ถือเป็นคู่แข่งมาตั้งแต่เกิดสำหรับรถหรูแบรนด์เยอรมัน เรียกง่ายๆว่าไม่มีใครยอมกัน และในคลาสของซีดานไซส์เล็ก ทั้ง 2 ค่ายก็ส่งขุนพลเข้าร่วมแชร์ตลาดอันได้แก่ BMW 220i Gran Coupe ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 2.169 ล้านบาท และ Mercedes Benz A 200 AMG กับราคา 2.15 ล้านบาท แค่ค่าตัวของรถทั้ง 2 รุ่นนี้ก็บี้กันมาติดๆ แต่ฟังค์ชั่นที่มาพร้อมความทันสมัยและสะดวกสบาย รวมถึงสมรรถนะของขุมพลัง จะมีรายละเอียดเช่นไรบ้างนั้น ติดตามรับชมกันได้เลยครับ
Mercedes Benz A 200 AMG Dynamic ซีดานรุ่นเล็ก สมรรถนะน่าหลงใหล
Mercedes Benz A 200 AMG DYNAMIC ซีดานน้องเล็ก ที่นำขึ้นไลน์ผลิตในเมืองไทยรุ่นล่าสุด มาพร้อมกับราคาที่ต่ำกว่ารุ่นนำเข้ากว่า 3 แสนบาท แต่หั่นออฟชั่นบางส่วนออก สมรรถนะจากเครื่องยนต์จิ๋วแต่แจ๋ว ยังคงจี๊ดจ๊าด และมากับสไตล์ของรถหรูที่มากด้วยเทคโนโลยีทันสมัย
การมาในครั้งนี้ของ Mercedes Benz A-class ซึ่งถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 โดยเปลี่ยนจากการนำเข้า มาเป็นผลิตในประเทศ ซึ่งเป็นสาเหตุของการทำราคาที่ถูกลงกว่า 3 แสนบาท โดยในรุ่น A 200 Progessive ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 1.99 และในรุ่น A 200 AMG Dynamic อยู่ที่ 2.15 ล้านบาท
เจนเนอเรชั่นที่ 4 ของ A Class มากับรถในเซกเมนต์ซีดาน มีมิติตัวรถตามความยาว 4,549 มม. กว้าง 1,796 มม. และสูง 1,425 มิลลิเมตร ในขณะที่ระยะฐานล้อมีขนาด 2,729 มิลลิเมตร
ความสวยงามที่ได้รับการแต่งเติมมาจากชุดไฟหน้าแบบ LED High Performance ที่รวมทุกอย่างไว้ในตัว ทั้งไฟสูง ไฟต่ำ และ ไฟกลางวัน ที่มาพร้อมกับโคมในสไตบ์โฉบเฉี่ยว สอดรับกับกระจังหน้าแบบ Diamond Grill ที่แวววับดุจอัญมณี และในโลโก้ดาวสามแฉกก็มีการฝังเรดาห์ของระบบช่วยเบรคและระบบรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าไว้อย่างกลมกลืน
กันชนหน้าเจาะช่องระบายอากาศเพื่อแอโรไดนามิคที่ดีขึ้น โดยให้อากาศไหลผ่านออกด้านข้าง ในส่วนของล้อเป็นลาย 5 ก้านคู่ หุ้มยางขนาด 225/45 R18 โดยเปลี่ยนจากยางรันแฟลตสำหรับรุ่นนำเข้า มาเป็นยางแบบปกติให้กับรุ่นประกอบในประเทศ
ท้ายรถดุดันด้วยการออกแบบปลายท่อคู่หุ้มขอบโครเมียม และไฟท้ายเป็นแบบแอลอีดีทั้งระบบ และมีกล้องมองหลังซ่อนไว้ใกล้กับสวิตช์เปิดฝากระโปรงท้าย
เบาะนั่งทรงสปอร์ตหุ้มหนังและหนังกลับ ตัดเย็บเดินขอบด้วยด้ายแดง ในส่วนของผู้ขับขี่ปรับด้วยไฟฟ้ามีหน่วยความจำ 3 ตำแหน่ง ส่วนเบาะผู้โดยสารไม่มีหน่วยความจำและระบบไฟฟ้าในการปรับเซท และเบาะหลังสามารถพับได้แบบ 40:20:40
พวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่นที่ใช้ในการสั่งการฟีเจอร์ต่างๆ ด้วยปุ่มแบบ Touch Pad แสดงการทำงานผ่านมาตรวัดแบบ Full Digital ขนาด 10.25 นิ้ว นอกจากจะปรับเปลี่ยนการแสดงผลของทั้งความเร็ว และ รอบเครื่องยนต์ ยังคงรวมไปถึง โหมดการขับขี่ ที่ปรับเปลี่ยนได้ทั้ง Eco Normal และ Sport ที่ปรับได้ทั้งการตอบสนองของเครื่องยนต์ และ นน.พวงมาลัย นอกจากนี้ยังมีก้าน แพดเดิล ชิฟท์ สำหรับ + – ตำแหน่งเกียร์
หน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 10.25 นิ้ว ติดตั้งระบบปฎิบัติการ Multimedia MBUX และระบบสั่งงานด้วยเสียง Hey Mercedes รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทั้งระบบ Apple CarPlay และ Android Auto รวมถึงระบบแผนที่นำทางแบบ 3 มิติ Hard-disk Navigation และสำหรับ Amblient Light ปรับได้ถึง 64 เฉดสี
นอกจากนี้ ยังแสดงภาพให้กับระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist ซึ่งทำงานร่วมกับกล้องมองภาพขณะถอยจอด และเซนเซอร์กะระยะช่วยจอด PARKTRONIC
ทั้งนี้ยังมีระบบเชื่อมต่อรถยนต์ Mercedes me connect ระบบโทรช่วยเหลือฉุกเฉิน Emergency Call System และระบบวิเคราะห์สภาพรถยนต์ Telediagnostics / ตั้งค่ารถยนต์ รวมถึงฟังก์ชั่นสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อเปิดระบบปรับอากาศด้วยมือถือ Remote Engine Start
ขุมพลังจิ๋วแต่แจ๋ว ในรูปแบบของเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบแบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,620 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ Dual Clutch 7G-DCT 7 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลา 8.1 วินาที อัตราสิ้นเปลือง 17 กม./ลิตร
ระบบช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สัน ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม ระบบเบรกเป็นแบบดิสทั้ง 4 ล้อ ทั้งยังมาพร้อมกับตัวช่วยเพื่อความปลอดภัย ดังนี้
-ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
-โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP
-ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติแบบแอคทีฟ Active Brake Assist
-ระบบเบรกมือไฟฟ้า ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD
-ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
-ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA
-ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน Adaptive Brake Light
-ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
-ระบบจำกัดความเร็ว Speedtronic
-ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ ASSYST
-ระบบเตือนแรงดันลมยาง Tyre Pressure lose warning
-ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Attention Assist
-เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด PARKTRONIC
-ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist
-ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
-ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
-ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง
-ถุงลมนิรภัยหัวเข่า 2 ตำแหน่ง
-กล้องมองภาพขณะถอยจอด
BMW 220i Gran Coupe สปอร์ตซีดาน ขุมพลังแรง
คู่ต่อกรฝั่งค่ายใบพัดส่ง BMW 220 I Gran Coupe M Sport เสริมฟีเจอร์มากับเครื่องยนต์แรง ในราคาที่ถูกลง (2,169,000 บาท)
BMW 220i Gran Coupe เป็นการผสมผสานของรถคูเป้กับซีดานที่ลงตัว ที่ผ่านมารถในอนุกรมของ Gran Coupe มีมานาน ตั้งแต่Series 6, 4 และ 8 ก่อนจะมาเป็น 2 ซึ่งถือเป็นรุ่นล่าสุด โดยทั่วโลก BMW ขายรถในอนุกรมนี้ไปแล้วรวมกว่า 400,000 คัน และการมาครั้งใหม่ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในหลายส่วน เริ่มจากรหัส 218i ในรูปแบบของรถนำเข้า เป็น ประกอบในประเทศ รหัส 220i
BMW 220 I Gran Coupe มากับขนาดมิติตัวถังที่ยาว 4,526 มม. กว้าง 1,800 มม. และสูง 1,460 มม. ส่วนความยาวฐานล้อ 2,670 มม. กริวด้านหน้าเป็นชิ่นเดียวซึ่งในอดีต กระจังหน้าทรงไตคู่ได้แยกออกจากกันขัดเจน พร้อมกับเสริมช่องดักลมที่ได้รับออกแบบให้มีความสปอร์ต
ชุดไฟหน้าเป็นแบบ Full Led พร้อมไฟเดย์ไทม์ มาพร้อมชุดแต่ง M Sport รอบคันรวมไปถึงโช๊คอัพ และล้อ M Sport ที่มีคุณสมบัติด้านน้ำหนักเบาในขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางแบบ Run Flat ขนาด 225/40 R18
กระจกมองข้างปรับมุมต่ำอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง ด้านบนมีหลังคาพาโนรามิคเปิดได้หลายระดับและเอกลักษณ์อีกหนึ่งรูปแบบของรถยนต์อนุกรมนี้คือมีกระจกประตูแบบไร้ขอบทั้ง 4 บาน
ท้ายรถยังคงเน้นการตกแต่งโคมไฟด้วยหลอดแอลอีดีและมีชิ้นงานพลาสติกสีดำเปียโนแบล๊คคาดยาวจากซ้ายไปชวา
ห้องโดยสารไม่เล็กไม่ใหญ่แต่ภาพรวมคือการออกแบบให้มีอารมณ์สปอร์ต เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตหุ้มหนังแท้สีดำ เย็บด้ายน้ำเงิน พร้อมรูระบายอากาศ ตำแหน่งผู้ขับขี่นั้นได้รับการออกแบบให้สามารถควบคุมและสั่งการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆได้ง่าย
พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังค์ชั่นพร้อมระบบบังคับเลี้ยวแบบแปรผันตามน้ำหนักและโหมดการขับเคลื่อน รวมถึงปุ่มสั่งการระบบ Speed Limit และ Cruse Control เพิ่ม Braking Function
มาตรวัดออกแนวสปอร์ตเป็นแบบ Full Digital Virtual Cockpit Professional
คอนโซลกลางและข้างตกแต่งด้วย Llluminated Boston มีจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วคอยแสดงการทำงานของระบบ BMW Connectted ระบบปฏิบัติการ BMW os 6 เชื่อมต่อได้กับระบบ Apple Carplay ที่สามารถใช้งานฟังค์ชั่น BMW Connected Drive เพื่อเช็คสถานะของรถ ทั้งยังแสดงภาพจากกล้องมองหลังอีกด้วย
นอกจากนี้ยังเพิ่ม ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charging และเปลี่ยน ลำโพง เป็นแบบ Hi-Fi Loudspeaker บริเวณกระจกมองหลังมีปุ่ม โทรออกฉุกเฉิน Intelligent Emergency Call หากเผลอไปกด ระบบจะเชื่อมต่อไปยังCall Center หรือเบอร์ติดต่อที่ได้ลงทะเบียนไว้เพื่อตรวจสอบหาตำแหน่งของรถในกรณีการเกิดอุบัติเหตุ
ฟีเจอร์ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานนั่นคือ Parkking Distance เลือกการเข้าจอดได้ทั้ง 90 องศาหรือแนวขนาน รวมถึง Reverse Assist ที่จดจำเส้นทางในระยะก่อนหยุดรถ เพื่อความสะดวกในกรณีเข้าทางแคบและต้องถอยออกตามเส้นทางเดิม
BMW 220i Gran Coupe M Sport เป็นรถไม่กี่รุ่นที่มีระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และเปลี่ยนจากขุมพลัง 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เป็น 4 สูบ 2.0 เทอร์โบ เพิ่ม พละกำลังจาก 140 เป็น 192 แรงม้า และแรงบิด จาก 220 เป็น 280 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 ในเวลา 7.1 วินาที อัตราสิ้นเปลือง 15.4 กม./ลิตร
ระบบช่วงล่างหน้าแบบแมคเฟอร์สัน หลังแบบมัลติลิงค์ พร้อมโช๊คอัพ M Sport และมีดิสเบรกทั้ง 4 ล้อ ระบบความปลอดภัยเริ่มจากถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า มีทั้งที่คอนโซล ด้านข้าง ซึ่งบริเวณหัวหมอนของทุกที่นั่งจะมีถุงลมนิรภัยติดตั้งให้ด้วย
ระบบช่วยการขับขี่จะมีมีระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) ระบบควบคุมแรงดันเบรคแบบแปรผัน (DBC) และเบรค ABS รวมถึงระบบเสริมแรงเบรคอัตโนมัติ ระบบกระจายแรงเบรคขณะเข้าโค้ง (CBC) ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection) และเซนเซอร์ช่วยจอดทั้งหน้าและหลัง
จากการที่ได้ทดลองขับรถทั้ง 2 คันนี้ถึงแม้จะเป็นคู่แข่งกันโดยตรง แต่ก็ให้อารมณ์ต่างกันจนพอสรุปได้ดังนี้
Mercedes Benz A200 AMG มาในสไตล์หรูหรา จากฟีเจอร์ต่างๆที่ติดตั้งมาค่อนข้างได้เปรียบคู่แข่ง ห้องโดยสารเลือกหวือหวากับแสงไฟได้ถึง 64 เฉดสี และระบบสั่งการต่างๆใช้งานได้ไม่ยุ่งยาก แต่ก็ยังไม่มีอุปกรณ์ของยุคสมัยอย่าง Wiress Charging ติดตั้งมาให้ ส่วนระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบเตือนพร้อมช่วยควบคุมพวงมาลัยขณะรถออกนอกเลน ทั้งคู่ยังไม่ได้รับการติดตั้งเช่นกัน
ขุมพลังเบนซินเทอร์โบขนาด 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร อาจตกเป็นรองคู่แข่ง แต่ก็มีดีที่อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงยังคงเป็นต่อ และในเรื่องของระบบเบรก ที่ได้ดีจนต้องขอชื่นชม
BMW 220i Gran Coupe ถือว่าปรับใหญ่กว่าคู่แข่ง ด้วยการเปลี่ยนขุมพลังซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่สร้างชื่อให้กับค่าย และเป็นขุมพลังที่ประจำการในบีเอ็มดับเบิลยูหลากรุ่น รวมถึงมินิ
สมรรถนะด้านความสปอร์ตเป็นต่ออย่างเห็นได้ชัด การเรียกกำลัง 192 แรงม้า พร้อมแรงบิด 280 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบพร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร ตอบสนองได้เร็วทันใจ การใช้งานในส่วนของฟังค์ชั่นต่างๆรวมถึงระบบ BMW Connected Drive อาจต้องทำความเข้าใจสักนิด และสามารถปรับได้จากปุ่มควบคุมบริเวณคอนโซลเกียร์เท่านั้น แต่ก็มีดีที่ให้ Wiress Charging ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
สรุปไว้แบบนี้ครับ สำหรับท่านที่ชอบความหรูหรา Mercedes Benz A200 AMG จะตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่า BMW 220i Gran Coupe ซึ่งให้การขับขี่ที่มากับสมรรถนะดุดัน ส่วนหลังการขาย ทั้งคู่ก็มีการซื้อบริการประกันเพิ่ม เพื่อให้เจ้าของรถอุ่นใจในกรณีที่รถหมดอายุการรับประกัน
