เท้าความกันสักนิดกับโปรเจกต์พิเศษ “ISUZU V-CROSS 4X4 MASTER OF ALL ROADS…ตัวจริงทุกเส้นทาง” ที่ ตรีเพชร อีซูซุ เซลส์ ได้จัดทำขึ้นเมื่อพฤษภาคม ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งผู้ชมและลูกค้าอีซูซุ ส่งผลให้ “ISUZU V-CROSS 4X4 MASTER OF ALL ROADS SEASON 2 ได้จัดขึ้น และล่าสุดกับการเดินทางเส้นทางออฟโรดจากจังหวัดอุบลราชธานีมุ่งหน้าไปเมืองปากเซ สปป.ลาว ซึ่งเรื่องราวทั้งหมด ติดตามได้จากรายงาน
แน่นอนว่าพาหนะในการเดินทางครั้งนี้คือ“NEW! ISUZU V-CROSS 4X4 MAGIC EYEs” ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีเพื่อระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ซึ่งประมวลผลด้วยนวัตกรรมกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ครั้งแรกของวงการรถปิกอัพเมืองไทย ตรวจจับวัตถุด้านหน้าแบบ Real Time ได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ
นอกจากนี้ยังทำงานพร้อมเรดาร์ 2 จุดและเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน ให้ความมั่นใจในการเดินทางอาทิ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรฝัน ACC พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go (Full Speed Range Adaptive Cruise Control) โดยระบบจะทำหน้าที่ควบคุมความเร็วให้คงที่ และจะช่วยควบคุมความเร็วเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยโดยอัตโนมัติได้จนถึงรถคันหน้าหยุดนิ่ง และยังมาพร้อมกับระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW (Forward Collision Warning) และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking) ที่คอยตรวจจับสิ่งกีดขวางด้านหน้าจากกล้องหน้าคู่ และแจ้งเตือนเมื่อสิ่งกีดขวางอยู่ในระยะกระชั้นชิดเกินไปจนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และจะทำการเบรกโดยอัตโนมัติหากผู้ขับขี่ยังไม่เหยียบเบรกหลังสัญญาณเตือน
สำหรับเทคโนโลยีเพื่อระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS สามารถช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดถึง 50% (ข้อมูลอ้างอิงจากสภาความปลอดภัยแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (The National Safety Council, U.S.A.) ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่สามารถลดอุบัติเหตุ โดยระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Forward Collision Warning with Autobrake ช่วยลดการชนท้ายรถคันหน้า 50%)
นอกจากจุดเด่นของเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยที่ถือเป็นครั้งแรกของรถกระบะในเมืองไทย “NEW! ISUZU V-CROSS 4X4 MAGIC EYEs” ยังมาพร้อมกับดีไซน์ดุดันด้วย Front Bumper Guard สีทูโทน พร้อมชุดแต่งสีเทาดำรอบคัน ทั้งที่กระจกมองข้าง ราวหลังคา มือจับประตู บันไดข้าง ที่เปิดกระบะท้าย Fender Lip และ Robust Extender
ขุมพลังเครื่องยนต์ Isuzu 3.0 Ddi Blue Power รุ่น 4JJ3-TCX กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ระบบ Terrain Command สวิตช์เปลี่ยนการขับเคลื่อนจาก 2 ล้อเป็น 4 ล้อ ทำงานได้ฉับไว แม่นยำ เลือกการใช้งานให้เหมาะกับทุกสภาพถนนทั้ง 2H/4H และ 4L พร้อมสมรรถนะในการลุยน้ำได้สูงสุด 800 มิลลิเมตร ระบบ Electronic Diff-Lock ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า ช่วยล็อกเฟืองท้ายให้เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังล้อหลังด้านซ้ายและขวาเท่ากันเพื่อให้ผ่านอุปสรรคอย่างง่ายดาย
โครงสร้างตัวถัง และแพลตฟอร์ม “ISUZU DYNAMIC DRIVE PLATFORM” ที่ออกแบบมิติฐานล้อ และช่วงล้อหน้า-หลัง เพื่อดุลยภาพในการขับขี่ทั้งขณะรถเปล่า และการบรรทุกหนัก
เริ่มต้นการเดินทางด้วยการออกสตาร์ทที่ จ.อุบลราชธานี มุ่งหน้าไปยังด่านช่องเม็ก จุดผ่านแดนไทย-ลาว เพื่อทำพิธีผ่านด่านไปยังสปป.ลาว โดยการขับรถในสปป. ลาวนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ใบขับขี่สากล สามารถใช้ใบขับขี่ “แบบสมาร์ทการ์ด” ที่ระบุข้อมูลเจ้าของบัตรเป็นภาษาอังกฤษของไทยได้ แต่สิ่งที่ต้องปรับตัวและมีสติอยู่ตลอดเวลานั่นคือการเปลี่ยนฝั่งขับขี่ เพราะการจราจรของสปป.ลาวจะเป็นในรูปแบบสวนทางกับประเทศไทย
จุดมุ่งหมายแรกที่เราแวะไปคือ ร้านอาหารลาเมมัว (La Memoire) ร้านตั้งอยู่ใจกลางเมืองปากเซ เป็นร้านอาหารที่มีการตกแต่งสวยงาม บรรยากาศสบายๆ การันตีด้วยรสชาติ และความหลากหลายของอาหาร ทั้งอาหารลาว ไทย เวียดนาม และยุโรป ให้เลือกมากมาย
ก่อนมุ่งต่อไปที่ “ตาดฟาน” น้ำตกที่สูงที่สุดในแขวงจำปาสัก ช่วงนี้ยังไม่ถึงกับลุยโหด เส้นทางลาดยางและเรียบ ตัวช่วยในการเดินทางที่ติดมากับเทคโนโ,ยี Adas นั่นคือ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติตามรถคันหน้า รวมถึงระบบช่วยเตือนพร้อมดึงกลับให้อยู่กลางช่องทาง จึงถูกเลือกให้มาทำหน้าที่เป็นผู้ขับขี่แทน เพราะนอกจากจะควบคุมความเร็วและไม่ทำให้รถออกนอกช่องทาง ยังจะช่วยหยุดหรือชะลอความเร็วตามรถคันหน้าอีกด้วย
เดิมบริเวณน้ำตก ตาดฟาน แห่งนี้เป็นปากปล่องภูเขาไฟ จึงทำให้มีลักษณะเป็นเหวลึกเหมือนปากปล่องภูเขาไฟ และรายล้อมไปด้วยป่าเขาสี กิจกรรมไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้คือ “ซิปไลน์” ที่สูงและหวาดเสียวที่สุดในลาว ด้วยความสูงกว่า 220 เมตร ด้วยการโหนซิปไลน์ท้าความกล้าร่วม 4 สถานี ชมวิวน้ำตก 2 สาย ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชันสู่กลางหุบเขา
วันรุ่งขึ้น จุดหมายต่อไปคือ “CC1971 Cafe” ร้านคาเฟ่สุดฮิต ที่ตัวตึกเป็นเหมือนตึกร้างที่หลงเหลือร่องรอยจากสงครามอินโดจีน มีรอยกระสุนปืนหลายชนิดตามกำแพง โดยเมื่อก่อนตึกดังกล่าวเคยเป็นสำนักงานการไฟฟ้าเก่าของเมือง หากไม่มาถือว่าพลาด
และไฮไลท์สำคัญของลาวใต้คือการขับรถฝ่าเส้นทางออฟโรดไปตาดแซพะ น้ำตกมหัศจรรย์แห่งลาวใต้ ที่อยู่ ณ แขวงอัตตะปือ สภาพเส้นทางสุดโหด เป็นหลุมบ่อ ทั้งตื้น และ ลึก ตลอดเส้นทาง หากวางตำแหน่งล้อผิดหรือตกหลุมลึก ระบบรองรับจะชำรุดเสียหายจนเป็นปัญหาให้การเดินทางล่าช้า
ระบบโครงสร้างตัวถังและระบบรองรับช่วยกันรับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากสภาพความโหดของเส้นทางได้ดีมาก ตัวแปรอีกรู)แบบคือฝุ่น เพราะระยะห่างจากรถคันหน้าไม่ถึง 10. ฝุ่นหนาเหล่านี้ก็จะบดบังทัศนียภาพในการขับขี่ ส่งผลให้เกิดอันตรายขึ้นได้ แต่ทั้งหมดก็ผ่านไปด้วยดี
“ตาดแซพระ” มีความสูง 23 เมตร กว้าง 120 เมตร สวยงามอลังการสุดๆ ราวกับ “น้ำตกไนแองการา’’ ตั้งอยู่ในเขตคุ้มครองแห่งชาติเซเปียนห่างจากสามัคคีชัยเมืองหลวงของจังหวัดประมาณ 60 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาเดินทางกว่า 2 ชั่วโมง
สถานที่สุดท้ายของการเดินทางอยู่ที่วัดพูสะเหลา ตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้กับสะพานลาว-ญี่ปุ่น เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และชมวิวอันสวยงามแบบ 360 องศา ของเมืองปากเซ มองเห็นเวิ้งแม่น้ำโขงระยะกว้างไกล มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีเหลืองทองสง่างามบนเนินผา และบริเวณโดยรอบวัดยังมีพระพุทธรูปองค์เล็กตั้งเรียงรายอีกมากมาย จากนั้นเดินทางกลับมายังฝั่งไทยโดยการผ่านแดน ณ ด่านช่องเม็กเช่นเดิม
สำหรับทริปลุย! ท้า โลก ในสปป.ลาว กับ “NEW! ISUZU V-CROSS 4X4 MAGIC EYEs” ครั้งนี้ถือเป็นการเยี่ยมชมบ้านพี่เมืองน้องอีกครั้งที่น่าประทับใจ เส้นทางลุยถือว่าค่อนข้างโหด เพราะหลุมบ่อตลอดเส้นทาง และต้องใช้ความเร็วเพื่อไปสู่จุดหมายได้ทันเวลา ระบบที่ช่วยเหลือทั้ง ADAS โครงสร้างตัวถัง ระบบรองรับ นอกจากช่วยเรื่องความปลอดภัย ยังช่วยกันซับแรงสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี ส่วนด้านขุมพลังที่เหลือเฟือจากเทคโนโลยี Blue Power ขนาด 3.0 ลิตร 190 แรงม้า ทั้งยังมีอาวุธลับในการลุยอย่าง Electronic Diff-Lock เพียงแค่นี้ก็ลุยท้าโลก ตามคอนเซ็ปต์ “ISUZU V-CROSS 4X4 MASTER OF ALL ROADS…ตัวจริงทุกเส้นทาง”