Great Wall Motors บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งเมืองจีน เตรียมผลิตรถยนต์และจำหน่ายในเมืองไทย หลังเข้าเทคโอเวอร์โรงงานผลิตรถยนต์ เชฟโรเลต์ ของเจเนอรัลมอเตอร์สที่จ.ระยอง แล้ว ก่อนที่จะเดินแผนสองรวบโชว์รูมศูนย์บริการจำหน่ายเชฟโรเลต์เดิมให้เข้าร่วมโผผู้แทนจำหน่ายใหม่ทันที โดยคาดว่าจะมีรถยนต์เข้าสู่ตลาดเมืองไทยถึง 3 แบรนด์ ทั้ง Haval, GWM Pickup และ Wey ในรูปแบบของรถเอสยูวีและกระบะที่เน้นเทคโนโลยีแต่ราคาประหยัด
ประวัติความเป็นมาของ Great Wall Motors นั้นถือเป็นค่ายรถน้องใหม่ในตลาดโลก แต่ไม่ใหม่เลยสำหรับการดำเนินกิจการอุตสาหกรรมยานยนต์ในแดนมังกร ด้วยความสามารถในการใช้ระยะเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 40 ปี แต่ก็สามารถคว้าอันดับ 1 ในด้านยอดจำหน่ายจากอาตี๋อาหมวยเป็นที่เรียบร้อย ในขณะแบรนด์ที่คุ้นเคยกับชาวไทยอย่าง MG นั้นได้แค่อันดับ 3
ชิ่อเสียงที่โด่งดังพร้อมกับการตอบรับที่ดีเกินคาดจากตลาดในจีน ทำให้ Great Wall Motors เริ่มแผนงานขยายธุรกิจออกสุ่ตลาดโลก โดยปัจจุบันได้มีการทำตลาดมากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก เช่น ออสเตรเลีย, อาร์เจนตินา, บังกลาเทศ, บัลแกเรีย, นิวซีแลนด์, รัสเซีย, แอฟริกาใต้, ตูนิเซีย, ชิลี, ปารากวัย, เอกวาดอร์, กัวเตมาลา, โบลิเวีย, เปรู, มาเลเซีย, ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อิหร่าน และแอฟริกาใต้
ในการมายังประเทศไทย เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 คณะผู้บริหารจากแผ่นดินใหญ่เตรียมลงหลักปักฐานในบ้านเราด้วยเงินลงทุนกว่า 340 ล้านดอลลาร์ หรือกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาและยังมีการแสดงตัวตนเปิดตัวสู่สาธารณชนชาวไทยด้วยการเข้าร่วมเปิดบูธจัดรถ SUV แบนด์ Haval แสดงในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ในปีเดียวกัน จนมีการตั้งคำถามเกิดขึ้นมากมายกับรถยนต์แบรนด์นี้ ว่าจะเข้ามาจำหน่ายเมื่อไร มีรถอะไรบ้าง เข้ามาในรูปแบบไหน แต่ยังไม่มีคำตอบใดๆที่ชัดเจน นอกจากการโยน Haval เข้ามาถามทางเท่านั้น
จนล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เมื่อ เจเนอรัลมอเตอร์ส ประการยุติบทบาทการผลิตและจำหน่ายรถยนต์เชฟโรเลต์ในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมกับลงนานเซนต์สัญญาขายกิจการโรงงานผลิตที่จ.ระยองให้กับ Great Wall Motors เป็นที่เรียบร้อย นั่นจึงเป็นสัญญานที่ชัดเจนสำหรับการเดินหน้าเต็มกำลังเข้าสู่ตลาดเมืองไทย สานต่อแผนการเดินหน้าสู่ตลาดโลก ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นาน โรงงานผลิตของเชฟโรเลต์ที่ประเทศอินเดียก็โดนเทคโอเวอร์เป็นที่เรียบร้อย และยังอ้าแขนรับตัวแทนจำหน่ายของเชฟโรเลต์เดิมให้เป็นตัวแทนจำหน่ายของ Great Wall Motors ในอนาคต ด้วยเช่นเดียวกัน
การปักหลักฐานในเมืองไทยของ Great Wall Motors นั้นได้ทำการเปิดเฮดออฟฟิศใจกลางกรุงย่านถนนพระราม 9 โดยใช้ชื่อ Haval Sales Thailand จดทะเบียน 7 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา สำนักงานแห่งใหม่นี้ อยู่บนชั้น 31 ของอาคารเดอะไนน์ ทาวเวอร์ แกรนด์ พระราม 9 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ตอนจดทะเบียนว่า ประกอบกิจการค้าปลีก ค้าส่ง รถขับเคลื่อนสี่ล้อพลังงานไฟฟ้า รถอเนกประสงค์ รถกระบะ รวมถึงชิ้นส่วน อะไหล่และอุปกรณ์
เป็นที่แน่นอนว่า Haval จะถูกผลิตขึ้นเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดเมืองไทยภายในปี 2021 โดยตัวเต็งที่จะผลิตและจำหน่ายในไทยนั้นคือรุ่น F7 ซึ่งก่อนหน้าใช้ฐานการผลิตจากประเทศรัสเซีย
Haval F7 รถยนต์เอสยูวีครอสโอเวอร์ ขนาดมิติตัวถัง ความยาว 4,620 มม. กว้าง 1,846 มม. และสูง 1,690 มม. ซึ่งมีระยะฐานล้อ 2725 มม. หากเทียบกับค่แข่งในตลาดนั่นคือ Honda CRV และ Mazda CX-5
กระจังหน้าหกเหลี่ยมพร้อมกรอบโครเมี่ยม ไฟหน้าแบบ LED ปรับสูงต่ำอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED พร้อมกรอบโครเมี่ยม มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ กระจกข้างสีเดียวกับตัวรถปรับพับไฟฟ้า บันไดข้าง ไฟท้าย LED ไฟตัดหมอกหลัง LED เสาอากาศหูฉลาม ยาง 225/55 R19
ภายในตกแต่งด้วยเบาะหนังสีน้ำตาลแดงพร้อมคอนโซลและแผงข้างสีดำ เบาะนั่งปรับได้ด้วยไฟฟ้าได้ 8 ทิศทางสำหรับผู้ขับขี่ และ 4 ทิศทางสำหรับผู้โดยสาร มีการติดตั้งหน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว คอนโซลกลางมีจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 9 นิ้วรองรับได้ทั้ง Bluetooth / วิทยุ FM / AM /MP5 + USB / Telematics (4G) / WiFi ด้านลนหลังคาติดตั้งหลังคาซันรูฟไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันการหนีบ เครื่องปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ Dual Zone พร้อมกรอง PM2.5 และช่องระบายอากาศด้านหลัง
ขุมพลังมี 2 ขนาด เป็นเครื่องยนต์เบนซิน รหัส GW4B15A ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้าที่ 5000-5600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 285 นิวตัน-เมตรที่ 1400 – 3000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีต ความจุถังน้ำมัน 56 ลิตร อัตราสิ้นเปลือง 100 กม./ 6.6 ลิตร หรือประมาณ 15.1 กม./ลิตร
อีกหนึ่งขุมพลังคือเครื่องยนต์เบนซิน รหัส GW4B15A 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 221 แรงม้าที่ 5200 – 55000 รอบต่อนาที แรงบิตสูงสุด 385 นิวตัน-เมตรที่ 2000-3200 รอบต่อนาที ความจุถังน้ำมัน 56 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีต อัตราสิ้นเปลือง 100 กม./7.1 ลิตร หรือ 14 กม./ลิตร
ระบบความปลอดภัยอัดแน่นเต็มๆคัน ทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านด้านข้าง พร้อมเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบผ่อนแรงอัตโนมัติและเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISO FIX รวมถึง
-ระบบควบคุมเสถียรภาพของตัวรถ (ESP)
-ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCS)
ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (RMI)
ระบบช่วยเบรก (BA)
ระบบช่วยบนทางลาดชัน (HHC)
ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง
กล้อง 360 องศา
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise (ACC)
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
ระบบเตือนวัตถุด้านหน้า (FCW)
ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (LDW)
การตรวจสอบจุดบอด (BSD)
ระบบเตือนด้านหลัง (CTA)
ความช่วยเหลือการจราจรติดขัด (TJA)
กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
Haval F7 ตั้งราคาจำหน่ายในประเทศจีนไว้เพียง 109,000 – 153,700 หยวน หรือประมาณ 486,000 – 686,000 บาท
WEY (เว่ย) เป็นอีกแบรนด์รถยนต์ในเครือ Great Wall Motor และรุ่นที่ถือเป็นไฮไลท์และคาดว่าจะผลิตและจำหน่ายในบ้านเราคือ WEY VV7 พรีเมี่ยมเอสยูวีที่มากับดีเอ็นเอของความหรูหราทั้งภายนอก และภายใน
รูปทรงของ WEY VV7 มีส่วนคล้ายกับเอสยูวีพันธุ์ดุจากอิตาลีแบรนด์ Maserati มาพร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่และไฟหน้าทรงเหลี่ยม และ ไฟตัดหมอกเป็นแบบ LED มาพร้อมล้ออัลลอย 5 ก้าน มีทั้งขนาด 20 และ 21 นิ้ว
กระจกกันลมหน้าและกระจกประตู ผลิตจากวัสดุที่มีการป้องกันเสียงคุณภาพสูงและใช้ฟิล์มกันเสียงหนา 0.76 มม. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกในย่านความถี่ 2000-6000Hz ที่ประตูด้านในและชายล่างยังติดตั้งวัสดุซับเสียงหนา 3 ชั้น เพื่อเพิ่มความเงียบอย่างมีประสิทธิภาพ
ห้องโดยสารออกแบบยกระดับความหรู ใช้โทนดำ-น้ำตาล และเสริมด้วยเงิน พวงมาลัยทรงสปอร์ตท้ายตัดมากับชุดมาตรวัดแบบจอดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว มากับชุดมาตรวัดที่แสดงผลผ่านจอ TFT LCD ขนาด 9 นิ้วระบบเสียงเซอร์ราวด์ความเที่ยงตรงสูงแบบ Infinity และคุณสมบัติหรูหราอื่น ๆ คิกส์เซ็นเซอร์อัจฉริยะติดตั้งที่ประตูหลัง
ขุมพลังเป็นแบบเบนซินเทอร์โบคู่ VVT ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลัง 227 แรงม้า ที่ 5500 รอบต่อนาที แรงบิตสูงสุด 387 นิวตัน-เมตร ที่ 5500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังคลัตช์คู่แบบ 7 จังหวะ ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กม./9.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 205 กม./ชม.ส่วนอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 11 กม./ลิตร
Wey VV7 ได้รับการติดตั้งระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ 360 ° รอบทิศทาง โครงสร้างตัวถังยังมาพร้อมมาตรฐานระดับห้าดาวของยุโรป และใช้เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอีกมากมาย รวมถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ อาทิ
ACC (Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
FCW ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ
AEB ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
LKA ระบบช่วยรักษาให้อยู่ในเลน
LDW ระบบเตื่อนเมื่ออกจากเลน
LCA ระบบตรวจสอบจุดบอดเมื่อเปลี่ยนเลน
CTA (Cross Traffic Alert) ระบบตรวจจับทั้งสองด้านของเลนขณะที่รถกำลังถอยหลัง
BSD ระบบสามารถตรวจสอบพื้นที่ที่ผู้ขับขี่มองเห็นได้ยากด้วยเซ็นเซอร์เรดาร์
กล้อง 360 องศาแบบพาโนราม่า
Semi-automatic parking assistance ระบบช่วยจอดรถกึ่งอัตโนมัติ
DSM กระจกมองหลังมองกว้าง
ระบบเตือนเปิดประตู
WEY VV7 เริ่มต้น 169,800 หยวน หรือประมาณ 757,000 บาท ส่วนรุ่น VV7 PHEV ที่เป็นในรูปแบบของเอสยูวีไฟฟ้า ยังไม่ประกาศราคาจำหน่าย 219,800 หยวน หรือประมาณ 970,000 บาท
ท้ายสุดมาในรูปแบบของรถกระบะในชื่อแบรนด์ GWM Pickup ในรุ่น Cannon 2020 ที่มาครบทั้งความบึกบึน หรูหรา และตั้งเป้าท้าชนเจ้าตลาดเมืองไทยอย่าง Toyota และ Isuzu
Cannon 2020 มากับจุดเด่นคือมีขนาดที่ใหญ่กว่ารถในกลุ่มเดียวกัน ด้วยมิติตัวถังที่มีความยาว 5,410 มม. ยาว 1,934 มม. และสุง 1,886 มม. ไฟรอบคันเป็นแบบแอลอีดี มีหลังคาซันรูฟและ ฝากระบะท้ายซ่อนบันใดไว้ด้านใน
ภายในกว้างขวางตามขนาดตัวรถพร้อมแต่งเติมความหรูหราด้วยหนังแท้ รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ควบคุมผ่านจอทัชสกรีนพร้อมชุดมาตรวัดแบบแอลอีดีอีกต่างหาก
ขุมพลังที่จำหน่ายในจีนมีทั้งแบบเบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 190 แรงม้า 360 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด รวมถึงระบบขับเคลื่อน ทั้งแบบ 2 ล้อ RWD หรือ 4 ล้อ 4WD
อีกหนึ่งขุมพลังเป็นแบบดีเซลเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตรให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ RWD หรือ 4 ล้อ 4WD
นอกจากนี้ยังมี ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว กล้องมองหลัง ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร เรดาร์รอบคัน 15 ตำแหน่ง และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ รวมถึงระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ (เลเวล 2) ประกอบด้วยระบบควบคุมความเร็วแปรผันตามรถคันหน้า, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน, ระบบรักษาช่องทางจราจร, ระบบอ่านป้ายจราจร, ระบบเตือนจุดอับสายตา
GWM Cannon 2020 ราคาจำหน่ายในประเทศจีนอยู่ที่ 97,800 – 159,800 หยวน หรือราว 436,000 – 713,000 บาท
เพียงแค่ 3 ไฮไลท์จาก 3 แบรนด์ในเครือข่ายของ Great Wall Motors ซึ่งจริงๆแล้วยังเหลือแบรนด์ ORA ซึ่งผลิตรถเล็กในรูปแบบของรถไฟฟ้าที่ยังไม่ได้กล่าวถึง เพราะยังไม่มีทิศทางที่ค่ายกำแพงยักษ์จะนำมาจำหน่ายในประเทศไทย
ทั้งนี้รอลุ้นในปี 2021 ที่กำลังจะมาถึงว่า Great Wall Motors จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยรถยนต์แบรนด์ไหนและรุ่นอะไร ที่สำคัญอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่พุดถึงไม่ได้นั่นคือเรื่องบริการหลังการขาย เพราะนอกจากจะเทคโอเวอร์โรงงานผลิตรถยนต์ โชว์รูมและศุนย์บริการทุกแห่งของเชฟโรเลต์ ค่ายรถกำแพงยักษ์ก็อ้าแขนอุ้มไว้ทุกโชว์รูม คราวนี้แบรนด์น้องใหม่ในไทยแต่เป็นแชมป์ยอดจำหน่ายในเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ คงทำให้เจ้าตลาดในหลายๆเซกเมนต์ของเมืองไทยต้องคิดหนักแน่นอน