Thursday, November 21, 2024
HomeAuto Testพิสูจน์ความประหยัดของซีดานหรูเสียบปลั๊ก “Mercedes The E 350e” ในทริพคาราวานบุญ

พิสูจน์ความประหยัดของซีดานหรูเสียบปลั๊ก “Mercedes The E 350e” ในทริพคาราวานบุญ

หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการเพียง 1 วัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ก็ได้นำ The E 350e เป็น 1 ใน 12 รุ่น ภายใต้แบรนด์ “EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz” เพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้ร่วมทดลองขับในทริพคาราวานบุญมอบเงินจำนวน 500,000 บาท พร้อมด้วยชุดอุปกรณ์เครื่องเขียนให้กับโรงเรียนเยาววิทย์ จ.พังงา ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 11 ปี การทดสอบระยะทางไกลจะได้ผลที่น่าทึ่งกับตัวเลขความประหยัดของซีดานหรูเสียบปลั๊กคันนี้มากน้อยเพียงใด ติดตามได้จากรายงาน

1 ใน 12 รุ่นของรถเสียบปลั๊กและเป็นอะไรที่ใหม่ สด เพราะกิจกรรมนี้เกิดขึ้นหลังเปิดตัวสู่สาธารณชนได้ไม่ถึง 1 วัน นั่นคือ Mercedes The E 350e ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงทดลองขับ มาทำความรู้จักกับซีดานหรูเสียบปลั๊กคันนี้ว่ามีอะไรเป็นทีเด็ด

The E 350 e มากับรูปลักษณ์สง่างามตามแบบฉบับของรถยนต์ตระกูลอี-คลาส เปิดตัวทั้งหมด 3 รุ่นได้แก่ Avantgarde, Exclusive และ AMG Dynamic สำหรับรุ่นที่ได้ทำการทดสอบในครั้งนี้เป็นรุ่นท๊อปไลน์ นั่นคือ The E 350 e AMG Dynamic มากับไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ประกอบด้วยหลอดไฟมากถึง 84 หลอด นอกจากนี้ยังมี ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILS – Intelligent Light System), ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS – Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (cornering light), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

The E 350 e AMG Dynamic พิเศษด้วยชุดแต่งรอบคันจาก AMG อาทิ ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว กันชนหน้า หลัง และสเกิร์ตข้าง รวมถึงดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน และสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์ เบรกหน้า

ห้องโดยสารถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของค่ายรถตราดาวโดยมีรางวัล “Automotive Interiors Expo Awards” ประจำปี 2016 ในด้าน “ห้องโดยสารยอดเยี่ยมสำหรับรถยนต์ที่ผลิตเพื่อการจัดจำหน่ายจริง (the best interior of a standard-production automobile)” และ “นวัตกรรมยอดเยี่ยมแห่งปี” เป็นการันตี

The E 350 e AMG Dynamic จะมาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง nappa, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตท้ายตัดหุ้มหนัง nappa พิเศษด้วยการติดตั้งระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up Display)

สำหรับภาคบันเทิงได้รับการติดตั้งระบบเสียงระดับไฮเอนด์ของ Burmester® นอกจากนี้ยังมีระบบ COMAND Online พร้อม Controller, ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad, ระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC) เฉพาะภาษาอังกฤษ, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™) และ Android (Android Auto) รวมถึงเพิ่มสุนทรียภาพในการโดยสารด้วยระบบ Amblient Light ปรับสีได้ถึง 64 สี

The E 350 e ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ขนาด 1,991 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200-4,000 รอบต่อนาที และกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 88 แรงม้า แรงบิดสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 440 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. เคลมอัตราสิ้นเปลืองสูงสุดเมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าได้ถึง 40 – 47.62 กิโลเมตร/ลิตร

ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (9G-TRONIC PLUS) ซึ่งมีส่วนช่วยให้รถคันนี้มีการบริโภคเชื้อเพลิงที่ค่อนข้างต่ำ พร้อมเพิ่มความสนุกสนานระหว่างการขับขี่ด้วยระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย

The E 350 e ได้รับการติดตั้งระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ และระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย ทั้งยังมีกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ รวมถึงติดตั้งกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง พร้อมระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า และระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา ซึ่งเป็นระบบที่ติดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกสำหรับซีดานเสียบปลั๊กรุ่นนี้

ขออธิบายการทำงานในส่วนของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพอสังเขปซึ่งสามารถเลือกรูปแบบการขับขี่เองได้ดังนี้

HYBRID ใช้กำลังเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเน้นกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก เปลี่ยนการทำงานให้สอดคล้องกับสภาพการขับขี่และปริมาณไฟฟ้าในแบตเตอรี่ เมื่อไหร่ที่ปรับรูปแบบการขับขี่มาเป็นโหมดสปอร์ต มอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดทำงานทันที

E-MODE ทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว โดยสามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม. ในขณะที่แบตเตอรี่เต็มจะใช้งานได้ระยะทางประมาณ 30-33 กิโลเมตร และควบคุมระบบได้ง่ายเนื่องจากมีแรงต้านที่คันเร่ง

E-SAVE เน้นการทำงานของเครื่องยนต์เป็นหลัก เพื่อเอากำลังจากเครื่องยนต์ส่งมาชาร์จแบตเตอรี่ และทุกครั้งที่เลือกโหมดนี้ มอเตอร์ๆไฟฟ้าแทบจะไม่มีการทำงาน หรือ ทำงานน้อยที่สุด

CHARGE โหมดนี้ไม่มีการใช้งานมอเตอร์แต่อย่างใด เป็นการทำงานด้วยเครื่องยนต์เท่านั้น โดยมีการแปรพลังงานจากเครื่องยนต์เพื่อชาร์จไฟเข้าไปที่แบตเตอรี่ระบบไฮบริด และสามารถชาร์จให้เร็วขึ้นด้วยการลดความเร็ว และ เบรก เมื่อแบตเตอรี่เต็มจะปรับไปที่โหมด E-SAVE อัตโนมัติ

มาถึงเรื่องการทดสอบ คณะของเราออกสตาร์ทจากกรุงเทพ มีปลายทางอยู่ที่ โรงเรียนเยาว์วิทย์ จ.พังงา แต่เริ่มสร้างความคุ้นเคยกับ The E 350e ที่จ.ชุมพร เพราะระยะทางที่ผ่านมามีการจับฉลากเลือกรถในกลุ่ม“EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz” ซึ่งเป็นรถปลั๊กอินไฟฟ้า จำนวน 12 รุ่น ทั้ง C-Class,S-Class GL-Class และ E-Class โดยมีการแข่งขันแบบประหยัดน้ำมันบนเส้นทางหลวงหมายเลข 44 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ถนนสายเซาท์เทริ์น”

ก่อนเข้าสู่การแข่งขัน ระยะทางประมาณ 100 กม.จากชุมพร มายังจุดสตาร์ทบริเวณปากทางเข้าถนนหลวงหมายเลข 44 ในช่วงนี้ได้มีการพิสูจน์ตัวเลขความประหยัดโดยการใช้งานจาก E-MODE ด้วยความเร็วประมาณ 90 กม./ชม.

ระยะทางที่ทำได้ในการใช้งานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว สามารถทำได้ใกล้เคียงกับที่ผู้ผลิตเคลมไว้คือระยะทาง 30 กม. หน้าจอที่แสดงถึงความประหยัดนั้นเป็นที่ประจักษ์สู่สายตาของผู้ร่วมเดินทางนั่นคือ 2.9 ลิตร/ ระยะทาง 100 กม. เมื่อคิดเป็นค่าเฉลี่ยจะมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ประมาณ 35 กม./ลิตร จากนั้นจึงเปลี่ยนมายังโหมด CHARGE ซึ่งในการชาร์จไฟให้เต็มแบตเตอรี่อยู่ที่เวลาประมาณ 70 นาที หรือใช้ระยะทางประมาณ 60 กม.

จุดสตาร์ทอยู่ที่บริเวณปากทางเข้าทางหลวงหมายเลข 44 กติกามีอยู่ว่า ระยะทางที่จะใช้ในการแข่งขันอยู่ที่ประมาณ 102 กม. มีเวลาให้ 60 นาที ถือเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างสาหัสบนสภาพเส้นทางที่ธรรมชาติไม่ค่อยจะอำนวยสักเท่าไหร่ เนื่องจากมีพายุฝนฟ้าคะนอง ทัศนวิสัยไม่เอื้อต่อการแข่งขันเลยแม้แต่น้อย

เมื่อนำระยะทางมาคำนวณกับเวลาที่ใช้แข่งขัน จะมีความเร็วอยู่ประมาณ 130-140 กม./ชม. จึงจะถึงเส้นชัยในเวลาที่กำหนด แต่สภาพอากาศที่ไม่อำนวย ถือว่าการแข่งประหยัดในครั้งนี้เป็นอะไรที่สุดหิน เพราะสามารถมองเห็นเส้นทางข้างหน้าในระยะไม่เกิน 10 ม. และเวลาที่ทำได้ในครั้งนี้คือ 58.30 วินาที ด้วยความเร็วเฉลี่ย 102 กม./ชม. ใช้เชื้อเพลิงเฉลี่ย 7.8 ลิตร / 100 กม. เท่ากับได้ค่าเฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 13 กม./ลิตร

การพิสูจน์สมรรถนะในครั้งนี้เป็นตัวเลขจริง และขับขี่บนสภาพเส้นทางที่ค่อนข้างจะสาหัสจากพายุฝนฟ้าคะนองตลอดเส้นทาง สิ่งที่น่าทึ่งคือการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ในความเร็วปกติได้ตัวเลขออกมาเป็นที่น่ายอมรับคือ 35 กม./ลิตร และเมื่อต้องใช้ความเร็ว อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 13 กม./ลิตร ก็สามารถบ่งบอกได้ว่า Mercedes The E 350e คันนี้ไม่ได้ตกเป็นรองใครในด้านความประหยัด ทั้งยังตอบสนองการขับขี่ได้ทุกรูปแบบ

เสร็จสิ้นจากกิจกรรมการพิสูจน์สมรรถนะด้านความประหยัดของรถยนต์ภายใต้แบรนด์ “EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz” อีกหนึ่งกิจกรรมที่ ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 นั่นคือ การสนับสนุนทางด้านต่างๆให้กับโรงเรียนเยาว์วิทย์ ซึ่งผู้บริหารและพนักงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษา ถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างและผลักดันเยาวชนให้เติบโตมาผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในสังคม

ในโอกาสนี้จึงสนับสนุนในด้านต่างๆ โดยส่งมอบเงินสนับสนุนทางการศึกษาจำนวน 500,000 บาท พร้อมด้วยชุดอุปกรณ์เครื่องเขียน ประกอบด้วย สมุดจดบันทึก ดินสอ ยางลบ และกบเหลาดินสอจำนวน 300 ชุด ซึ่งชุดเครื่องเขียนที่นำมาแจกจ่ายในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดมาจากกิจกรรมจัดทำชุดเครื่องเขียนเพื่อเด็กนักเรียนผู้ยากไร้ที่จัดขึ้นที่ “เมอร์เซเดส มี บ็อกซ์ (Mercedes me BOX)” เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

ความคิดเห็น
แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากรุ่นเดิม( The E 220d) ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา แต่การตกแต่งภายในรูปแบบใหม่มีรางวัลเป็นการันตีถึงความวิลิศมาหรา และ ทันสมัย สิ่งที่น่าสนใจมากกว่ารูปลักษณ์คือสมรรถนะที่ตอบสนองการขับขี่ได้หลากรูปแบบ ยิ่งถ้ามีการวางแผนเส้นทางที่ดี การใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริด อาจจะทำให้ตลอดระยะเวลา 1 เดือน คุณจะเติมน้ำมันเพียงถังเดียวก็เป็นไปได้

รวบรวมข้อมูลและทดสอบโดย ณัฐเทพ เผ่าจินดา

ข้อมูลเทคนิค

เครื่องยนต์

เบนซิน 4 สูบแถวเรียง เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า

ความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.)

1,991

กำลังสูงสุด(แรงม้า/รอบต่อนาที)

211 /5,500

แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที)

350 /1,200-4,000

กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า (แรงม้า)

88

แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า (นิวตันเมตร)

440

ระบบส่งกำลัง

เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9 G-Tronic)

0-100 กม./ชม. (วินาที)

6.2

ความเร็วสูงสุด(กม./ชม.)

250

ระบบขับเคลื่อน

ล้อหลัง

เบรก (หน้า/หลัง)

ดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน

กว้าง/ยาว/สูง

4,923 , 1,852,1,468

ราคา(บาท)

4,090,000

ตัวแทนจำหน่าย

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

 

RELATED ARTICLES

Most Popular