybrid ขับเคลื่อนด้วยพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตรให้กำลังสูงสุดที่ 305 แรงม้า และยังเป็นรถยนต์ มิตซูบิชิ รุ่นแรกในประเทศไทยที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ประกอบด้วยโหมด ล็อค สโนว์ นอร์ และ สปอร์ต รวมถึงโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ อีวี (ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ) ซีรีย์ ไฮบริด (ขับเคลื่อนหลักด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าคู่) และ พาราเรล ไฮบริด (เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถไปพร้อมกัน) โดยการขับขี่ทั้ง 3 รูปแบบ จะถูกสลับปรับเปลี่ยนโหมดแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบเบรกที่สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าคืน (Regenerative Braking) เพื่อทำการชาร์จกระแสไฟฟ้าให้แก่แบตเตอรี่
ทั้งยังติดตั้งเทคโนโลยีการเชื่อมต่อพร้อมระบบสั่งการอัจฉริยะ ที่สามารถใช้ได้ทั้งระบบปฏิบัติการไอโอเอสและแอนดรอยด์ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ โดยสามารถตั้งเวลาการชาร์จไฟฟ้า สั่งการเปิด-ปิด เครื่องปรับอากาศภายในรถจากระยะไกล และการตรวจสอบสถานะของตัวรถ
ครบครันด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน อาทิ ระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA) ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (LCA) และระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB) โดยระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (ACC) ไม่ได้ทำหน้าที่แต่เฉพาะรักษาระดับความเร็วให้คงที่เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ตรวจจับรถคันหน้า พร้อมควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัยจนกว่ารถจะหยุด
Mitsubishi Outlander Plug in Hybrid ตั้งราคาจำหน่ายรุ่น GT ที่ 1,640,000 บาท และรุ่น GT Premium จำหน่ายที่ 1,749,000 บาท
Nissan
เป็นกระแสฮือฮาพอสมควรกับระบบ E-Power ที่ติดตั้งในนิสสัน ลีฟ และก็มีข่าวเร็ดรอดมาว่าระบบนี้ยังได้รับการติดตั้งในรถซิตี้คาร์อย่าง Note โมเดลล่าสุด ซึ่งมีวางจำหน่ายแล้วในแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งรถรุ่นนี้ถือเป็นตัวเลือกสำคัญที่ นิสสัน ประเทศไทย จะเลือกมาจำหน่ายเป็นรุ่นต่อไป
Nissan Note e-POWER ได้รับการปรับโฉมให้มีความทันสมัย ขนาดมิติตัวรถสั้นลงกว่าเดิม 60 มม. และเตี้ยลง 30 มม. ส่วน Facelift ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนมาทั้งหน้ากระจังและไฟน้า รวมถึงไฟท้ายแบบใหม่ โดยใช้แอลอีดีมาทำหน้าที่ในการส่องสว่าง
ขุมพลัง e-Power น่าจะเป็นแบบเดียวกันกับ Nissan Kick นั่นคือ มอเตอร์ไฟฟ้า EM57 เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (generator) และอุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ทีผลิตกระแสไฟฟ้าจากเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 1.2 ลิตร 12 วาล์ว 3 สูบ แถวเรียงแบบ DOHC (Double Overhead Camshaft) ระบบอี-พาวเวอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 129 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร และใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ที่มี 4 โมดูล
Peugeot
เปอโยฒ์ ประเทศไทย ลุยตลาดเต็มสูบ โดยการเปิดตัว Peugeot 2008 รถยนต์ไฮไลท์จากค่ายสิงห์สำอาง ที่ล่ารางวัล Car of The Year มาแล้วหลากหลาย ทั้งในด้านสมรรถนะและการออกแบบ
รถรุ่นนี้มาในสไตล์ SUV Subcompact รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ไฟหน้าแบบแอลอีดีแนวตั้ง 3 เส้น เป็นเอกลักษณ์ที่ดูดุดัน ไฟท้ายยังคงใช้เป็นแอลอีดี ออกแบบให้เหมือนกงเล็บสิงโต ‘lion claws’ พร้อมท่อไอเสียปลายเดี่ยว 2 ข้าง ล้ออัลลอยเป็นแบบทูโทนขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/60 R17
ภายในดีไซน์เก๋ ชุดมาตรวัด i-Cockpit 3D ได้เข้ามาประจำการแบบรุ่นพี่ทั้ง 3008 และ 5008 โดดเด่นด้วยจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 10 นิ้ว พร้อมเฮด-อัพดิสเพลย์แบบ 3 D สวิตช์ควบคุมทรงก้านเปียโนสวยงาม จัดวางอยู่บริเวณคอนโซลกลาง หลังคาเป็นแบบพาโนรามิกซันรูฟ เลิศหรูด้วยชุดเบาะนั่งหุ้มหนังอาคันทาร่า
ขุมพลังมีให้เลือกทั้งเบนซิน ดีเซล เบนซิน และไฟฟ้า ตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.2 ลิตรที่มีความแรงถึง 3 รูปแบบตั้งแต่ PureTech 100 แรงสุด 101 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 205 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด PureTech 130 แรงสุด 131 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และแรงสุด PureTech 155 ให้กำลัง 155 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 240 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบมีขนาด 1.5 ลิตร 102 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรจับคู่เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และในรุ่น e-2008 มาพร้อมกับมอเตอร์ที่ให้กำลัง 136 แรงม้า กับแบตเตอรี่ขนาด 50 kWh รองรับการชาร์จเร็วจาก 0 – 80% ในเวลา 30 นาที ทำระยะทางได้กว่า 300 กม.
Toyota
ถือว่าเป็น SUV รุ่นล่าสุดที่โตโยต้าเปิดตัวสู่ตลาดโลกในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่าน รถที่จะกล่าวถึงนั่นคือ Toyota Yaris Cross ซับคอมแพคเอสยูวีรูปทรงโฉบเฉี่ยวที่สร้างมาจากพื้นฐานของ TNGA
ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น มากับสีแบบทูโทนสี หลังคาสีดำ ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟตัดหมอกแนวตั้งแบบ LED เช่นเดียวกับไฟท้ายแบบ LED ดูเชื่อมต่อกัน โป่งล้อสีดำ เสริมความดุดันเข้ากับล้ออลูมิเนียมขนาด 18 นิ้ว พร้อมมิติตัวถังตามขนาดความยาว 4,180 มม. กว้าง 1,756 มม. และสูง 1,560 มม.
ห้องโดยสารเป็นแบบรุ่นปัจจุบัน แต่ระบบอำนวยความสะดวกอัดมาแน่น ทั้ง ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Advanced Park รวมถึงเบาะนั่งปรับแบบ turn-tilt สามารถหมุนเข้าออกได้ และ easy return พร้อมเครื่องเสียงจอสัมผัสรองรับ T-Connect Navigation Apple CarPlay และ Android Auto ด้านบนคอนโซลมีจอ Head-up Display มาตรวัดเป็นแบบดิจิตอลพร้อมจอ MID แถมด้วยไฟห้องโดยสารแบบ Ambient Light และประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ขุมพลังสำหรับรุ่นที่จำหน่ายในแดนซากุระมีหลากหลายตัวเลือก ตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซิน Dynamic Force ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิด 145 นิวตันเมตรที่ 4,800-5,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift-CVT และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 120 นิวตันเมตรที่ 3,800-4,800 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Toyota Hybrid System II (THS II) คู่หน้าแบบ ให้กำลัง 80 แรงม้า และแรงบิด 141 นิวตันเมตร และ 5.3 แรงม้า แรงบิด 52 นิวตันเมตร ทำให้กำลังรวมถึง 116 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมระบบขับเคลื่อน 2 และ 4 ล้อ
ทั้งหมดเป็นเพียงแค่การคาดคะเน แต่หากถึงเวลาจำหน่ายจริง แต่ละค่ายจะตรงตามที่กล่าวไว้หรือไม่ คงต้องรอลุ้นกันอีกที ทั้งนี้พอจะสรุปได้ว่า รถใหม่ ปี 2021 ในเซกเมนต์เอสยูวียังคงเป็นที่ต้องการของตลาด ส่วนในเซกเมนต์ซีดานอาจจะเงียบเหงาไปสักนิด