Friday, June 13, 2025
HomeAuto TestFord Everest Titanium+ รถอเมริกันพันธุ์แท้ มีอยู่จริง

Ford Everest Titanium+ รถอเมริกันพันธุ์แท้ มีอยู่จริง

Ford ตระกูล Everest SUV หรือ PPV ที่มาจาก Platform เดียวกับ Ranger มีอยู่ด้วยกัน 6 รุ่น ไล่เรียงแต่รุ่นล่างไปบนคือ Trend , Sport , Titanium , Wildtrak และ บนสุดคือ Platinum แตกต่างกันที่เครื่องยนต์ และชุดแต่งรวมถึงอุปกรณ์มาตรฐานที่ใส่มาให้

Trend และ Sport ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี พ่วงระบบอัดอากาศ VG Turbocharged พร้อม Intercooler กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (PS) ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,250 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง
Titanium และ Wildtrak ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี พ่วงระบบอัดอากาศ Bi-Turbocharged พร้อม Intercooler กำลังสูงสุด 210 แรงม้า (PS) ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Part-time 4WDพร้อมระบบเลือกโหมดการขับขี่ 6 โหมด : Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery, Mud/Ruts and Sand รองรับมาตรฐาน EURO5 + AdBlue
Platinum ใช้เครื่องยนต์ดีเซล V6 TDI สูบ ขนาด 3.0 ลิตร 2,993 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ กำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,250 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ SelectShift ขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-Time 4A-4WD Terrain Management System

Ford Everest Titanium ที่นำมาแนะนำนี้มีด้วยกัน 2 ระดับคือ แบบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ และ ขับเคลื่อน 2ล้อหลัง มีอุปกรณ์มาตรฐานทั้งระบบอำนวยความสะดวกและระบบช่วยเหลือ ป้องกันเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานระดับเดียวกัน จัดว่าเติมเทคโนโลยี่เข้ามาให้แบบเต็มๆ ตามรูปแบบของ Ford Everest ที่จะต้องใส่มามากกว่ารถ PPV ทุกแบรนด์ในตลาดเป็นจุดเด่นของเขามาโดยตลอด ถึงแม้ราคาจะสูงกว่าแบรนด์อื่น แต่ก็ได้รับมาตอบสนองจากตลาดด้วยดี

เรานำ Ford Everest Titanium 4×4 มาทดลองใช้งานครั้งนี้ เครื่องยนต์ 210 แรงม้าตอบสนองได้เป็นอย่างดี มีกำลังเพียงพอ เราใช้งานในMode ขับเคลื่อน 2 ล้อ 2 H ตลอดเพราะไม่ได้มีภารกิจ offroad อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 10.4 กม./ลิตร เป็นที่น่าพอใจแล้ว ที่ชอบคือถึงแม้จะเป็นรถที่ใหญ่โต แต่ก็ขับง่ายพวงมาลัยผ่อนแรงดีในความเร็วต่ำ และหนักมือขึ้นในความเร็วที่สูงขึ้น ไม่เป็นปัญหาในการเข้าจอดเพราะมีมุมมองจาก กล้อง 360 องศามาช่วย จอดแล้วถ้าดับเครื่องลงรถไปเลยแต่ลืมว่าเกียร์ยังอยู่ที่ตำแหน่ง D เขาก็จะเลื่อนไปที่ P ให้เองโดยอัตโนมัติ เหมาะสำหรับกรณีหลงลืม เป็นหนึ่งในฟังค์ชั่นช่วยเหลือที่มีมาให้มากมายตามสไตล์ Everest ที่ชอบมาอีกอย่างหนึ่งคือ ระบบกันสะเทือนที่ set มาให้ครั้งนี้ดีถึงดีมากที่สุด นุ่มนวล ยึดเกาะดี ไม่แข็งกระด้างเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้ ถ้าขับทางไกลจะใช้ Mode ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 4H จะช่วยให้ยึดเกาะเข้าโค้งไม่มั่นใจยิ่งขึ้นอีก เอาเป็นว่า Ford Everest Titanium น่าจะเป็นรุ่นที่ลงตัวมากที่สุด ข้าวของครบ พละกำลังดี มีตัวช่วยมากมาย เหมือนเป็นกัปตันอเมริกาในรูปแบบรถ SUV คันยักษ์ กล้ามใหญ่ที่มาช่วยให้เดินทางได้อย่างอบอุ่น สะดวกสบายปลอดภัย เป็นที่สุด ราคาอยู่ด้านล่างของรายการ แต่บอกได้ว่า ชั่วโมงนี้ข้อเสนอน่าตกใจมาให้ที่โชว์รูมฟอร์ด แบบว่าถ้าชอบแล้วได้ราคาคุ้มสุดๆแน่นอน มาดูรายการอุปกรณ์และระบบต่างๆที่เขามีมาให้

Screenshot

ระบบกันสะเทือน
ด้านหน้า เป็นแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริง ช็อกอัพ Twin-tube และเหล็กกันโคลง
ด้านหลัง เป็นแบบ Watt-link พร้อมคอยล์สปริง ช็อกอัพ Twin-tube และเหล็กกันโคลง

ระบบห้ามล้อ
ด้านหน้า เป็นจานเบรก แบบมีครีบระบายความร้อน (Ventilated Discs)
ด้านหลัง เป็นจานเบรก แบบ Solid ธรรมดา
ล้อ อัลลอย 20″ พร้อมยางขนาด 255/55 R20

อุปกรณ์ภายนอก
ไฟหน้าแบบ Matrix LED พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ และระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ,ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED รูป C-Clamp ,ไฟตัดหมอกหน้า LED,ไฟท้ายแบบ LED Signature,ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ,หลังคา Panoramic Moonroof,ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า

อุปกรณ์ภายในและความสะดวกสบาย
แท่นชาร์จไร้สาย, เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ,เบาะแถวที่ 3 พับไฟฟ้า,หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 12.4 นิ้ว ,ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา,ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ช่องต่อไฟ 12V 3 ช่อง พร้อมช่องต่อไฟ 230V (400W) 1 ช่อง ,กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB ,ระบบเปิด-ปิดกระจกสัมผัสเดียวทุกบาน ,กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ

ระบบเครื่องเสียงและการเชื่อมต่อ
หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว, รองรับ WirelessApple CarPlay® และ Android AutoTM,ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และ ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A,ระบบ FordPass Connect,ช่องต่อ USB 4 ตำแหน่ง ,ลำโพง 8 ตำแหน่ง

อุปกรณ์ความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัย 7 จุด คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านถุงลมนิรภัย / และถุงลมบริเวณหัวเข่า ,ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน,สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและด้านหลัง,ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD,เบรกมือไฟฟ้า,ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี,ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM ,ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC

เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่
ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ ,กล้องมองรอบคัน 360 องศา ,ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop&Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง,ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน,ระบบเตือนการชนด้านหน้า,ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน,ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง,ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด,ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง,ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ และระบบตรวจเช็กลมยาง

Ford Everest Titanium+ 4×2 ราคาพิเศษ 1,679,000 บาท (จากราคาปกติ 1,767,000 บาท) พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง
Ford Everest Titanium+ 4×4 ราคา 1,917,000 บาทพร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง

RELATED ARTICLES

Most Popular