เริ่มต้นกันแล้วกับงานบางกอกอินเตอร์เนขั่นแนลมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 42 หรือ Bangkok International Motor Show 2021 รถยนต์และรถจักรยานยนต์เกือบ 40 แบรนด์ที่เข้าร่วม ต่างนำไฮไลท์เด่นๆ รวมถึงนำรถใหม่มาเปิดตัวสู่สาธารณชนที่เข้าชมงาน แต่รถเด่นของแต่ละค่าย จะมีอะไรบ้างนั้น ติดตามได้จากรายงาน
AUDI
อาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัว The New Audi Q5 45 TFSI quattro S line Black Edition ที่มากับสมรรถนะ และเทคโนโลยีความปลอดภัย โดยช่วงล่างมาพร้อมระบบควบคุมโช๊คอัพแบบไฟฟ้า (damper control) ระบบกันสะเทือนมาตรฐาน
มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน mild hybrid (MHEV) 4 สูบ แบบ direct injection เทอร์โบชาร์จ ซึ่งให้พละกำลังสูงสุดที่ 249 แรงม้า แรงบิดที่ 370 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.3 วินาที เกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออันเลื่องชื่อ ในรูปแบบ quattro with ultra technology ด้วยความเร็วสูงสุด 237 กิโลเมตร/ชั่วโมง
กระจังหน้าสีดำลาย Honey Comb ได้รับการออกแบบให้มีความสปอร์ต์ดุดัน ล้อขนาด 20 นิ้ว ลายสปอร์ตทูโทน พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดงหน้า-หลัง
ราคาค่าตัวของ The New Audi Q5 45 TFSI quattro อยู่ที่ 3,990,000 บาท
BMW
BMWBMW M850i xDrive Coupe ยนตรกรรมที่ผสานขุมพลังความสปอร์ตปราดเปรียวเหนือระดับและความหรูหราล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ โดดเด่นด้วยรูปทรงลาดต่ำและดีไซน์ทรงพลัง สะดุดตาด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ของบีเอ็มดับเบิลยู โดยช่วงล่างของกระจังหน้ากว้างออกเพื่อเน้นย้ำถึงจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำของตัวรถ ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ทั้งสองข้างช่วยเสริมสมรรถนะด้านแอโรไดนามิกส์ของตัวรถ นอกจากนี้ยังมาพร้อมไฟหน้า LED ที่ติดตั้งระบบ BMW Laserlight ในรูปทรงที่เล็กเรียวกว่าไฟหน้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นอื่น ๆ
เครื่องยนต์ BMW TwinPower Turbo V8 รุ่นพัฒนาใหม่ล่าสุด ขนาด 4.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 530 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 4,600 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.7 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
BMW M850i xDrive Coupe ตั้งราคาจำหน่ายใหม่ จากเดิม 12,999,000 บาท เหลือเพียง 9,499,000 บาท
FORD
Ford Ranger FX4 MAX มากับการปรับโฉม พร้อมวางหมากให้เป็นรถรุ่นที่สมบุกสมบันมากว่ารุ่น Wildtrack แต่ยังไม่สมบูรณ์แบบเท่ากับ Raptor หลายๆคนมักขนานนามว่ารถรุ่นนี้คือ Baby Raptor เริ่มจากการปรับหน้ากระจังให้คล้ายคลึงด้วยการนำโลโก้ออก ปรับเป็นตัวอักษร F O R D โป่งล้อทำมาใหม่ เพื่อรองรับกับความกว้างของหน้ายางขนาด 265/75 R17 ซึ่งเป็นดอกยางออเทอเรนของ BF Goodrich รุ่น KO 2 ติดตั้งบันไดพร้อมโรลบาร์
เครื่องยนต์ยอดนิยมสำหรับกระบะพันธุ์แกร่งในรูปแบบของขุมพลังดีเซลคอมมอนเรลไบเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตรให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า 500 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ มีบวก/ลบที่คันเกียร์
ระบบช่วงล่างหน้าเป็นแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท หลังเป็นแหนบแผ่น แต่การยึดเกาะน้องๆ Raptor เพราะมีการอัพเดทโช๊คอัพเป็นของ Fox แบบ Monotube ทั้ง 4 ต้น ซึ่งคู่หลังมาพร้อมซับแทงค์
Ford Ranger FX4 MAX ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 1,189,000 บาท
HONDA
Honda City e:HEV ยนตรกรรมฟูลไฮบริดรุ่นแรกของเซกเมนต์ ที่ครบครันทั้งสมรรถนะการขับขี่อันทรงพลังด้วยระบบ Sport Hybrid i-MMD ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร
มั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายในทุกมิติ ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม
Honda City Hatchback ยนตรกรรมซิตี้คาร์ในสไตล์สปอร์ตแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ที่ผสานเอกลักษณ์ความอเนกประสงค์กับเบาะนั่งอัลตราซีท (ULTR) พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ อันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า
สนุกสนานไปกับขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO ให้สมรรถนะการขับขี่สูงถึง 122 แรงม้า แรงบิด 173 นิวตัน-เมตร และประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ครบครันด้วยฟังก์ชันที่พร้อมตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ และเทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์และทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน Honda CONNECT
Honda City Hatchback ราคาเริ่มต้นที่ 599,000 – 749,000 บาท และในรุ่น อี:เอชอีวี ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 839,000 บาท
GWM
เปิดตัวอย่างอลังการกับการเดินหน้าทำตลาดในประเทศไทยภายในปีนี้แน่นอน โดยรถยนต์ไฟฟ้ากระแสแรงมีมาจัดแสดง เริ่มที่ Ora Good Cat (ออรา กูด แคท) แฮทช์แบคพลังงานไฟฟ้ารูปทรงโค้งมน
ตกแต่งห้องโดยสารที่เน้นความทันสมัย มีระบบสแกนใบหน้าพร้อมหน่วยความจำ 5 ตำแหน่ง เบาะนั่งมีระบบนวดหลัง ขุมกำลังยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่หากเป็นแบบเดียวกับที่ขายในประเทศผู้ผลิตนั่นคือ มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 143 แรงม้า มีทางเลือกของความจุแบทเตอรี 2 ขนาด คือ 47.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะทำการสูงสุด 401 กม. และ 59.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะทำการสูงสุดถึง 501 กม. ขับเคลื่อนล้อหน้า ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม.
สำหรับ Ora Good Cat นั้น ยังไม่มีการเปิดราคาจำหน่ายแต่อย่างใด
อีกแบรนด์ภายใต้การทำตลาดของ GWM นั่นคือ All New HAVAL H6 Hybrid SUV” ที่เป็นรถยนต์พวงมาลัยขวาครั้งแรก มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 130 กิโลวัตต์ ให้แรงม้าสูงสุด 179 กิโลวัตต์ หรือ 243 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 530 นิวตัน-เมตร
มีมิติของตัวรถขนาดกว้างและยาว 1,886 x 4,653 มม. พร้อมความสูง 1,724 มม. มีระยะฐานล้อ 2,738 มม. และขนาดล้อ 19 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีทีเด็ดในด้านระบบความปลอดภัยและตัวช่วยการขับขืที่ทันสมัย
Hyundai
นำเข้ารถต้นแบบ Hyundai Palisade มาจัดแสดง ด้านหน้าติดตั้งกระจังหน้าโครเมี่ยมแนวนอนขนาดใหญ่ ไฟหน้าแบบคอมโพสิทเรียงแนวตั้งแยกชั้นพร้อมไฟ LED headlight ไฟท้ายแบบ LED มีสปอยเลอร์หลัง ช่องระบายความร้อน ด้านหน้า ด้านข้างและบริเวณด้านหลัง ทำให้รถยนต์รุ่นนี้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.33
ภายในมีเบาะหนังแบบ Nappa รุ่น 7 ที่นั่ง ลายไม้ออกแบบพิเศษตกแต่งรอบคันเพื่อมอบความหรูหรา บริเวณคอนโซลกลางออกแบบลักษณะ Bridge type คอนโซลหน้ามาพร้อมหน้าจอแบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่นแสดงผลหน้าจอบนกระจก Heads-up Display เพื่อความสะดวกและปลอดภัย มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนชินขนาด 3.8 ลิตรมอบกำลังสูงสุดที่ 295 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 355 นิวตันเมตรที่ 5,200 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ซึ่งไม่เพียงแต่มอบ
ISUZU
ALL-NEW ISUZU MU-X ยนตรกรรมอเนกประสงค์ โดดเด่นด้วยดีไซน์รูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่ภายนอกจรดภายใน ก้าวล้ำสู่ อีกขั้นแห่งความมั่นใจที่ครบครันกว่า ด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยล้ำหน้าล่าสุด ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE ให้ทุกระบบทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างมีประสิทธิภาพ
ล้ำหน้าไปอีกขั้นกับเทคโนโลยี ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่มาพร้อมนวัตกรรมกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ที่แม่นยำยิ่งกว่า และมั่นใจในเสถียรภาพการขับขี่สมบูรณ์แบบด้วยโครงสร้างแพลตฟอร์มและช่วงล่างใหม่ที่ออกแบบตามแนวคิด ISUZU Symmetric Mobility
เครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power และ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 ล่าสุด ซึ่งมีให้เลือก 4 รุ่น 4 สไตล์ ได้แก่ Ultimate, Elegant, Luxury และ Active โดยงานนี้นำมาให้ชมรวม 3 คัน
KIA
KIA Grand Carnival รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่แบบ Grand Utility มาพร้อมดีไซน์ที่เฉียบคมและภูมิฐานกว่าเดิม กระจังหน้าทรง Tiger Nose มากับไฟหน้า LED และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED ส่วนกันชนหน้า แถบกันกระแทกด้านข้าง ไปจนถึงกันชนหลังทำจากวัสดุสีเงิน รวมถึงไฟท้าย LED มีการลากยาวเต็มแถบฝากระโปรงท้าย
ห้องโดยสารเป็นแบบ 11 ที่นั่ง ออกแบบเพื่อมอบความผ่อนคลาย แผงแดชบอร์ดสวยสะดุดตาด้วยหน้าจอทรงพาโนรามิกแบบคู่เชื่อมต่อกัน สำหรับจอมาตรวัดและจออินโฟเทนเมนท์มีขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay กับ Android Auto
ขุมพลังใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง ขนาด 2.2 ลิตร 2,151 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ VGT กำลังสูงสุด 202 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 441 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า มาตรฐานไอเสีย EURO5
KIA CANIVAL ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 2,144,000-2,459,000 บาท
MAZDA
Mazda BT-50 มีให้เลือกทั้งหมด 3 ตัวถัง ได้แก่ Standard Cab, Freestyle Cab และ Double Cab แบ่งออกเป็นรุ่นย่อยทั้งหมด 14 รุ่น ชูจุดเด่นด้วยคอนเซ็ปท์ “Built for Dress and Jeans” สามารถใช้งานได้ในทุกโอกาส พร้อมเน้นย้ำจุดขาย “ปิคอัพที่สง่างามที่สุดในโลก” ด้วยแนวทางการออกแบบ Kodo Design เช่นเดียวกับรถยนต์นั่งของมาสด้า เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม และทรงพลังตามสไตล์รถกระบะ
ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Signature รับกับกระจังหน้าทรง Signature Wing โดยติดตั้งไฟเลี้ยวและไฟตัดหมอกแยกไว้บริเวณกันชน ขณะที่ไฟท้ายถูกออกแบบให้กลมกลืนไปกับด้านหน้า พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง เน้นความพรีเมียมด้วยโทนสีดำตัดกับสีน้ำตาลเข้ม พร้อมเบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมระบบดันหลัง โดยจัดวางอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารตามหลัก Human Machine Interface ให้ความสะดวกในการใช้งาน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว วางคู่กับชุดมาตรวัดแบบอนาล็อก
ระบบอินโฟเทนเมนท์ของ All-new Mazda BT-50 ทำงานผ่านหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 9 นิ้ว สามารถตั้งค่าการแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ รองรับการเชื่อมต่อ Wireless Apple CarPlay/Android Auto
ขุมพลังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มีให้เลือกเฉพาะระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะเช่นกัน แต่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือก
All New Mazda BT-50 ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 553,000-1,153,000 บาท
MG
NEW MG EXTENDER สมาร์ทปิกอัพที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ใหม่ สไตล์ดุดัน ขุมพลังดีเซลเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า พร้อมเทคโนโลยีครบครัน เปิดตัวทั้งหมด 8 รุ่นย่อย ในราคาเริ่มต้น 559,000 – 1,039,000 บาท
รถกระบะอัจฉริยะ หรือ Smart Pickup คันแรกของประเทศไทยจากการติดตั้งระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART สามารถสั่งการ ด้วยเสียงภาษาไทย
สมรรถนะจากเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอลเรล เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร มีกำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ให้ทั้งพละกำลังที่โดดเด่น การประหยัดน้ำมัน และมีค่าบำรุงรักษา ที่ต่ำ อีกทั้งยังให้ความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION พร้อมการติดตั้งระบบความปลอดภัยครบครัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นรถกระบะที่มาพร้อมระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ
Mercedes-Benz
Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic” ยนตรกรรมสปอร์ตเปิดประทุนสุดหรูหราที่พร้อมเผยความสง่างามให้โลกได้เห็น และถ่ายทอดความสปอร์ตได้อย่างเหนือชั้นในทุกมุมมอง โดยมาพร้อมขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซิน แถวเรียง 4 สูบขนาด 1,991 ซีซี พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ให้แรงม้าสูงสุด 197 แรงม้า พร้อมให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 7.9 วินาที มอบความเร็วสูงสุดที่ 234 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อีกหนึ่งรุ่นมาในสไตล์รถลุยกับ Mercedes-Benz GLE 350 de 4MATIC Exclusive ที่สุดแห่งยนตรกรรมเอสยูวีรุ่นแรกในไทยที่ผสานเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเข้ากับความแข็งแกร่งของเครื่องยนต์ดีเซล พร้อมเติมเต็มประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิต ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 1,950 ซีซี พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์และอินเตอร์คูลเลอร์ ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชันที่ 3 ให้กำลังสูงสุดถึง 320 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลาเพียง 6.8 วินาที ขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
Mercedes-Benz GLE 350 de 4MATIC Exclusive วางจำหน่ายในราคา 4,699,000 บาท
MASERATI
เปิดตัว Maserati MC20 ซูเปอร์คาร์ เจ้าของรางวัล ‘Most beautiful supercar of the year 2021’ และ ‘Super Sports Car of the Year’
อักษร MC ย่อจาก Maserati Corse ขณะที่ตัวเลข 20 มาจากปีที่เปิดตัว (2020) รูปลักษณ์ของ MC20 ใช้เวลาในการทำประมาณ 2 ปี ด้วยความร่วมมือตั้งแต่ต้นของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab, ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคจาก Maserati Engine Lab และบรรดานักออกแบบจาก Maserati Style Centre รูปลักษณ์ของ MC20 ถูกออกแบบให้สะท้อนถึงตัวตนและประวัติศาสตร์ของแบรนด์
ขุมพลังบล็อกแรกของยุคใหม่แห่งค่ายตรีศูล เป็นเครื่องยนต์เบนซิน วี6 สูบ ทวินเทอร์โบ 630 แรงม้า แรงบิด 730 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 ในเวลา 2.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 325 กม./ชม.
ราคาอย่างเป็นทางการ Maserati MC20 2021 เริ่มต้น 21.5 ล้านบาท
MITSUBISHI
จัดแสดง มิตซูบิชิ ไทรทัน ‘สเปเชียล เอดิชั่น’ ที่ออกแบบโดยคุณรักกิจ ควรหาเวช ศิลปินแนวสตรีทอาร์ตชื่อดังของประเทศไทย ผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งรุ่นคือ “มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น” รถอเนกประสงค์ระดับพรีเมียมที่มาพร้อมกับสีใหม่
NISSAN
Nissan Navara PRO4X ใหม่ ได้รับการถ่ายทอดดีเอ็นเอมาจาก Nissan Titan กระบะฟูลไซส์ในสหรัฐอเมริกา เสริมความดุดันของดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัย กระจังหน้าใหม่แบบ Interlock ซุ้มล้อขนาดใหญ่เพิ่มความโดดเด่น และอุปกรณ์ตกแต่งโทนสีดำ
ระบบไฟหน้าแบบ QUAD – LED คุณภาพสูง 4 ดวงพร้อม Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED แบบเส้นเดียวที่ทันสมัย โดยไม่ละทิ้ง DNA ของ Nissan ระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งใหม่ให้สามารถลุยไปได้ทุกที่ ทุกสถานการณ์ ผสานกับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางแบบ All Terrain มาพร้อมสีพิเศษ สเตลท์ เกรย์ (Stealth Gray) เสริมด้วยชุดแต่ง แอคเซนท์สีส้ม-แดง ภายในห้องโดยสาร และเบาะนั่งสีดำดีไซน์สปอร์ต พร้อมโลโก้ PRO4X
เครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที และแรงบิด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และเทคโนโลยีความปลอดภัย เช่น ระบบป้องกันการลื่น, ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า รวมถึงเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง ที่เสริมฟังก์ชัน Off-Road Meter เมื่ออยู่ในโหมด 4L
Nissan Navara PRO 4X 4WD 7AT ราคา 1,149,000 บาท
SUBARU
The All-New Subaru Outback เอสยูวีรุ่นล่าสุดที่ได้รับการปรับขนาดและสร้างขึ้นบนโครงสร้างตัวถังซูบารุโกลบอลแพลตฟอร์ม (Subaru Global Platform) ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ DNA ของซูบารุที่ให้การควบคุมที่ดีเยี่ยมและมีเสถียรภาพ
ตกแต่งภายในที่กว้างขวางขึ้นด้วยวัสดุตกแต่งคุณภาพสูงและสัมผัสที่นุ่มสบายของเบาะหนังแท้ Nappa หน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 11.6 นิ้ว หน้าจอ LCD ความละเอียดสูงสามารถเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเครื่องเสียง Harmon/Kardon 11 ลำโพงและซัฟวูฟเฟอร์
เทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ล่าสุด Subaru EyeSight 4.0 ดวงตาอัจริยะคู่ใหม่ที่เพิ่มความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เพราะนอกจาก 6 ระบบการทำงานที่มีในอายไซต์รุ่นปัจจุบันแล้วยังขยายมุมรับภาพให้กว้างขึ้นอีก 2 เท่า พร้อมทั้งพัฒนาระบบการทำงานใหม่ เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ใหม่ 2.5 ลิตร (Subaru Boxer Engine) ทำความเร็ว จาก 0 ถึง 100 กม. / ชม. ใน 9.6 วินาที
The All-New Subaru Outback ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 2,265,200 บาท
SUZUKI
Suzuki Swift 2021 ปรับหน้าตา เติมเต็มฟีเจอร์ แต่ยังคงราคาเดิมนั่นคือรุ่นท๊อฟ GLX จำหน่ายในราคา 629,000 บาท และ รุ่น GL มากับราคา 557,000 บาท มากับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 83 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติซีวีที
ภายในมีการเพิ่มแถบสีเงินที่คอนโซล และจอกลางแบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทั้ง Apple Car Play และ Endroid Auto รวมถึงแสดงภาพสีคมชัดจากกล้องมองหลัง และรองรับภาพแบบ HD และระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ ส่วนรุ่น GL จเป็นระบบปรับกากาศแบบมือหมุนและไม่มีจอทัชสกรีน
นอกจากนี้ยังมี Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบ Hill Hold Control ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน พร้อมทั้งถุงลมนิรภัยถึง 6 ตำแหน่ง กุญแจอัจฉริยะ Keyless Entry พร้อมด้วยฟังก์ชัน Keyless Push Start สตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ได้ในปุ่มเดียว และกล้องมองหลัง
PORSCHE
เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส สร้างจุดเช็ค-อินใหม่ ด้วยผลงาน The Taycan with a special Porsche Thailand x NaRaYa livery เป็นการร่วมมือระหว่าง 2 องค์กรของไทย เพื่อผสมผสานเทคโนโลยีล้ำยุคให้เข้ากับศิลปะการออกแบบของไทย นำเสนอผ่าน Porsche Taycan รถสปอร์ต พลังงานไฟฟ้า 100% โดดเด่นด้วยลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่สื่อถึงวัฒนธรรมไทย
Porsche Taycan Turbo S รถสปอร์ตพลังไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ พละกำลังระดับ 761 แรงม้า และมีแรงบิดที่ 1,050 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 260 กม./ชม. มีระยะทำการได้ไกล 388-412 กม. ต่อการชาร์จกระแสไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง
TOYOTA
Toyota Yaris/Yaris ATIV รุ่น Play ใหม่ มาพร้อมกระจังหน้าตกแต่งด้วยสีดำเงา, ตัวถังสีใหม่ Ice Pink Metallic, ล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทน Dark Mulberry ดีไซน์ใหม่ และสัญลักษณ์ PLAY บริเวณท้ายรถ
ภายในห้องโดยสารเน้นโทนสีดำตกแต่งแผงคอนโซลและแผงประตูด้วยสี Dark Mulberry, เบาะนั่งสีทูโทนขาว-ดำ ตกแต่งด้วยตะเข็บสี Dark Mulberry เช่นกัน เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานด้วยระบบกรองอากาศ PM 2.5, กระจกบังลมหน้า Acoustic Glass แบบ High Solar Energy Absorption ช่วยดูดซับความร้อน, กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ผ่านกล้อง 4 ตำแหน่ง แสดงภาพแบบ Real-time, ระบบเชื่อมต่อ PLAY Connect Car Telematics และที่จัดเก็บสัมภาระท้ายรถใหม่
ระบบเชื่อมต่อ PLAY Connect Car Telematics สามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนระบบ iOS และ Android
ขุมพลังเบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 109 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i
Toyota Yaris PLAY รุ่น Sport Premium with Black Roof ราคา 709,000 บาท และ
รุ่น Sport ราคา 634,000 บาท ส่วน Toyota Yaris ATIV PLAY รุ่น Sport Premium ราคา 699,000 บาท และ รุ่น Sport ราคา 624,000 บาท
ไฮไลท์รถเด่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของยนตรกรรมที่จัดแสดงในงาน บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ซึ่งจัดแสดงขึ้นที่ อิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 4 เมษายนนี้เท่านั้น รีบไปชมคันจริง พร้อมรับข้อเสนอพิเศษจากเจ้าหน้าที่ภายในงานกันนะครับ