Mitsubishi Xpander Cross เอสยูวีรุ่นพิเศษปรับรูปลักษณ์ใหม่ให้บึกบึนและดุดัน ด้วยชุดกระจังแบบ Dynamic Shield รุ่นล่าสุด รวมถึงโคมไฟที่ใช้หลอดแอลอีดีทั้งด้านหน้าและด้านท้าย หรูกว่าเดิมด้วยภายในแบบทูโทนสีน้ำตาล-ดำ พร้อมวัสดุผิวสัมผัสนุ่มสบายสีเงินและสีเปียโน แบล๊ค รวมถึงช่วงล่างที่พัฒนาเพื่อรองรับการกระแทกได้ดีกว่าเดิม การทดสอบสมรรถนะครั้งนี้จึงเป็นการเดินทางบนสภาพเส้นทางที่หลากหลาย ไปดูกันว่ารถคันนี้จะมีความน่าสนใจด้านใดบ้าง
Mitsubishi Xpander Cross ปรับโฉมใหม่ด้วยดีไซน์ Dynamic Shield เวอร์ชั่นล่าสุดบริเวณกันชนและกระจังใหม่
รวมถึงโคมไฟหน้าและไฟตัดหมอกเป็นแบบแอลอีดีและได้ออกแบบมุมมองด้านหน้าใหม่ ซึ่งใหญ่ขึ้น 50 มม.
ซุ้มล้อและข้างประตูด้านนอกแต่งด้วยสีดำ มากับล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 17 นิ้ว ทำให้ระยะความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นมาตรฐาน 20 มม. เป็น 225 มม.
ด้านบนหลังคาติดตั้งรางเพื่อใช้ประโยชน์ในงานบรรทุกสัมภาระ และเปลี่ยนเสาอากาศให้เป็นแบบ Shark Fin
ประตูท้ายตกแต่งด้วยวัสดุสีเปียโนแบล๊ค กันชนท้ายและแผงกันกระแทกก็ได้รับการออกแบบใหม่ให้ใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน
สำหรับ Mitsubishi Xpander Cross เพิ่มเติมสีใหม่อีก 2 สี ได้แก่ Sunrise Orange และ Graphite Gray รวมที่มีจากเดิมอีก 3 สีเป็น 5 สี
ห้องโดยสารติดตั้งวัสดุที่มีผิวสัมผัสนุ่มสบายสีเงินและสีเปียโน แบล๊ค แดชบอร์ดและเบาะนั่งดีไซน์ด้วยสีทูโทนน้ำตาลและดำ ในส่วนของแดชบอร์ดนั้นติดตั้งจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์พร้อมมาตรวัดแบบ High Contrast
พวงมาลัย หัวเกียร์ และ เบรกมือหุ้มหนังแท้ พวงมาลัยติดตั้งระบบมัลติฟังค์ชั่นมีทั้งสวิทต์ควบคุมเครื่องเสียง ปุ่มรับโทรศัพท์ และระบบล๊อกความเร็วอัตโนมัติ เครื่องเสียงควบคุมผ่านจอทัชสกรีนขนาด 6.2 นิ้วพร้อมแสดงการทำงานของระบบกล้องมองหลัง
เบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง แถวสองพับได้ 60:40 และแถวสามพับได้ 50:50 ซึ่งเบาะทั้ง 2 แถว สามารถพับได้แบนราบเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ นอกจากนี้ยังเพิ่มความสบายด้วยช่องแอร์สำหรับเบาะนั่งแถวสอง และมีช่องจ่ายกระแสไฟ 12 โวลท์สำหรับผู้โดยสารทั้ง 3 แถว และยังมีช่องวางแก้วน้ำถึง 14 จุด
เครื่องยนต์แบบเดิม เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบ พร้อมแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอรืชั่นบีมมาพร้อมสตรัททาวเวอร์บาร์ขนาดใหญ่ที่โช๊คอัพคู่หน้าและมีการดามตัวถังเพื่อลดการบิดตัวขณะเข้าโค้ง และยังได้ทำการปรับความหนืดของน้ำมันโช๊คอัพเพื่อรับกับความสูงและขนาดล้อที่ใหญ่ขึ้น
ระบบความปลอดภัยยกชุดมาจากเดิมทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพ ASC ระบบป้องกันการลื่นไถล TCL ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA เบรคเอบีเอส อีบีดี และบีเอมาครบ รวมถึงไฟกระพริบฉุกเฉินขณะเบรคกะทันหัน ESS และถุงลมนิรภัยคู่หน้า
การทดลองขับในครั้งนี้จะใช้เส้นทางที่มีสภาพหลากหลาย ทั้งทางเรียบและทางลุยบนเส้นทางทุรกันดาร
อรรถประโยชน์ของรถคันนี้น้องจากจะเป็นรถอเนกประสงค์ที่มาพร้อมกับเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ยังมีการเพิ่มระบบปรับอากาศด้านบนหลังคา เพื่อการกระจายความเย็นทั่วห้องโดยสาร สำหรับเบาะนั่งแถวสามอาจต้องยกพื้นที่ให้กับผู้โดยสารตัวเล็กๆหรือเด็กน่าจะเหมาะกว่า นอกจากนี้ ช่องใส่แก้วน้ำที่มีให้ถึง 14 จุดและช่องเสียบไฟ 12 โวลท์ที่มีสำหรับผู้โดยสารทั้ง 3 แถว จะทำให้สามารถบันเทิงในรถตลอดการเดินทาง
นอกจากรูปลักษณ์ที่ดูเปลี่ยนไป ช่วงล่างก็ได้รับการปรับแต่งเพิ่มเติมในส่วนของน้ำมันโช๊คอัพพร้อมเหล็กกันโคลงบริเวณช่วงล่างหน้า เพื่อให้สอดรับกับความสูงที่เปลี่ยนไป และจากคุณสมบัติของขอบล้อที่เพิ่มขนาดเป็น 17 นิ้วหุ้มยาง 205/55 ทำให้การยึดเกาะถนนนั้นดียิ่งขึ้นกว่าเดิมแย่างชัดเจน และการรองรับแรงกระแทกนั้นให้คงามรู้สึกที่หนึบ และแน่นขึ้นกว่ารุ่นปกติ
น้ำหนักของพวงมาลัยไฟฟ้าถูกปรับให้มีน้ำหนักไม่มากนักผู้หญิงใช้ในเมืองก็ไม่ถึงขั้นหนักมือหรือต้องออกแรงเยอะ
เครื่องยนต์และเกียร์ออกแบบมาให้ขับสนุก ขุมพลังขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้าทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 จังหวะ ความเร็วรอบต้นอาจจะช้าไปนิด แต่พอรอบกลางถึงสูงจะตอบสนองต่อการใช้คันเร่งได้สมบูรณ์ซึ่งมีการเคลมจากอีโค่สติ๊กเกอร์ในด้านความประหยัดอยู่ที 15.6 กม./ลิตร แต่การทดลองขับในครั้งนี้จะได้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไหร่ต้องรอลุ้นตอนจบ
ในเส้นทางลุย แม้รถคันนี้จะไม่ใช่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะทำงานได้ดีกว่าซีวีที ในการไต่ขึ้นทางชัน เกียร์ที่มีให้เลือกทั้ง L,2 และ D ให้คุณสมบัติในการควบคุมรอบเครื่องยนต์เพื่อใช้บุกตะลุยหรือทำหน้าที่ในการช่วยชะลอในกรณีลงทางชันตามรูปแบบของ Engine Brake
อีกหนึ่งตัวช่วยที่หลายคนมักจะมองข้ามนั่นคือระบบช่วยออกตัวบนทางชันหรือ Hill Start Assist ซึ่งจะเข้ามาช่วยเบรคค้างไว้อีก 3 วินาทีเพื่อกันไม่ไห้รถไหลลงเนิน
บทสรุปของการทดลองขับในครั้งนี้ฟิลลิ้งที่ได้นั่นคือระบบช่วงล่างที่แน่นขึ้น และล้อขนาด 17 นิ้วก็ยังช่วยให้การยึดเกาะถนนมีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม รูปลักษณืที่ได้ปรับใหม่นั้นดูดุดันขึ้นอย่างชัดเจน และห้องโดยสารที่ได้รับการตกแต่งใหม่ทำให้ดูหรูหราขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ระยะทางในการทดสอบแตะ 150 กม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 6.8 ลิตร/ 100 กม. หรือเทียบเท่ากับประมาณ 14.6-14.7 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าประหยัดใช้ได้ แต่อย่างเดียวที่น่าตินั่นคือเรื่องของเกียร์ที่หากใช้งานในเมืองจะใช้รอบเครื่องยนตืที่ค่อนข้างสูง แต่ในทางกลับกัน การขับขี่นอกเมืองที่ต้องใช้ความเร็ว รอบเครื่องยนต์ที่สูงทำให้ในด้านการเร่งแซงนั้นทำได้ค่อนข้างดี
ข้อมูลทางเทคนิค: All New Mitsubishi Xpander Cross
เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ ไมเวค 16 วาล์ว
ความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.): 1,499
กำลังสูงสุด (แรงม้า ที่ รอบ/นาที): 105/6,000
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร ที่รอบ/นาที): 141/4,000
ระบบส่งกำลัง: อัตโนมัติ 4 จังหวะ
ระบบขับเคลื่อน: 2 ล้อหน้า
ระบบกันสะเทือน(หน้า/หลัง): แมคเฟอร์สันสตรัท /ทอร์ชั่นบีม
เบรก(หน้า/หลัง): ดิสก์/ดุม
ยาว/กว้าง/สูง(มม.):4,500×1,750×1,800
ราคา (บาท): 899,000
ตัวแทนจำหน่าย: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด