New Audi A4 Avant 45 TFSI รถสเตชั่นแวกอนจากค่ายสี่ห่วง ที่ปรับปรุงหน้าตาในสไตล์ใหม่ ให้ความโดดเด่นจากชุดไฟแอลอีดีรอบคัน ภายในแต่งเนี๊ยบ เบาะนั่งสไตล์บักเกตซีทมาพร้อมนวดในตัว รวมถึงระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ที่ส่งเสียงผ่านลำโพง Bang & Olufsen ขุมพลังไม่ธรรมดาในรูปแบบเบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร พ่วงระบบ Mild Hybrid พร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ Quarttro กับค่าตัวที่ 3.399 ล้านบาท จะมีความคุ้มค่า และน่าใช้เพียงใด ติดตามได้จากรายงาน
New Audi A4 Avant 45 TFSI สำหรับเจนใหม่นี้เป็นการปรับปรุงให้มีความหรูหรา แต่แฝงด้วยอารมณ์สปอร์ต ทั้งภายนอกและภายใน เริ่มจากเปลี่ยนดีไซน์ของชุดไฟรอบคันเป็นแบบแอลอีดี ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย ในกรณีเปิดไฟเลี้ยวไฟท้ายเป็นแบบแมททริค แอลอีดี
หลังคาเป็นแบบพาโนรามิคซันรูฟขนาดใหญ่ ล้อแมกเปลี่ยนลายใหม่แบบ 5 ก้านคู่ หุ้มยางคอนติเนนทัลขนาด 245/35R19
ฝาท้ายนอกจากเปิดได้จากรีโมท สวิตช์ควบคุมภายใน ยังมี Kick Sensor ช่วยผ่อนแรง
ทั้งนี้ ชุดแต่ง S Line และ Black Edition ได้เข้ามามีส่วนช่วยเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตด้านแอโรพาร์ทภายนอกและปรับแต่งห้องโดยสารภายใน
ภายในเบาะ S Line ดีไซน์สวย สปอร์ต แบบบักเกตซีทหุ้มหนัง Fine Nappa แถมระบบนวดไฟฟ้าสำหรับคู่หน้า ส่วนคู่หลังพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ
พวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่นแบบท้ายตัดประดับสัญลักษณ์ S Line มีแป้นแพดเดิลชิฟท์ ปุมสั่งงานระบบล๊อคความเร็วอัตโนมัติ และ Speed Limit
ชุดมาตรวัดเปลี่ยนมาเป็นแบบ Vitual Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว แสดงการทำงานของระบบต่างๆด้วยกราฟฟิกที่ออกแบบให้มีความสวยงามและสบายตา
หน้าจอ MMi Radio Plus แบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว แสดงการทำงานทั้งระบบความบันเทิง และปรับตั้งค่าต่างๆ รวมถึงเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทุกระบบ ชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen มากับระบบเสียง 3 มิติ
เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร 249 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบ และแรงบิดสูงสุดที่ 370 นิวตันเมตรที่ 1,600-4,500 รอบ ทำอัตราเร่ง 0-100 ใน 6 วินาที อัตราสิ้นเปลือง 13.7 กม./ลิตรตามอีโค่สติกเกอร์ พ่วงระบบ Mild Hybrid ทำให้เป็นต้นทางของกระแสไฟฟ้า เพื่อส่งไปยังอุปกรณ์ต่างๆของรถ ทั้งยังลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น
ระบบส่งกำลังเป็นแบบอัตโนมัติ S Tropic 7 จังหวะ มากับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Quattro ที่ตัดต่อระบบด้วยไฟฟ้า
ระบบเบรคเป็นจานทั้ง 4 ล้อ คีีมาพร้อม ABS EBD และระบบป้องกันล้อฟรี Traction Control และ ESC รวมถึงเซนเซอร์รอบคัน
การทดลองขับในครั้งนี้ใช้ระยะทางราว 100 กม. New Audi A4 Avant 45 TFSI ถือว่าเป็นรถที่มีกลุ่มเป้าหมายหลักคือพ่อบ้านสายซิ่งอย่างที่จั่วหัวมาในช่วงแรก เพราะรูปลักษณ์ที่อดีตเรามักเรียกว่าเป็นประเภทของรถตรวจการณ์หรือสเตชั่น แวกอน ที่มีความอเนกประสงค์มากกว่ารถซีดาน แต่การออกแบบให้มีความลาดเทของแนวหลังคา ที่ไหลไปยังท้ายรถก็เป็นส่วนช่วยให้บรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่สบาย
นอกจากรูปลักษณ์ที่สวยงามของรถรุ่นนี้ การไหลผ่านของอากาศเป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้ผลิตนั้นพิถีพิถัน จึงทำให้ความสูงของตัวรถนั้นไม่มาก ส่งผลให้ดูสปอร์ตที่ลงตัว
ชุดช่วงล่างได้ปรับแต่งในส่วนของโช๊คอัพ ทีได้อัพเกรดสมรรถนะ เพื่อการควบคุมรถที่มั่นใจ การซับแรงสั่นสะเทือนทำได้ดีและไม่ถึงกับกระด้าง แม้จะใช้ยางขนาด 245/35 R19 เมื่อร่วมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Quarttro จึงทำให้การควบคุมรถนั้นมันใจได้
น้ำหนักพวงมาลัยออกแบบมาให้มีความกระชับ และแม่นยำ ซึ่งหากใช้โหมดการขับขี่แบบ Drive Select ซึ่งแยกออกเป็น 4 โหมด ได้แก่ Eco Comfort Performance และ Individual ทั้งน้ำหนักพวงมาลัย รวมถึงการสั่งจ่ายเชื้อเพลิง จะถูกตั้งโปรแกรมให้มีความแตกต่าง
ขุมพลังจัดว่าเด็ด เพราะสามารถนำเทอร์โบมารีดแรงม้าจากเครื่องยนตฺเบนซินขนาด 2.0 ลิตร ได้สูงสุดถึง 249 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบ และแรงบิดสูงสุดที่ 370 นิวตันเมตรที่ 1,600-4,500 รอบ พอมาดูที่อัตราสิ้นเปลืองตามอีโค่สติ๊กเกอร์อยู่ที่ 13.7 กม./ลิตร
อัตราเร่งถือเป็นขุมพลังที่ขับสนุก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 6 วินาที และเมื่อทำงานร่วมกับระบบส่งกำลังแบบอัตมัติ S Tronic 7 จังหวะ ซึ่งเป็นเกียร์ที่ให้ความนุ่มนวลสูง ในกรณีที่ใช้แพดเดิล ชิฟท์ ปรับลดอัตราทดเพื่อใช้เป็น Engine Brake นั้น แทบจะไม่มีการดึงให้สัมผัสได้ จะมีก็แต่ในโหมด Performance
ในส่วนของ Mild Hybrid ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์นั้นไม่ได้ใช้ขับเคลื่อน แต่จะนำแรงเฉื่อยของล้อมาสร้างกำลังไปยังแบตเตอรี่เพื่อส่งต่อไปเป็นกระแสไฟหลักให้อุปกรณ์ต่างๆ จึงไม่ทำให้เปลืองเชื้อเพลิง
มาถึงในส่วนที่ชอบมาก นั่นคือชุดเครื่องเสียงจาก Bang & Olufsen ที่ให้เสียงที่ไพเราะ และจอข้อมูลต่างๆที่ให้ความคมชัดสูง
บทสรุปการทดสอบรถคันนี้ถือว่าสอบผ่าน จากรูปลักษณ์ที่สะดุดตา สมรรถนะเครื่องยนต์ขับสนุกมาก และมั่นใจได้กับการควบคุม ในส่วนของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างฝาม้ายที่มาพร้อมระบบ Kick Sensor ก็ถือว่าเป็นการเติมเต็มที่ลงตัว แต่แอบติเล็กน้อยว่า ค่าตัวระดับ 3.399 ล้านบาท ตัวช่วยการขับขี่เพิ่มเติม เพราะเท่าที่มีคือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และ Speed Limit รวมถึงปุ่มสั่งงานระบบ Drive Select น่าจะสามารถปรับได้จากพวงมาลัย ซึ่งในฐานะของพ่อบ้านสายซิ่งคนหนึ่ง ที่เหลือ…ดีหมดครับ