Friday, November 22, 2024
HomeAuto TipsCar Clubเปิดตำนาน 100 ปีแห่งเส้นทางของรถกระบะเชฟโรเลต

เปิดตำนาน 100 ปีแห่งเส้นทางของรถกระบะเชฟโรเลต

ประวัติศาสตร์ของรถกระบะเชฟโรเลตเริ่มต้นขึ้นเมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว เมื่อเชฟโรเลตผลิตแชสซีส์ซีรีส์ 490 ไลท์ เดลิเวอรี่ (Series 490 Light Delivery) และผลิตรถกระบะโมเดล ที (Model T) ในเมืองฟลินต์ รัฐมิชิแกนของสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2461 ซึ่งไม่เพียงผลิตรถกระบะเท่านั้น แต่ยังสร้างตำนานที่ถูกสานต่อมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ความมุ่งมั่นของเชฟโรเลตที่จะนำเสนอสมรรถนะที่เหนือชั้นที่สุดและความหลงใหลในการพัฒนารถกระบะที่ดีที่สุดได้รับการสนับสนุนอย่างมั่นคงเสมอมาจากแฟนที่ติดตามและลูกค้าทั่วโลก

รถกระบะเชฟโรเลตรุ่นเก่ามากมายยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบัน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของจีเอ็มในการผลิตรถที่มีคุณภาพสูง ทุกวันนี้รถเชฟโรเลตทุกรุ่นผลิตด้วยหลักการสร้างคุณภาพในกระบวนการผลิต (Built-In Quality) และมีกระบวนการที่สร้างความเชื่อมั่นในด้านความทนทานและการใช้งานที่ไว้วางใจได้

เวล เอ. ฟาร์กาลี กรรมการผู้จัดการ จีเอ็ม ประเทศไทย และเชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทยกล่าว “เราขอขอบคุณลูกค้าที่สนับสนุนรถกระบะเชฟโรเลตมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทุกคุณสมบัติของโคโลราโดในวันนี้เกิดจากความเชี่ยวชาญในการพัฒนารถกระบะของเรา ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกที่บึกบึนแข็งแกร่ง ภายในห้องโดยสารที่หรูหรา เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะทรงพลัง การขับขี่ที่เป็นเลิศ และศักยภาพการลุยทางออฟโรดได้อย่างเต็มที่”

เปิดตำนานรถกระบะในประวัติศาสตร์เชฟโรเลต

เชฟโรเลต โมเดล 490 ไลท์ เดลิเวอรี่ (Chevrolet Model 490 half-ton Light Delivery) คือรถเชฟโรเลต โฟร์ไนน์ตี้ (Chevrolet Four Ninety) แบบไร้ตัวถังที่มีสปริงหลังที่แข็งแกร่งกว่า ตัวรถมีทั้งแบบติดตั้งพื้นกระบะหรือแผงตัวถัง ถือเป็นรถกระบะบรรทุกเบาที่มีความปราดเปรียวและประหยัดสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ได้รับความนิยมทั่วอเมริกาหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1

เชฟโรเลต คาโนปี ทรัค ปี 1922 (1922 Chevrolet Canopy Truck) ผลิตขึ้นจากแชสซีส์ของรถยนต์นั่ง 490 มาพร้อมกับระบบเกียร์ที่เลือกเปลี่ยนได้แบบ 3 สปีด และเครื่องยนต์ 4 สูบแบบวาล์วเหนือฝาสูบ รถรุ่นนี้มาพร้อมกับพื้นที่บรรทุกที่มีการปกปิด

เชฟโรเลต โรดสเตอร์ ทรัค ปี 1930 (1930 Chevrolet Roadster Truck) คือการกำหนดนิยามรถโรดสเตอร์ 2 ที่นั่งที่มีพื้นกระบะหลังของเชฟโรเลต

แอดวานซ์ ดีไซน์ ซีรีส์ ปี 1947 – 1955 (The Advance Design Series 1947-55) คือรถรุ่นใหม่ของจีเอ็มรุ่นแรกหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยรุ่นปี 1955½ เป็นรถรุ่นแรกที่มาพร้อมเครื่องยนต์วี8 สมอลบล็อกซึ่งใช้ในคอร์เวทท์ด้วยเช่นกัน แอดวานซ์ ดีไซน์ ซีรีส์เป็นการกำหนดแนวทางของเชฟโรเลตในตลาดรถกระบะ และเป็นรถกระบะรุ่นแรกที่ทำให้จีเอ็มและอเมริกาเดินหน้าต่อไปได้หลังจากสิ้นสุดสงคราม

ทาสก์ ฟอร์ซ ซีรีส์ ปี 1955 – 59 (The Task Force Series 1955-59) รวมถึงรุ่นอาปาเช่ บรรทุกเบา และคาเมโอ ซึ่งเป็นรถกระบะสำหรับการใช้งานส่วนบุคคลรุ่นแรกของเชฟโรเลต มาพร้อมสีตัวถังแบบทูโทนและการตกแต่งภายในแบบทูโทน คาเมโอมีสไตล์ที่หรูหรา และมีคุณสมบัติที่โดดเด่นมากมายแบบเดียวกับรถซีดานสุดคลาสสิกอย่างเชฟโรเลต เบล แอร์

คอร์แวร์ 95 แรมพ์ไซด์ ปี 1961-64 (1961-64 Corvair 95 Rampside) เป็นการแนะนำแนวคิดใหม่สำหรับตลาดรถกระบะ มาพร้อมประตูด้านข้างและบานพับที่สามารถเปิดออกเป็นทางลาดสำหรับการขนถ่ายขึ้นลงจากกระบะท้าย แรมพ์ไซด์เป็นรถกระบะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างมากและแสดงให้เห็นถึงความสามารถของจีเอ็มในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ซึ่งถ่ายทอดมาจนถึงรถกระบะในปัจจุบัน

เอล คามิโน ปี 1970 (1970 El Camino) บุกเบิกแนวคิดใหม่สำหรับเซกเมนท์รถกระบะอีกครั้งด้วยสไตล์ตัวถังแบบรถมัสเซิลคาร์ที่ไม่มีฝากระโปรงหลังแต่แทนที่ด้วยพื้นกระบะแบบเปิด

ซี/เค ซีรีส์ ปี 1960-99 (C/K Series 1960-99) รวมถึงรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปี 1988 ซึ่งส่งอิทธิพลถึงแนวทางการพัฒนารถกระบะแนวสปอร์ตที่โด่งดังในช่วงทศวรรษที่ 1990 และต่อเนื่องมาจนถึงรถกระบะที่เพิ่งเปิดตัวอย่างโคโลราโด ไฮคันทรี สปอร์ต เอดิชั่น

เชฟโรเลต เอส10 ปี 1982 (Chevrolet S10 1982) เป็นรถกระบะขนาดคอมแพ็กต์รุ่นแรกที่ผลิตโดยเชฟโรเลต และเป็นทางเลือกใหม่นอกเหนือจากรถกระบะซี-เคขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยความประหยัดน้ำมันและขนาดตัวถังที่ใช้งานง่าย

ซิลเวอราโด ซีรีส์ ปี 1999 ถึงปัจจุบัน (Silverado Series 1999 – Present) รวมถึงรุ่นปี 2001 ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลดูราแม็กซ์ 6.6 ลิตรที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในด้านพละกำลัง แรงบิด และความประหยัดน้ำมัน ทำให้จีเอ็มสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้ถึงสามเท่าภายในปี 2002 จีเอ็มผลิตเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ในประเทศไทยและส่งออกไปยังอเมริกาเหนือสำหรับใช้ในโคโลราโด

อวาแลนช์ ปี 2002 (2002 Avalanche) มาพร้อมสไตล์ตัวถังภายนอกแบบยูนิบอดี้ และระบบปรับแค็บเอกสิทธิ์เฉพาะของจีเอ็มที่ช่วยเพิ่มความอเนกประสงค์สำหรับผู้โดยสารและการบรรทุกสัมภาระด้วยการเชื่อมต่อระหว่างพื้นกระบะและห้องโดยสาร รวมถึงกระจกบังลมหลังที่เปิดได้ นับเป็นหนึ่งในอีกหลายนวัตกรรมสำคัญของจีเอ็มในตลาดรถกระบะ

โฮลเด้น โคโลราโด ปี 2012-2016 (Holden Colorado 2012 – 2016) ผลิตในประเทศไทย เริ่มจัดจำหน่ายในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในเดือนมิถุนายน 2012 ออสเตรเลียเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของโคโลราโดที่ผลิตในจังหวัดระยอง

เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮคันทรี ปี 2015 (Chevrolet Colorado High Country 2015) นิยามของความทรงพลังและบึกบึน รูปลักษณ์ผสมผสานสไตล์ที่ร่วมสมัยและดุดัน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์รุ่นใหม่ที่มีศักยภาพการบรรทุกที่เป็นเลิศ

เชฟโรเลต โคโลราโด ปี 2016 ถึงปัจจุบัน (Chevrolet Colorado 2016 – Present) คือรถกระบะขนาดกลางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเชฟโรเลต และยังเป็นรถที่มีความสำคัญที่สุดของเชฟโรเลตซึ่งสร้างชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โคโลราโดบางรุ่นใช้เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ที่ผลิตในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย


เชฟโรเลต โคโลราโด แซดเอช2 (Chevrolet Colorado ZH2 2016–Present) พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานทางการทหาร จึงถูกผลิตเพื่อรองรับการใช้งานแบบออฟโรดอย่างสมบุกสมบันที่สุดและมีการทำงานที่เงียบเชียบด้วยความร้อนที่ต่ำ ระบบ Exportable Power Take-Off หรือ EPTO ช่วยให้ระบบฟิวเซลสามารถป้อนพลังงานไฟฟ้าสำหรับการใช้งานในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีพลังงานไฟฟ้า เชฟโรเลตยังเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมใหม่ในโคโลราโด แซดเอช2 อย่างต่อเนื่อง

เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮคันทรี สตอร์ม ปี 2017 (Chevrolet Colorado High Country Storm (2017) เป็นรถกระบะรุ่นสูงสุดของเชฟโรเลตที่ผลิตในประเทศไทย มาพร้อมดีไซน์ที่บึกบึนแข็งแกร่งและสมรรถนะที่สมบุกสมบันทำให้รถกระบะรุ่นนี้สมบูรณ์แบบสำหรับทั้งการใช้งานในการเดินทางในแต่ละวันหรือการใช้งานอย่างสมบุกสมบัน พัฒนาบนพื้นฐานของโคโลราโด ไฮคันทรีสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ โคโลราโด ไฮคันทรี สตอร์มยกระดับศักยภาพและการใช้งานให้สูงขึ้นและโดดเด่นยิ่งกว่าด้วยสีน้ำเงินใหม่ Blue Me Away

 

RELATED ARTICLES

Most Popular