เป็นอีกครั้งที่ได้สัมผัสกับยนตรกรรมไฟฟ้ารุ่นใหม่ ในนาม “Leap Motor C10” หลังจากที่ได้ลองในสนามทดสอบเพียงไม่กี่รอบสนาม แต่ครั้งนี้จัดเต็มและใช้งานจริง ในชีวิตจริง และเป็นสเป็ครถจริงสำหรับจำหน่ายในไทย กลุ่มพระนครยนตรการ หรือ (PNA) ตั้งราคาค่าตัวเพียง 1,089,000 บาท ซึ่งความเนี๊ยบจากช่วงล่าง ที่ทีมออกแบบจากอดีตวิศวกรค่ายตรีศูล Maserati พอมาได้ใช้งานจริง ยิ่งประทับใจ พละกำลังขับเคลื่อน ไม่ได้บ้าพลังแบบรถจีนหลายๆค่าย แต่ 218 แรงม้า กับ แรงบิด 320 นิวตันเมตร ก็จี๊ดจ๊าดไม่ใช่น้อย 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 7.5 วินาที สำหรับแบตเตอรี่ ชาร์จไฟเต็มทำระยะทางการใช้งานได้ 424 กม. ตามาตรฐาน WLTP
ความโดดเด่นของรถไฟฟ้าลูกครึ่ง จีน-ยุโรป ยังมีให้สาธยายอีกพอสมควร เฉพาะระบบความปลอดภัย ADAS ที่ติดตั้งมาให้ถึง 16 ฟีเจอร์ ก็มากโข และเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับความทันสมัยนี้เองที่ทำให้เป็นดาบสองคม แต่ก็ยังดีที่สามารถเลือกเปิด และ ปิด ฟีเจอร์เหล่านี้ได้ เกริ่นมาพอสังเขป มาตามติดเรื่องราวของการทดสอบ Leap Motor C10 กันต่อได้จากรายงาน
ชื่อเสียงของ Leap Motor คนไทยอาจจะไม่รู้จักสักเท่าไหร่ แต่ความยิ่งใหญ่ของ Stallentis ในฐานะบริษัทแม่ หลายคนอาจคุ้นหู ยักษ์ใหญ่วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นการถือครองแบรนด์รถยนต์สัญชาติ จีน ยุโรป และ สหรัฐอเมริกามากกว่า 10 ยี่ห้อ อาทิ Alfa Fiat Peugeot Citroen RAM Jeep Maserati และอีกหลายแบรนด์ รวมถึง Leap Motor
Leap Motor C10 เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทีมวิศวกรทั้งจีน และ ยุโรป เพื่อให้ได้ยนตรกรรมไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้งาน คงความปลอดภัย และ ขับสนุก ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงจากตัวเลขยอดจำหน่ายของชาติต้นทาง ทั้งจีน และ ยุโรปอีกหลายประเทศ
รูปลักษณ์ตามสไตล์รถตรวจการณ์ในเวกเมนต์ C-SUV อัตลักษณ์ของ Leap Motor ที่จะส่งจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อความจดจำของสายตารอบด้าน และ สไตล์ เฉพาะตัว หลังคาพาโนรามิคขนาดใหญ่เคลือบกันแสงยูวี กินพื้นที่ร่วม 90% ของหลังคาทั้งหมด รอบๆรถติดตั้งเซนเซอร์ 12 จุด และกล้องประมวลผลทั้งด้านหน้าและหลัง ล้อขนาด 20 นิ้ว ฝาท้ายมีระบบไฟฟ้า แต่ไม่มีแฮนด์ฟรี และ คิ๊ก เซนเซอร์ มีปุ่มเปิดปิดที่ซ่อนบริเวณไฟท้าย แอบเท่อีกนิดกับที่ปัดน้ำฝนหลัง ซ่อนไว้ใต้สปอยเลอร์
ห้องโดยสารกว้างมาก เบาะแถวหน้าติดตั้งระบบนวด และพับได้ระนาบเดียวกับแถว 2 เผื่อสำหรับการทำเป็นที่นอน กรณีที่ต้องนอนในรถ และที่สำคัญ วัสดุที่ใช้หุ้มเบาะทำมาจากวัสดุเดียวกับที่ใช้ผลิตจุกนมเด็ก นุ่มนวลทุกสัมผัส
ปุ่มกดใช้งานหายเกลี้ยง ย้ายเข้าไปไว้ในจอทัชสกรีนที่รวบรวมทุกการใช้งานไว้ในตัว แม้แต่กระทั่งปรับทิศทางระบบปรับอากาศ ซึ่งควรทำความเข้าใจและรู้ก่อนว่าระบบที่จะใช้งาน อยุ่ในส่วนการควบคุมไหน เพราะหากขับไปเซ็ทระบบไป บอกไว้ตรงนี้เลยว่าค่อนข้างอันตราย และถ้าคุณไม่ควบคุมและสั่งการ ระบบ ADAS จะทำหน้าที่ทุกครั้งหากไม่ปิด เช่น ระบบเตือนและดึงกลับกลางช่องทาง ระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบๆรถ และอีกมากมาย ซึ่งจะเปิด หรือ ปิด การใช้งานก้ทำได้ตามสะดวก ยกเว้นในส่วนของระบบตรวจจับม่านตา ซึ่งจะเตือนตลอดเวลา หากสายตาคุณไม่มุ่งมั่นกับถนน หรือขาดสมาธิในการขับขี่ ระบบจะส่งเสียงเตือนเป็นระยะ
โหมดการขับชี่มีให้เลือกหลากหลาย ตรงนี้ปรับเซ็ทมาดี เพราะการหน่วงพลังงานกลับไปสะสมยังแบตเตอรี่ ไม่ดึงหนักจนหัวทิ่มเหมือนในอดีตที่รถไฟฟ้าเคยเป็น
การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทั้ง 2 ระบบ รวมถึงทำหน้าที่เป็น E SIM ปล่อยสัญญาณอินเตอร์เนทได้จากตัวรถ ซึ่งทำให้แอพพลิเคชั่นเพื่อความบันเทิงหลากหลาย ติดตั้งในรถคันนี้ ทั้ง JOOX TIKTOK Youtube Spotify ลำโพง 12 ตำแหน่งจัดวางรูปแบบโฮมเธีนเตอร์ 7.1 Channel
ขุมพลังมาจากมอเตอรืไฟฟ้าติดตั้งที่ล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 ใช้เวลา 7.5 วินาที ทำความเร็วสุงสุด 170 กม./ชม. และแบตเตอรี่ติดตั้งไว้ในโครงสร้างตัวถัง ขนาด 69.9 กิโลวัตต์ ชาร์จไฟเต็มสามารถใช้งานได้ 424 กม.ตามาตรฐาน WLTP ชาร์จไฟกระแสตรง DC 84 kW จาก 30 – 80% ภายในเวลา 30 นาที
ระบบช่วงล่างถือเป้นทีเด็ดที่ส่งตรงจากอดีตทีมออกแบบของ Maserati ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน ด้านหลังเป็นมัลติลิงค์ ซึ่งกวาดรางวัลจากฝั่งยุโรปมาแล้วมากมาย ออกแบบให้มีความยีดหยุ่นและรับการกระแทกได้อย่างมั่นคง รอยต่อถนน คอสะพาน เก็บรายละเอียดดีมาก แถมน้ำหนักที่มายังพวงมาลัย ไม่หนักจนเกินไป ออกแนวกระฉับกระเฉง
การ์ด NFC หัวใจสำคัญในการใข้งานรถยนต์ ทำหน้าที่แทนกุญแจ เพียงเอาไปนาบกับเซ็นเซอร์ที่ฝังไว้ที่กระจกมองข้างฝั่งคนขับ ก็จะสามารถเปิด และ ปิด รถคันนี้ หากแต่การขับเคลื่อน ต้องนำการ์ดไปวางไว้ที่ตำแหน่งเดียวกับ Wiress Charger เท่ากับเป็นการเปิดระบบทั้งหมด หรือคือการสตาร์ทรถนั่นเอง
อนาคตอันใกล้ การ์ด NFC จะทำงานเพิ่มขึ้นอีกรูปแบบ นั่นคือควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งหลังจากระบบใช้งานได้ หลักใหญ่ใจความของการขับขี่ Leap Motor C10 จะสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพราะควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนนั่นเอง
ประเด็นต่างๆที่ได้นำเสนอเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทดสอบ ฟิลลิ่งการขับขี่ รวมถึงวิธีการใช้งานระบบต่างๆ ของ Leap Motor C10 สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้จากคลิปวีดีโอ