Tuesday, February 4, 2025
HomeAuto TestMazda 2 2019 เติมเต็ม GVC Plus จัดหนักกับการทดสอบในสนามแข่ง (มีคลิปวีดีโอ)

Mazda 2 2019 เติมเต็ม GVC Plus จัดหนักกับการทดสอบในสนามแข่ง (มีคลิปวีดีโอ)

Mazda 2 2019 กับมาสู่ตลาดอีโค่คาร์อีกครั้งด้วยการเติมเต็มภาพลักษณ์ในรูปแบบไมเนอร์เชนจ์ และความปลอดภัยไปกับระบบ GVC Plus ซึ่งการทดสอบสมรรถนะในครั้งนี้เกิดขึ้นที่สนามแข่งระดับโลก ณ สนมช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ในปี 2558 Mazda 2 รถยนต์นั่งขนาดเล็กในกลุ่ม B Segment ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ของรถในกลุ่มอีโค่คาร์ ได้ถือกำเนิดออกสู่ตลาด โดยมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดีด้วยยอดขายสะสมสูงถึง 160,000 คัน ซึ่งในรุ่นปรับโฉมนี้หลังจากเปิดตัวพร้อมรับจองในงานมอเตอร์เอกซ์โป เพียงงานเดียวสามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 2,200 คัน และยังครองแชมป์ยอดจำหน่ายในกลุ่มรถเล็กได้ถึง 2 ปีติด

การปรับปรุงปรุงในรูปแบบไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้มีความคล้ายคลึงกับ Mazda 3 ในรูปแบบของ Family Face โดยหน้ากระจังปรับใหม่หมด กันชนเพิ่มชิ้นส่วนโครเมียมเพื่อความหรู ไฟหน้าใช้เดยไทม์แบบวงกลม พร้อมไฟท้ายดีไซน์ใหม่เช่นกัน ส่วนล้อ 16 นิ้วลวดลายใหม่จะอยู่ในรุ่น Skyactiv D

Mazda 2 2019 (01)

ภายในห้องโดยสารได้มีการปรับใหม่ การวางตำแหน่งล้อหน้าที่เลื่อนไปด้านหน้าเพื่อวางตำแหน่งการนั่งที่เหมาะสม เสา A ขยับไปด้านหน้าเพื่อมองกระจกหลังได้ดีกว่าเดิม รวมถึงการมองจออินเอเฟซได้สะดวกและชัดเจน ทั้งยังติดตั้งวัสดุซับเสียงแบบใหม่ที่หลังคา ฝาท้าย และซุ้มล้อ

Mazda 2 2019 (02)

เบาะคู่หน้ารองรับสรีระได้ดีทั้งกระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกรานแบบเดีนสกับที่ใช้ใน CX 8 และ 3 โดยสีของเบาะปรับจากดำให้เป็นฟ้าเทาพร้อมตกแต่งด้วยหนัง Acantara เพื่อการนั่งที่กระชับ ในส่วนของจอ headup Display แสดงการทำงานของหลายๆระบบรวมถึง Blind Sport และยังมีการติดตั้งกล้องมองภาพรอบคันแบบเดียวกับที่ใส่ในรถรุ่นใหญ่ของมาสด้าทุกรุ่น

Mazda 2 2019 (3)

จุดเด่นของ Mazda 2 2019 คือเทคโนโลยีใหม่ในรูปแบบของ GVC Plus ที่ต่อยอดจาก GVC: G-Vectoring Control รวมถึงตัวช่วยการขับขี่ทั้ง Active Driving Display จอสกรีนใสแสดงข้อมูลการขับขี่ในระดับสายตาของผู้ขับขี่ , Sports Paddle Shift ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และ Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ส่วนด้านการติดต่อสื่อสารยังมีระบบ Mazda Connect ที่รองรับ Apple CarPlay แสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่ควบคุมด้วย Center Commander

Mazda 2 2019 (08)

เครื่องยนต์มี 2 แบบ Skyactive-G เป็นแบบเบนซินขนาด 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 93 แรงม้า พร้อมแรงบิด 123 นิวตันเมตร ประหยัด 23.3 กม.ต่อลิตร

Mazda 2 2019 (05)
และในรุ่น Skyactive-D ในรูปแบบของเครื่องยนต์คลีนดีเซลขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า พร้อมแรงบิด 250 นิวตันเมตร ให้ความประหยัดสูงถึง 26.3 กม./ลิตร

Mazda 2 2019 (06)

ทั้ง 2 เครื่องยนต์ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์แบบ Sky Actic Drive อัตโนมัติ 6 จังหวะพร้อมแมนนวลโหมดและแพดเดิลชิฟท์ และในส่วนของคันเร่งเป็นแบบไฟฟ้า

Mazda 2 2019 (04)

ด้านระบบความปลอดภัย i-Activsense มีมาให้ครบทั้งระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA เสริมด้วยกล้องมองรอบคัน 360 องศา นอกจากนี้ยังมี ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS, ระบบควบคุมสเถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC, ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS, ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน HLA

Mazda 2 2019 มากับสีภายนอกใหม่ 3 สี รวมสีเดิมเป็น 8 สี ราคาจำหน่ายในรุ่น Skyactive-G เริ่มที่ 546,000 บาทในรุ่น 4 ประตู จนถึง 690,000 บาท ในรุ่นแฮทแบค ส่วน Skyactive-D รุ่น 4 ประตูราคาเริ่มต้น 782,000 บาท และรุ่นแฮทแบคอยู่ที่ 799,000 บาท

Mazda 2 2019 (08)

การทดสอบสมรรถนะของ Mazda 2 2019 ในครั้งนี้จัดขึ้นที่ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ซึ่งทางผู้จัดได้เตรียมการทดสอบไว้ 3 รุปแบบ เพื่อทดลอง GVC Plus รวมถึงสัมผัสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร

Mazda 2 2019 (10)

เริ่มที่ Mazda 2 2019 รุ่น (Skyactive-D) ในรุปแบบของเครื่องยนต์คลีนดีเซลขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบแปรผันอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูง 250 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด การทำงานของเครื่องยนตืรุ่นนี้จะตอบโจทย์ด้านความแรงได้เป็นอย่างดี

Mazda 2 2019 (11)

รูปแบบของสถานีแรกกับการหักหลบฉุกเฉินในรุปแบบ Lane Change ความเร็วประมาณ 70-80 กม./ชม. และเลี้ยวรถกระทันหัน สัมผัสคันละ 2 รอบมีทั้งยกคันเร่งและไม่ยกคันเร่ง เพื่อเป็นการลองสัมผัสกับการทำงานของระบบ GVC Plus ซึ่งเดิมที GVC นั้นจะทำหน้าที่ลดความเร็วของล้อฝั่งในโค้ง

Mazda 2 2019 (11

แต่ GVC Plus จะมีการใช้เบรกเข้าไปช่วยและควบคุมองศาของมุมล้อให้สัมพันธ์กับความเร็วในขณะเข้าโค้ง ซึ่งผู้ขับขี่จะไม่รู้สึกว่าระบบทำงานเนื่องจากสมองกลเป็นตัวสั่งการ แต่หากเมื่อไหร่ที่ถอนคันเร่ง ระบบ GVC Plus จะทำงานไม่เต็มระบบ

Mazda 2 2019 (13)

นอกจากนี้ เบาะนั่งที่มีส่วนผสมของหนัง Acantara ก็ได้มีส่วนช่วยให้กระชับกับสรีระร่างกายแม้รถจะมีอาการเหวี่ยงก็ตาม เสา A ที่ยืดระยะไปข้างหน้าจะช่วยทำให้มีทัศนวิสัยที่ดีขึ้นอีกด้วย

Mazda 2 2019 (14)

ต่อด้วยการขับผ่านพื้นผิวถนนขรุขระซึ่งมีเชือกพาดขวางถนนเพื่อสัมผัสแรงสั่นสะเทือนจากพื้น อานิสงส์ที่ได้มาจากการติดตั้งวัสดุซับเสียงแบบใหม่ ส่งผลให้แรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนที่เข้ามายังห้องโดยสารการเก็บเสียงรบกวนต่างๆนั้นเงียบขึ้น

Mazda 2 2019 (15)

สถานีที่ 2 ลองกันเกือบเต็มรอบสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต โดยใช้ Mazda 2 2019 เครื่องยนต์ Skyactive-Gในรูปแบบของเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 93 แรงม้า พร้อมแรงบิด 123 นิวตันเมตร ใช้วีธีการขับขี่ผ่านทางโค้งทั้งหมด 6 โค้ง ถึงแม้ว่าเครื่องยนต์จะมีพละกำลังน้อยกว่า Skyactive-D แต่พอเมื่อคุ้นเคยกับระบบ GVC-Plus ทางโค้งในรูปแบบต่างๆจึงไม่เป้นผลต่อการทำให้รถเสียการควบคุมและการประมวลผลของระบบนี้ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและทันใจ

Mazda 2 2019 (16)

สุดท้ายเป็นการขับขี่แบบ Hot Lap แบบเต็มรอบสนาม ซึ่งรถที่ใช้นั้นเป็นเครื่องยนต์ Skyactive-D เรียกได้ว่า GVC Plus นั้นถูกออกแบบมาให้ขับขี่ด้วยความเร็วได้อย่างปลอดภัยขึ้นเยอะ แต่แม้ว่าหากลืมถอนคันเร่งหรือเหยียบเบรก traction Control และ VSC ก็จะเข้ามามีบทบาทในการควบคุมรถให้ปลอดภัยยิ่งขึ้นนั่นเอง

Mazda 2 2019 (17)

บทสรุปของการทดสอบสมรรถนะ Mazda 2 2019 รูปลักษณ์อาจไม่แปลกตาไปจากเดิมสักเท่าไหร่นัก จะมีก็แต่ชุดกันชนที่ดูสปอร์ตขึ้น โคมไฟ ทั้งหน้าหลังเพิ่มเติมในส่วนของหลอดแอลอีดีเพื่อให้ความส่องสว่าง เบาะนั่งที่มีส่วนผสมของหนัง Acantara นอกจากให้ความหรุหรา ยังโอบกะชับไปกับสรีระแม้จะขับขี่เข้าโค้งด้วยความเร็ว Haedup Display แสดงการทำงานของตัวช่วยการขับขี่ได้มากขึ้น แต่ที่ถือว่าเป็นที่สุดนั่นคือ GVC-Plus ที่ช่วยให้ขับขี่ได้ง่ายและยากต่อการเสียการควบคุม หากแม้ว่าผู้ขับขี่ถอนคันเร่งหรือเบรก ระบบอื่นๆอย่าง Traction Control และ VSC ก็จะเข้ามาทำหน้าที่ในการป้องกันการเสียการควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

RELATED ARTICLES

Most Popular