ท่ามกลางความร้อนระอุของอากาศในเดือนเมษายนที่ทะลุเกิน 40 องศา แต่ ยอดขายมาสด้า กลับร้อนแรงยิ่งกว่า ด้วยยอดขายพุ่งทะลุ 6 พันคัน เติบโตเกือบ 40% รวมทั้งยอดขายสะสม 4 เดือน ยังทะลุเกิน 22,000 คัน เพิ่มขึ้น 8% หลังจากที่เพิ่งเฉลิมฉลองปิดปีงบประมาณไปอย่างสวยหรูเกินกว่าที่คาดการณ์ และยังสร้างปรากฏการณ์ใหม่กลายเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดของมาสด้าทั่วโลก
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมามาสด้ามีรถรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดน้อยมาก แต่ทุกคนในมาสด้าทำงานกันอย่างหนัก เพื่อให้ลูกค้าของเราเกิดความมั่นใจในแบรนด์ การที่จะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องนั้นจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยหลายๆ ด้าน
อันไหนที่เป็นจุดแข็งเราต้องรักษาไว้ อันไหนที่เป็นจุดอ่อนเราต้องรีบดำเนินการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ทุกส่วนเดินหน้าไปด้วยกัน ทั้งการขาย การบริการ การตลาด โดยเฉพาะหลังบ้าน ระบบต่างๆ ต้องรองรับกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
กระแสความนิยมรถยนต์มาสด้ายังแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ด้วยรูปลักษณ์การออกแบบที่งามสง่า ความพิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด ผนวกกับเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ใส่มาจนล้นคัน ตอบสนองการขับขี่ในทุกรูปแบบของพลังเครื่องยนต์ที่แรงและประหยัดน้ำมัน สิ่งเหล่านี้ล้วนได้รับการยืนยันผ่านทางการบอกเล่าปากต่อปากจากลูกค้าด้วยกันเอง จนทำให้รถยนต์มาสด้าได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ยอดขายมาสด้า เดือนเมษายนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอีก 38% (เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 2561) โดยเฉพาะมาสด้า2 กวาดยอดขายไปได้ทั้งสิ้น 4,450 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 61% ครองอันดับหนึ่งอย่างต่อเนื่อง
รถยนต์มาสด้า3 จำนวน 430 คัน เพิ่มขึ้น 14% ควงคู่มากับรถมาสด้า CX-3 จำนวน 267 คัน เพิ่มขึ้นถึง 70% รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร จำนวน 526 คัน เพิ่มขึ้น 27% รถอเนกประสงค์เอสยูวี CX-5 จำนวน 424 คัน และมาสด้า MX-5 จำนวน 2 คัน
ส่งผลให้ ยอดขายมาสด้า ในเดือนเมษายนปิดตัวเลขสูงถึง 6,099 คัน และยอดขายสะสม 4 เดือน (มกราคม – เมษายน 2562) สูงถึง 22,678 คัน เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 21,005 คัน
ด้วยยอดขายที่เติบโตเพิ่มขึ้นทุกๆ เดือน เป็นสิ่งยืนยันว่ามาสด้าเดินมาถูกทางแล้ว สิ่งสำคัญที่มาสด้าได้ลงมือทำมาตลอดเกือบ 2 ปี คือการยกระดับคุณภาพของการบริการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ไม่เพียงในส่วนของภาพลักษณ์ใหม่ของโชว์รูมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณภาพของการบริการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลถึงยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน