บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ทุบสถิติยอดขายครบสามแบรนด์ พร้อมครองอันดับหนึ่งของโลกอีกครั้งด้วยอัตราการเติบโตสูงสุดในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลกสองปีซ้อน
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สร้างสถิติใหม่ของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูด้วยอัตราการเติบโต 20% ซึ่งนับเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลกถึงสองปีซ้อน นอกจากนี้ แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดยังสามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้วยยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในประเทศไทย
สถิติยอดขายรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู ที่ 12,036 คัน ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 20% และยังนับเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในเครือข่ายของบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลกเป็นปีที่สองติดต่อกัน ขณะที่มินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด มียอดการส่งมอบรถตลอดปีสูงเป็นสถิติใหม่เช่นกันที่ 1,051 คัน (เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า) และ 2,154 คัน (เพิ่มขึ้น 8%)
และในระดับโลก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำระดับโลกในตลาดรถยนต์หรูไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และโรลส์-รอยซ์ รวมกว่า 2,490,664 คัน ซึ่งถือเป็นการสร้างสถิติสูงสุดเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน ขณะที่ยอดการส่งมอบรถยนต์ของทั้งสามแบรนด์ในเดือนมกราคม 2562 รวม 170,463 คัน ก็ถือเป็นการเปิดฉากศักราชใหม่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
นอกจากความสำเร็จทางยอดขาย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นสร้างประโยชน์อันยั่งยืนและร่วมสร้างคุณค่าให้แก่สังคมผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการ แคร์ ฟอร์ วอเตอร์ อันเป็นความร่วมมือระหว่างบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และองค์กรไม่แสวงหากำไรสัญชาติอเมริกา Waves For Water ซึ่งร่วมกันการสร้างโอกาสให้ชุมชนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงน้ำสะอาดได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังมุ่งหวังที่จะช่วยยกระดับสังคมด้วยการศึกษาผ่านโครงการ BMW Service Apprentice Program ซึ่งริเริ่มโดย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ร่วมกับหอการค้าเยอรมัน-ไทย และผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ เมื่อปี พ.ศ. 2555 เพื่ออบรมความรู้ด้านทฤษฎี และฝึกฝนทักษะในสายงานด้านช่างเทคนิคให้แก่นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงงานฝีมือที่เปี่ยมด้วยทักษะและความสามารถระดับสูง และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำด้านศูนย์กลางการผลิตยนตรกรรมระดับโลก
ในปี 2562 นี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จในทุกด้าน เริ่มต้นจากการเผยโฉม บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู Z4 ใหม่ และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT รวมไปถึง การนำเทคโนโลยีล้ำยุคอย่าง 3D Printing มาเพิ่มทางเลือกในการผลิต ปรับแต่งรถยนต์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น และการเริ่มดำเนินงานสายการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง เพื่อสนับสนุนการผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดให้ตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยได้ทันท่วงที
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ใหม่
บีเอ็มดับเบิลยู Z4 ใหม่
มอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT
เทคโนโลยี 3D Printing
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สานต่อพันธกิจสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยีล้ำยุค
ด้าน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนเพิ่มในปี 2561 เป็นจำนวนกว่า 816 ล้านบาท ด้วยการนำนวัตกรรมล้ำยุคอย่าง Additive Manufacturing หรือการพิมพ์แบบสามมิติ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสายการผลิต เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้นในระดับบุคคล
ด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นตามดีไซน์ของลูกค้าจากเครื่องพิมพ์ สามมิติจำนวน 5 เครื่องในสายการผลิต นอกจากนี้ ยังเริ่มต้นเดินหน้าประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง (High-Voltage Battery – HVB) ภายใต้ความร่วมมือกับแดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป ผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลก
ปัจจุบัน โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจให้ดำเนินการประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดถึง 12 รุ่น อาทิ
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Turismo บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 และล่าสุดกับ บีเอ็มดับเบิลยู X3 อันถือเป็นการตอกย้ำศักยภาพในภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของประเทศไทย และสะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดรถยนต์พรีเมียมในระดับภูมิภาค