เปอโยต์ 3008,5008 ถือเป้นการแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ในสไตล์ของรถเอสยูวี 5 และ 7 ที่นั่ง ซึ่งมาพร้อมดีไซน์อันสง่างาม และขุมพลัง1.6 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำเพียง 1,400 รอบ พร้อมสมรรถนะเกินคาด กวาดรางวัลจากทั่วโลกมาแล้วกว่า 30 รางวัลเป็นการันตี
การกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่มาเล่นๆ เพราะบริษัทแม่จากแดนน้ำหอมที่ได้ร่วมมือกับ เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ เปอโยต์ อย่างเป็นทางการ วาดฝันไว้อย่างสวยหรูด้วยการเตรียมรถยนต์อีก 6 โมเดลป้อนสู่ตลาดรถยนต์เมืองไทยและตั้งเป้าไว้ว่าในระยะเวลา 5 ปีจากนี้ไป จะทำยอดจำหน่ายขึ้นนำรถยนต์จากค่ายใบพัดฟ้าขาว
ทีนี้มาดูในส่วนของ 2 ขุนศึกที่ เปอโยต์ ประเทศไทย ส่งลุยตลาดในรูปแบบของรถเอสยูวีในรุ่น 3008 และ 5008 ซึ่งจะว่าไปแล้ว ทั้ง 2 รุ่นนี้มีหลายสิ่งอย่างที่เหมือนกันยังกับแกะ ในรุ่น 3008 มากับสัดส่วนความยาว 4,510 มม. กว้าง 1,850 มม. ความสูง 1,662 มม. ฐานล้อ 2,730 มม. น้ำหนักรถ 1,527 กก. ความจุถังน้ำมัน 53 ลิตร
รุ่น 5008 ยาว 4,670 มม. กว้าง 1,855 มม. สูง 1,655 มม. ในขณะที่มีความยาวฐานล้อ 2,840 มม.และน้ำหนัก 1,611 กก. ความจุถังน้ำมัน 56 ลิตร ซึ่งถ้าเทียบกัน 5008 จะยาวกว่า 160 มม. กว้างกว่า 5 มม. แต่เตี้ยกว่า 51 มม. และหนักกว่า 84 กก. โดยระยะฐานล้อนั้นยาวกว่า 110 มม.
ทั้ง 3008 และ 5008 มากับดีไซน์ภายนอกเฉียบ คม และสง่างาม ตามสไตล์รถจากแดนน้ำหอม กระจังหน้าหรูหราด้วยชิ้นงานโครเมียม โดดเด่นไปกับตราสัญลักษณ์สิงห์ยกขา ไฟหน้าและตัดหมอกเป็นแบบแอลอีดี ดีไซน์โคมไฟหน้า-หลังให้มีลักษณะเหมือนกงเล็บที่ดุดันของสิงห์โตเจ้าป่า
รถทั้ง 2 รุ่นนี้มากับล้อแมกขนาด 18 นิ้วหุ้มยางขนาดเดียวกันนั่นคือซีรีย์ 225/55 และด้านบนหลังคาเป็นแบบพาโนรามิคซันรูฟ ซึงหากมองถึงความแตกต่างระหว่างรถทั้ง 2 รุ่นนี้คือ 3008 จะมีแรคหลังคาที่ใช้ประโยชน์ได้จริง แต่ 5008 นั้นจะเป็นแบบ Built-In
ฝาท้ายเปิดได้หลายรูปแบบทั้งจากกุญแจ,สวิทช์ภายในรถ และที่ฝาท้ายรวมถึงติดตั้งเซนเซอร์ในกรณีที่ใช้เท้าเปิดปิด และตั้งระดับองศาของฝาท้ายเพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบาย
ภายในระดับมาสเตอร์พีซ ออกแบบให้มีความหรูหรา ซึ่งมองถึงความแตกต่างคงหนีไม่พ้นในเรื่องของ 5 ที่นั่งและ 7 ที่นั่ง ทุกที่นั่งหุ้มด้วยหนังแท้ คู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า สำหรับแถว 2 กว้างขวาง นั่งสบาย ส่วนแถว 3 ในรุ่น 5008 อาจไม่เหมาะสำหรับผุ้ใหญ่ตัวสูง ควรปล่อยให้เป็นพื้นที่ของเด็กๆหรือผุ้หญิงตัวเล็กๆ จะดูไม่อึดอัด
พวงมาลัยดีไซน์เฉียบซึ่งทั่วไปมีการตัดขอบล่างหรือที่เรียกว่า D-Shape แต่เปอโยต์มีการตัดขอบทั้งบนและล่างซึ่งอาจต้องสร้างความคุ้นเคยกันสักเล็กน้อย ถัดมาเป็นคันเกียร์แบบแพดเดิล ชิฟท์ แต่ไม่สามารถหมุนตามพวงมาลัย
ที่เด็ดคือ I-Cockpit ในรูปแบบของมาตรวัดดิจิตอลพร้อมจอดิสเพลย์ขนาด 12.3 นิ้วแบบ head-up digital cluster แสดงข้อมูลทั้งมาตรวัดความเร็วและรอบเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ เช่น Dials, Navigation, Driving, Minimal และ Personal ซึ่งรวมไปถึงการแสดงภาพของระบบนำทาง และข้อมุลต่างๆของการใช้งาน
ด้านบนคอนโซลกลางมีจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้วแสดงการทำงานของระบบ Entertainment และระบบนำทางผ่านดาวเทียม รวมถึงเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Apple Car Play
ถัดลงมาด้านล่างเป็นสวิทช์สั่งการแบบ Piano Keys ดีไซน์สวยงาม ใช้สำหรับสั่งการระบบปรับอากาศ เลือกรายชื่อเพลง การเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ และการใช้งานโหมดขับขี่ในรูปแบบต่างๆ
บริเวณคอนโซลเกียร์ดีไซน์สวย มีปุ่มควบคุม Advanced Grip Control ซึ่งมีโหมดการขับขี่ในรูปแบบต่างๆให้เลือกทั้งหมด 5 โหมด นั่นก็คือ Normal สำหรับการขับขี่แบบปกติ , ESP OFF เพื่อปิดระบบควบคุมการทรงตัว, Sand ใช้ในเส้นทางร่วนซุยแบบกรวดหรือทราย , Mud ใช้สำหรับงานลุยที่สภาพเส้นทางทุรกันดาร และ Snow สำหรับขับขี่บนหิมะหรือสภาพเส้นทางที่ลื่น ทั้งยังมีสวิทช์ควบคุมระบบ Hill Desent Control รวมถึงคันเกียร์อัตโนมัติดีไซน์เก๋แบบ Electric Impluse ซึ่งมาพร้อมกับปุ่ม M หรือ Manual Mode นั่นเอง
เครื่องยนต์ได้รับรางวัล Engine of the year Award ซึ่งครองแชมป์มาถึง 3 ปีติดต่อกัน โดยเป็นขุมพลังแบบ 4 สุบ เทอร์โบ ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ พร้อมแรงบิด 240 นิวตันเมตรที่รอบต่ำเพียง 1,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ด้านระบบรองรับหน้าเป็นแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท หลังเป็นคานบิดพร้อมโช๊คอัพคอยล์สปริง และในด้านระบบเบรกเป็นแบบดิสเบรกทั้ง 4 ล้อ
นอกจากนี้ตัวช่วยด้านความปลอดภัยก็มีครบทั้ง ระบบเตือนมุมอับสายตา (Active Bilnd Spot), ระบบเตือนออกนอกเลน (Lane Keeping Assistance), ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัจฉริยะ สัญญาณกะระยะการจอดหน้า-หลัง กล้องมองหลังอัตโนมัติ เป็นต้น
การทดสอบสมรรถนะในครั้งนี้ได้เริ่มขึ้นที่โชว์รูมแห่งแรกของเปอโยต์ ประเทศไทย บริเวณถนน เกษตร-นวมินทร์ เพื่อไปจบที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยเริ่มกันที่ 5008
การใช้งานของรถเอนกประสงค์ถึงแม้ว่ามีขนาดตัวรถที่ค่อนข้างใหญ่ แต่การบังคับควบคุมก็ทำได้ง่าย พวงมาลัยมีความแม่นยำและทัศนวิสัยในการมองก็ไม่ถุกบดบัง ความทันสมัยของระบบ I-Cockpit ถูกออกแบบให้เกิดความตื่นตา เข็มวัดรอบเครื่องยนต์และความเร็วดิจิตอล ทำงานแบบเท่ๆด้วยการดีดขึ้นและลงสลับฝั่ง
เมื่อไหร่ที่กดสวิทช์ M Mode ที่คันเกียร์ รอบเครื่องยนต์จะมีการสวิงตัวสูงขึ้น พร้อมเสียงสังเคราะห์ทั้งจากเครื่องยนต์พร้อมกับลำโพงด้านข้างผู้ขับขี่ เพื่อรับกับความต้องการในการใช้พลังงานเครื่องยนต์ ซึ่งหากใช้งานรวมกับระบบแพดเดิลชิฟท์ ก็จะเกิดการขับขี่ที่สนุกสนานและสนองต่อความแรงได้ตามต้องการ
เครื่องยนต์แม้จะมีขนาดความจุเพียง 1.6 ลิตร แต่ก็ได้ความโหดของเทอร์โบแบบ Twin Scroll ซึ่งทำงานที่รอบต่ำเพียง 1,400 รอบ แต่ให้แรงบิดสูงถึง 240 นิวตันเมตร ก็สามารถนำพานน.ตันกว่าๆของ 3008 และ 5008 ไปได้อย่างสบายๆ ในขณะที่แรงม้าสูงสุด 167 แรงม้า เมื่อสนองต่อแรงกระชากและการเร่งแซงก็ทำให้เอสยูวีทั้ง 2 รุ่นนี้ขับขี่ด้วยสมรรถนะสปอร์ตได้พอสมควร
ระบบช่วงล่างถือว่าช่วยให้การควบคุมรถเป็นไปได้อย่างมั่นใจ สัมผัสได้ถึงความแน่น หนึบ ไม่แข็งกระด้าง และด้วยยางซีรีย์ 225/55 R18 การยึดเกาะถนนจึงทำได้อย่างน่าพอใจ
สัมผัสกับ 5008 มาพักใหญ่ก็มาถึงหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพื่อทำการสลับรถเป็น 3008 ซึ่งโดยรวมแล้วแทบไม่มีอะไรแตกต่างกันนอกจากเรื่องสำคัญนั่นคือขนาดและน้ำหนักของตัวรถ
ทั้งขนาดตัวรถที่สั้นกว่า และน้ำหนักตัวที่เบากว่า ทำให้ 3008 ขับขี่ได้อย่างสนุก เส้นทางคดเคี้ยว ขึ้นลงเขา ฟิลลิ่งไม่ได้ต่างไปจากกันมาก และในช่วงทดสอบพิเศษสำหรับการทดลองโหมดการขับขี่บนเส้นทางลาดชันทั้ง Hil Dessent Control และ ตัวช่วยอย่างระบบ Advance Grip Control ซึ่งเลือกการใช้งานได้ถึง 5 โหมด
รูปแบบของสถานการณ์อาจจะขาดไปบางอย่าง แต่ก็สามารถทำให้รุ้ว่าอาวุธลับของรถขับเคลื่อนสองล้อหน้าจากเมืองน้ำหอมนั้นไม่ธรรมดา ในโหมด M ซึ่งถ้าทำงานร่วมกับแพดเดิล ชิฟท์ ก็ถือเป็นผลดีในกรณีลงทางลาดชัน เพราะรอบเครื่องยนต์จะลากยาวขึ้น และตำแหน่งเกียร์จะไม่เปลี่ยนเองอัตโนมัติ จึงทำให้เกิด Engine Brake สำหรับสร้างแรงเฉื่อยเพื่อความปลอดภัย
โหมด Mud จะเป็นโหมดที่เสริมแรงตะกุย สร้างแรงลุยโดยถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อที่ไม่จับกับสภาพพื้นผิว ซึ่งจะใช้แรงบิดสูงแบบรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่วนโหมด Sand จะทำหน้าที่กระจายแรงบิดอย่างเหมาะสมไปยังล้อที่หมุนฟรีจากสภาพเส้นทางที่ร่วนซุย
สำหรับ เปอโยต์ 3008 และ 5008 นั้นถือเป็นรถอเนกประสงค์ในกลุ่มเอสยูวีครอสโอเวอร์ที่ครบเครื่องสมกับเป็นรถที่กวาดรางวัลมาแล้วทั่วโลกกว่า 30 รางวัล อาทิ รถใหม่ยอดเยี่ยมปี 2019 ‘New Car of the Year’ โดย Auto Trader New Car Awards, ดีไซน์ภายนอกและห้องโดยสารยอดเยี่ยม 2017 (Red Dot Product Design Award) สำหรับ เปอโยต์ 3008 เอสยูวี, แบรนด์ที่เชื่อถือได้มากสุดในปี 2019 ‘Most Dependable Volume Brand’ โดย J.D. POWER UK Vehicle Dependability Study และรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี ‘International Engine of the Year’ 4 ปีซ้อน (2015-2018)
เพียงแต่ถ้าแพดเดิลชิฟท์ปรับให้หมุนตามพวงมาลัยและอยู่ใกล้มือมากขึ้น เพื่อการใช้งานที่สะดวก แต่อุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งมาให้อย่างล้นเหลือและทันสมัย ทำให้เป็นรถอีก 2 รุ่นที่น่าจับตามอง และผุ้บริหารออกมาประกาศตัวว่าอีก 5 ปี จะสร้างยอดขายให้แซงรถจากค่ายใบพัด ก็ต้องมีกลยุทธ์เด็ดถืงได้มั่นใจกล่าวออกมาอย่างนั้น ทั้งนี้คงต้องติดตามต่อว่า สิงห์ยกขาจะกลับมาแจ้งเกิดอย่างสง่างามตามสไตล์เจ้าป่าได้หรือไม่