บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำสื่อมวลชนร่วมชมและเชียร์ 8 ทีมแข่งขันที่ใช้รถยนต์ ฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์ ในคลาส จีที 500 และ จีที 300 ในรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับโลก ซูเปอร์ จีที เรซ 2019 ซึ่งจัดขึ้นในประเทศไทยเป็นสนามที่ 4 ภายใต้ชื่อการแข่งขัน “ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ 2019” รวมทั้งการแข่งขัน “ฮอนด้า เรซซิ่ง 2019” กิจกรรมซัพพอร์ตเรซ ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 29-30 มิถุนายน 2562
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้าในฐานะผู้สนับสนุนหลักของสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับโลก “ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ 2019” ซึ่งจัดขึ้นติดต่อเป็นปีที่ 6 ในประเทศไทย สำหรับปีนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตที่จะได้ร่วมชมและร่วมเชียร์ทีมที่ใช้รถยนต์ ฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์ ในการแข่งขันทั้งใน คลาส จีที 500 และจีที 300 รวมทั้งหมด 8 ทีม ให้สามารถคว้าชัยชนะ เช่นเดียวกับทีมมูเก็น ที่จบอันดับท็อปไฟว์ได้ในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ฮอนด้ายังได้สานต่อการแข่งขันซัพพอร์ต เรซ หรือ “ฮอนด้า เรซซิ่ง 2019” ซึ่งได้รับการตอบรับจากทีมแข่งรถมืออาชีพจำนวน 30 คัน พร้อมด้วยกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต ทั้ง The Accord Turbo Performance Show กิจกรรมโชว์สมรรถนะของรถยนต์ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ รุ่น TURBO EL โดยนักแข่งรถที่มีประสบการณ์ 3 ท่าน และ Honda Track Experience ที่จัดขึ้นเพื่อให้ลูกค้า ฮอนด้า ซีวิค เทอร์โบ จำนวน 30 คัน ได้สัมผัสประสบการณ์บนสนามการแข่งขันระดับโลกผ่านการขับขี่จริงในสนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ รวมถึงการออกบูธจัดกิจกรรมและเกมส์ต่างๆ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า จะช่วยสร้างสีสันให้แก่การแข่งขัน “ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ 2019” ในครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี”
การแข่งขัน “ซูเปอร์ จีที เรซ” ในแต่ละฤดูกาลจะมีการแข่งขันทั้งหมด 8 สนาม โดยแบ่งเป็น 7 สนามในประเทศญี่ปุ่น และอีก 1 สนาม ในต่างประเทศ ซึ่งตั้งแต่ฤดูกาลการแข่งขันปี 2014 สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ก็ได้เข้ามาเป็น 1 ใน 8 ของสนามที่ใช้ในการแข่งขันซูเปอร์ จีที โดยการแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 รุ่นตามกำลังแรงม้าของรถยนต์ที่เข้าแข่งขัน ได้แก่ คลาสจีที 500 และ คลาสจีที 300 โดยจะทำการแข่งขันพร้อมกันบนระยะทางรวมกว่า 300 กิโลเมตร
สำหรับปี 2019 ฮอนด้ามีทีมที่ใช้รถยนต์ ฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์ เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 8 ทีม โดยแบ่งเป็น คลาสจีที 500 มีทีมที่ใช้รถยนต์ฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์ จีที (Honda NSX-GT) จำนวน 5 ทีม ได้แก่
ทีมคูนิมิตซึ
ทีมอาทา
ทีมมูเก็น
ทีมเคฮิน เรียล เรซซิ่ง
ทีมโมดูโล นากาจิม่า เรซซิ่ง
ในส่วนของคลาส จีที 300 มีทีมที่ใช้รถยนต์ฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์ จีที3 (Honda NSX-GT3) จำนวน 3 ทีม ได้แก่
ทีมอัพการาจ
ทีมโมดูโล ดราโก คอร์ส
ทีมอาทา
ซึ่งการแข่งขันในปีนี้ ทีมแข่งขันที่ใช้รถยนต์ Honda NSX ทั้ง 8 ทีมไม่สามารถคว้าตำแหน่งบนโพเดี้ยมได้สำเร็จเนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นภายในการแข่งขัน
พร้อมกันนี้ ฮอนด้ายังเอาใจแฟนๆ ชาวมอเตอร์สปอร์ตด้วยการจัดการแข่งขันซัพพอร์ตเรซ “ฮอนด้า เรซซิ่ง 2019” โดยมีรถยนต์ฮอนด้าเข้าร่วมการแข่งขัน ทั้งหมด 30 คัน แบ่งเป็น 2 รุ่น ได้แก่ 1) Honda Pro Car Modify การแข่งขันที่เปิดโอกาสให้สามารถปรับแต่งรถยนต์ฮอนด้าเครื่องยนต์ขนาดความจุ 1,500 ซีซี โดยมีรถเข้าแข่งขันจำนวน 15 คัน และ 2) Honda Pro Car (Production) การแข่งขันที่ไม่สามารถปรับแต่งรถยนต์ฮอนด้าเครื่องยนต์ขนาดความจุ 1,500 ซีซี โดยมีรถเข้าแข่งขันจำนวน 15 คัน
สำหรับการแข่งขัน ฮอนด้า เรซซิ่ง 2019 มีผลการแข่งขันดังนี้
ในรุ่น Honda Pro Car สนามที่ 1 รางวัลชนะเลิศตกเป็นของ ยศรัญ แสนสุข หมายเลข 88 จากทีม 888 CarWash ทำเวลาไปได้ 14 นาที 26.941 วินาที ตามด้วย ธนสิทธิ์ ปัญญาทรานนท์ หมายเลข 58 จากทีม Tein Team Thailand ทำเวลาไปได้ 14 นาที 32.772 วินาที ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ ชยพล โยธา หมายเลข 55 จากหมอเส็ง เรซซิ่ง ทีม ทำเวลาไปได้ 14 นาที 33.502 วินาที
ในรุ่น Honda Pro Car Modify สนามที่ 1 รางวัลชนะเลิศได้แก่ ชานน อัศวสังสิทธิ หมายเลข 39 จากทีม Profreight MRA Racing Team ทำเวลาไปได้ 13 นาที 57.517 วินาที ตามด้วย ภาสฤทธิ์ พรหมสมบัติหมายเลข 14 จากทีม YK Motorsport by Sunoco สามารถทำเวลาไปได้ 13 นาที 59.655 วินาที และอันดับสามตกเป็นของ อนิวัฒน์ ล้อมหมาดไทย หมายเลข 94 ทีม Idemitsu Racing Team Thailand ทำเวลาไปได้ 14 นาที 03.739 วินาที
รุ่น Honda Pro Car สนามที่ 2 รางวัลชนะเลิศตกเป็นของ ยศรัญ แสนสุข หมายเลข 88 จากทีม 888 CarWash ทำเวลาไปได้ 14 นาที 31.227 วินาที ตามด้วย ธนสิทธิ์ ปัญญาทรานนท์ หมายเลข 58 จากทีม Tein Team Thailand ทำเวลาไปได้ 14 นาที 32.925 วินาที ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ ชยพล โยธา หมายเลข 55 จากหมอเส็ง เรซซิ่ง ทีม ทำเวลาไปได้ 14 นาที 33.201 วินาที
ในรุ่น Honda Pro Car Modify สนามที่ 2 รางวัลชนะเลิศได้แก่ ชานน อัศวสังสิทธิ หมายเลข 39 จากทีม Profreight MRA Racing Team ทำเวลาไปได้ 13 นาที 52.557 วินาที ตามด้วย อานนท์ รอดประเสริฐ หมายเลข 22 จากทีม Idemitsu Racing Team Thailand สามารถทำเวลาไปได้ 14 นาที 01.889 วินาที และอันดับสามตกเป็นของ รักพงษ์ สงวนพันธ์ หมายเลข 93 ทีม Rommai Rimna Racing Team ทำเวลาไปได้ 14 นาที 03.791 วินาที
รุ่น Honda Pro Car สนามที่ 3 รางวัลชนะเลิศตกเป็นของ ยศรัญ แสนสุข หมายเลข 88 จากทีม 888 CarWash ทำเวลาไปได้ 14 นาที 35.715 วินาที ตามด้วย ชยพล โยธา หมายเลข 55 จากหมอเส็ง เรซซิ่ง ทีม ทำเวลาไปได้ 14 นาที 37.039 วินาที ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ ธนสิทธิ์ ปัญญาทรานนท์ หมายเลข 58 จากทีม Tein Team Thailand ทำเวลาไปได้ 14 นาที 39.550 วินาที
รุ่น Honda Pro Car Modify สนามที่ 3 รางวัลชนะเลิสได้แก่ ชานน อัศวสังสิทธิ หมายเลข 39 จากทีม Profreight MRA Racing Team ทำเวลาไปได้ 13 นาที 54.353 วินาที ตามด้วย ณัฐนิช ลีวัฒนาวรากุล หมายเลข 96 จากทีม YK Motorsport by Sunoco สามารถทำเวลาไปได้ 14 นาที 05.155 วินาที และอันดับสามตกเป็นของ ภาสฤทธิ์ พรหมสมบัติหมายเลข 14 จากทีม YK Motorsport by Sunoco สามารถทำเวลาไปได้ 14 นาที 05.624 วินาที
สำหรับกิจกรรม Honda Track Experience 2019 เปิดโอกาสให้ลูกค้าเจ้าของรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค เทอร์โบ จำนวน 30 ท่าน ได้สัมผัสประสบการณ์บนสนามการแข่งขันระดับโลกผ่านการขับขี่จริงในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่น เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยก่อนเริ่มกิจกรรม ฮอนด้าได้พาผู้ร่วมกิจกรรมเข้ารับการอบรมหลักสูตรพื้นฐานการขับขี่ในสนามแข่งทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฎิบัติ โดยทีมครูฝึกที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การแข่งขันระดับประเทศ เพื่อเสริมสร้างทักษะและความปลอดภัยในการขับขี่ก่อนการขับขี่บนสนามจริง ภายใต้ชื่อกิจกรรม Honda Driving Clinic ที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์
และอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์ที่ฮอนด้าตั้งใจจัดขึ้นเพื่อแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ต นั่นคือ กิจกรรม The Accord Turbo Performance Show เพื่อโชว์สมรรถนะการขับขี่ของ รถยนต์ ฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่น TURBO EL ที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ประสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 243 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 – 5,500 รอบต่อนาที ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 16.4 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งดีกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรในรุ่นเดิม จากนักแข่งรถมากประสบการณ์ 3 ท่าน
นอกจากนี้ บริเวณลานกิจกรรมด้านนอก ฮอนด้ายังได้ร่วมออกบูธจัดกิจกรรมและเกมส์ต่างๆ รวมถึงร้านขายของที่ระลึก เพื่อให้แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตได้ร่วมสนุกและลุ้นของรางวัลตลอดทั้ง 2 วัน