New MG Extender กระบะพันธุยักษ์ที่มากับการปรับแต่งรูปลักษณ์ให้ดูทันสมัย สไตล์ดุดัน ขุมพลังยังคงเดิมดีเซลเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า และยังคงไว้ด้วยเทคโนโลยีครบครัน ภารกิจในครั้งนี้ไม่เน้นสมรรถนะ แต่โฟกัสไปกับการขนเยอะ โดยมีปลายทางอยู่ที่ตลาดต้นไม้รังสิต-นายก คลอง 15 ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามได้เลยครับ
New MG EXTENDER มากับการปรับรูปลักษณ์หน้าตา ที่เปลี่ยนแปลงจนไม่เหลือเค้าโคลงเดิม ฝากระโปรงหน้าออกแบบใหม่ กันชนหน้าชิ้นเดียวกับกระจัง
ไฟหน้ามากับสไตล์โฉบเฉี่ยว Osram รับหน้าที่ออกแบบมาใหม่โดยย้ายไฟส่องสว่างมาไว้ที่กันชน ด้านบนเป็นเดย์ไทม์ ไฟโปรเจคเตอร์เลนส์แอลอีดีที่ไฟเลี้ยวเป็นแอลอีดีแบบเส้นคู่ และมีระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
ด้านข้างมีการปรับแต่งซุ้มล้อพร้อมลวดลายของล้อแมกใหม่ขนาด 17 นิ้ว
ไฟท้ายทรง C ใช้แอลอีดีเป็นหลอดให้แสงยกเว้นไฟเลี้ยวที่เป็นฮาโลเจน และในส่วนของฝาท้ายดีไซน์รับกัน แต่ยังไม่ได้ใส่ระบบช่วยผ่อนแรงขณะเปิด/ปิดฝาท้าย
MG Assesories ได้ออกแบบเพิ่มเติมในส่วนของกันชนหน้า หลัง บันไดข้างเปลี่ยนเป็นใช้วัสดุเอบีเอสหุ้มเหล็ก
ภายในยังคงเป็นแบบเดียวกับรุ่นเดิม โดดเด่นที่ความใหญ่โตของห้องโดยสาร เบาะนั่งทำสีทูโทน คู่หน้ายังไม่มีกสารติดตั้งระบบปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ
มีหน้าจอกลางขนาดใหญ่ที่แสดงการทำงานของระบบ I-Smart เต็มระบบ ทั้งคำสั่งเสียง อัพเดทข่าวสาร รวมถึงตรวจฉลากกินแบ่งรัฐบาล รองรับการทำงานของสมาร์ทโฟนได้ทั้ง APPLE CARPLAY และ ANDROID AUTO ส่วนตัวช่วยความปลอดภัยเทคโนโลยี ADAS จะมีก็เพียงระบบเตือนออกนอกเลนส์
ขุมพลังเดิมในรูปแบบเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า พร้อมแรงบิด 375 นิวตันเมตร เกียร์ 6 จังหวะมีทั้งอัตโนมัติและธรรมดา ในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะมีดิฟเฟอเรนเชียล ล๊อคติดให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ระบบรองรับหน้าแบบแมคเฟอร์สัน หลังแหนบ และโช๊คอัพจากแบรนด์ SACH เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนระบบเบรคเป็นแบบจานทั้งสี่ล้อ
สำหรับรถที่ได้นำไปทดสอบในครั้งนี้เป็นรุ่นท๊อพ 4 ประตู ขับเคลื่อนสี่ล้อ เกียร์อัตโนมัติ และแม้ว่าจะมีอาวุธลับอย่างดิฟเฟอเรนเชียลล๊อคติดมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่การเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้ใช้แน่นอน
ห้องโดยสารภายในปรับเปลี่ยนในส่วนของสีเบาะนั่งให้เป็นแบบทุโทน แต่ก็น่าชื่นชมเรื่องของงานประกอบฝีมือคนไทย เพราะห้องโดยสารนั้นเก็บเสียงได้ค่อนข้างเงียบ
ระบบคำสั่งเสียง จาก I-Smart รวมถึงอัพเดทข่าวสารและผลสลากกินแบ่ง ยังคงไว้ หน้อจอทัชสกรีนอัพเกรดใหม่ นอกจากแสดงภาพจากกล้องด้านหลัง และเพิ่มการเชื่อมต่อกับระบบ Apple Carplay ซึ่งในรุ่นที่ผ่านมา ขะทำงานร่วมกับ Android Auto เท่านั้น
เทคโนโลยี Adas มีมาเพียงบางส่วนอย่างระบบเตือนออกนอกช่องทางและระบบวัดแรงดันลมยางเท่านั้น และในส่วนระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ยังไม่สามารถควบคุมความเร็วตามรถคันหน้าได้
ขุมพลังดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า และแรงบิดสุงสุด 375 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ซึ่งอาจดูเล็กไปสักนิด และตกเป็นรองคู่แข่งในตลาดซึ่งมีสมรรถนะสูงกว่า แต่ก็ยังดีที่อัตราสิ้นเปลืองไม่สูงมากนัก ตามอีโค่สติ๊กเกอร์อยู่ที่ 14 ลิตรโดยประมาณ
ระบบช่วงล่างปรับเซทมาให้เหมือนกับใช้งานในเมืองเป็นหลัก ค่อนข้างนุ่ม แต่พวงมาลัยก้ออกแบบมาดี ทั้งนน.และความแม่นยำ
ไฮไลท์ของภารกิจในวันนี้คือขนเยอะ ซึ่งเป็นการบรรทุกต้นไม้ที่จะเอาไปแนวรั้ว การออกแบบซุ้มล้อหลังที่มีขนาดเล็ก ทำให้การขนย้ายสัมภาระชิ้นใหญ่ทำได้ง่ายขึ้น
การทดลองขับ New MG Extender ในครั้งนี้ บทสรุปจึงไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก เนื่องจากการปรับปรุงจะไปอยู่รูปลักษณ์เป็นส่วนใหญ่ สิ่งที่ควรเพิ่มเติมยังมีอีกหลายหลายตามสมัยนิยม แต่หากมองเรื่องราคา รถรุ่นท๊อพคันนี้ก็ยังถือว่าถูกสุดในตลาดด้วยค่าตัวเพียงไม่ถึง 1.05 ล้านบาท