วนเวียนครบปีกับกิจกรรมดีดี AMG Circuit Experience 2020 ซึ่งได้นำรถทรงพลังจาก Mercedes AMG ทั้ง 13 รุ่น สมรรถนะรวมหลายพันแรงม้า เพื่อเป็นพาหนะในการขับขี่บนสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ งานนี้สนุกสุดมัน จนเรียกได้ว่ารู้ลึกทั้งรถ และทุกโค้งของสนามเลยก็ว่าได้ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เข้าเรื่องกันเลยครับ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ สานต่อภารกิจในการยกระดับประสบการณ์การขับขี่รถยนต์มอเตอร์สปอร์ต พร้อมย้ำภาพลักษณ์ผู้นำในกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูง โดยจัดกิจกรรมการฝึกอบรมการขับขี่ครั้งใหม่ เพื่อเรียนรู้เทคนิคแบบเต็มสมรรถนะ โดยทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพ
และในครั้งนี้ได้นำรถสปอร์ตสายพันธุ์เอเอ็มจี ครบทั้งพอรฺตโฟลิโอทั้ง 13 รุ่น พร้อมไฮไลท์ Mercedes-AMG GT R, Mercedes-AMG GT C Roadster,Mercedes AMG GT S, Mercedes-AMG GT 53 4Matic+4-Door Coupe,Mercedes-AMG C63 s Coupe
สำหรับกิจกรรมได้แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ทั้งขับแบบเต็มรอบสนามในความยาวกว่า 4 กม./รอบ ในช่วง Full Track และแบ่งสนามออกเป็น 2 ช่วง เพื่อให้ได้สร้างความคุ้นเคยกับรถรุ่นต่างๆ รวมถึงเส้นทางต่างๆของสนามแข่งระดับโลก
เริ่มกันด้วยเอสยูวีสมรรถนะสปอร์ต Mercedes-AMG GLE 43 เครื่อง 3.0 ลิตร วี 6 เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 390 แรงม้าพร้อมแรงบิด 520 นิวตันเมตร ความโดดเด่นที่นอกจากขุมพลังด้านเครื่องยนต์ การเปลี่ยนเสียงท่อ ที่AMG ตั้งใจทำมาโดยเฉพาะ ให้ซุ้มเสียงที่เร้าใจ ระบบช่วงล่างแบบถุงลมที่สามารถใช้ในรูปแบบการขับขี่เซอร์กิตในสนามแข่งได้อย่างลงตัว
ถึงแม้จะไม่ใช่รถซีดาน หรือ สปอร์ต แต่เอสยูวีคันนี้ก็มีสมรรถนะที่ไม่น้อยหน้า
รุ่นต่อมาเป็นของ Mercedes-AMG E 53 4 Matic เป็นซีดาน 4 ประตูที่มีสมรรถนะร้อนแรงจากเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร วี 6 ให้กำลังสูงสุด 435 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ AMG Speedshift TCT 9G Tronic
สำหรับ Mercedes-AMG E 53 4 Matic มีทีเด็ดตรงที่ระบบ EQ Boost ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่าระบบนี้ติดตั้งมาเพื่อความประหยัดเพราะมีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วย แต่กลับกัน มอเตอร์ไฟฟ้าของ EQ Boost จะเข้ามาทำหน้าที่เสริมกำลังให้อีก 22 แรงม้า พร้อมแรงบิดอีก 250 นิวตันเมตร พร้อมระบบช่วงล่างแบบ 4 Matic ที่มีโหมดที่ใกล้คียงกับการใช้งานในสนามแข่งให้เลือกขับขี่อีกด้วย
อีกหนึ่งรุ่นเป็นรถแรงในคราบรถบ้านกับ Mercedes-AMG CLA 35 4 Matic สมรรถนะของเครื่องยนต์ขนาดเล็กเพียงแค่ 2.0 ลิตร แต่มีพละกำลังสูงถึง 306 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ 7G Tronic ทำอัตราเร่ง 0-100 ในเวลาเพียง 4.9 วินาที พร้อมท่อไอเสียที่คำรามได้ดุดันไปกับหลากโหมดการขับขี่ ตามสไตล์ AMG exhaust system
การตกแต่งภายในให้อารมณ์สปอร์ตด้วยการใช้หนัง Acantara พร้อมเย็บขอบด้วยด้ายแดง หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่พิเศษแบบ All-digital instrument display ขนาด 10.25 นิ้ว ให้ความละเอียดสูง แบบ 2 จอต่อเนื่อง ติดตั้งระบบปฏิบัติการมัลติมีเดียแบบ MBUX เปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลของหน้าจอได้หลากหลายถือเป็นอีก 1 จุดเด่นของรถรุ่นนี้ และยังมากับระบบช่วงล่างแบบ 4 Matic ทำให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ
และรุ่นที่ร้อนแรงสุด ซึ่งได้สัมผัสในครั้งนี้นั่นคือ Mercedes AMG GT-C Roadster รถสปอร์ตเปิดประทุนทีมากับขุมพลังวี 8 ขนาด 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 557 แรงม้าพร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 680 นิวตันเมตร ย้ายเกียร์ 7G Tronic มาไว้ที่เพลาท้ายเพื่อการถ่ายกำลังที่เป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ
รถคันนี้เป็นรถเปิดประทุนคันเดียวใน 13 รุ่น ซึ่งสามารถเปิด-ปิดหลังคา Sorf Top ได้ในเวลาเพียง 11 วินาที ซึ่งสมรรถนะของหนึ่งอสู๔รกายสายพันธุ์ GT คงไม่ต้องพูดถึง แต่สิ่งที่ลดความโหด ดุ ของรถรุ่นนี้นั่นคือการตกแต่งภายในที่ดูค่อนข้างสำอางไปสักนิดกับเบาะหนังแท้สีครีม
การขับขี่ในสนามช้างฯกับกิจกรรม AMG Circuit Experience 2020 ต้องบอกว่าเกินอิ่ม เพราะ 1 วันเต็มๆที่อยู่กับกิจกรรมนี้ ผู้ที่ได้เข้าร่วมจะได้ขับขี่รอบสนามกว่า 50 รอบ ซึ่งมากกว่าการแข่งขันรถยนต์บางรายการเสียอีก
รถทั้ง 4 รุ่นที่ได้ลอง จาก 13 รุ่นที่ผู้จัดงานได้นำมาเป็นพาหนะ หากถามว่าชอบรุ่นไหน หลายคนที่เข้าร่วมคงเลือก AMG GTR หรือ AMG GT 63 ซึ่งโดดเด่นสุดๆในเรื่องของความแรงและเทคโนโลยีที่ครบครัน แต่สำหรับผมกลับประทับใจไปกับ CLA 35 4 Matic เพราะเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างลงตัวทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือจะนำมาขับในสามแข่งแบบนี้ก็ไม่ได้เป็นรอง แถมราคา 3.99 ล้านบาท น่าจะเป็นค่าตัวที่หลายคนจับต้องได้