Honda Accord Hybrid ซีดานหรูรูปลักษณ์ใหม่ มาพร้อมทางเลือกแห่งความประหยัดจากสมรรถนะเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 145 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว รวมกำลังสูงสุดได้ 215 แรงม้า เติมเต็มตัวช่วยอัตโนมัติทั้งระบบ Honda Connect และ Honda Sensing รวมถึงฟังค์ชั่นระบบช่วยจอดพร้อมระบบช่วยเบรกอัจฉริยะ ภาพรวมของแฟลกชิพท์ในกลุ่ม D Segment จากค่ายฮอนด้าจะมีความน่าสนใจและสมรรถนะการขับขี่จะคุ้มค่ากับค่าตัวเกือบ 1.8 ล้านบาทหรือไม่
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิลส์ ประเทศไทย จำกัด ได้ส่งซีดานหรูในกลุ่ม D Segment กลับสู่ตลาดอีกครั้ง โดยได้ฤกษ์จำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือนเศษๆสามารถสร้างยอดจำหน่ายสะสมไปแล้วกว่า 4,500 คันโดยแบ่งเป็นอัตราส่วน 50:50 ระหว่างรุ่น 1.5 Turbo EL กับ Hybrid ซึ่งถือเป็นกระแสตอบรับจากผู้บริโภคที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิมในอัตราส่วน 70:30 ของยอดจำหน่ายในเจนเนอเรชั่นที่ 9
ในรุ่น 1.5 Turbo EL นั้นสามารถกล่าวสรุปว่าความโดดเด่นซึ่งเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคนอกจากรูปลักษณ์ที่มีความสด ใหม่ สะดุดตา ยังมีในส่วนของสมรรถนะขุมพลังที่มีขนาดเล็กแต่สมรรถนะร้อนแรง ในรูปแบบของเครื่องยนต์ Downsizing แต่หากดูในรายละเอียดของออฟชั่นที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานนั้นยังเหมือนว่ายังมีแทงกั๊กอยู่บ้าง ซึ่งรายละเอียดของรุ่น 1.5 Turbo EL สามารถรับชมได้จากลิงค์นี้ครับ https://www.autoworldthailand.com/honda-accord-1-5-turbo-el
ทีนี้มาดูความแตกต่างของ รุ่น 1.5 Turbo EL กับ Honda Accord Hybrid ซึ่งในเจอเนอเรชั่นที่ 10 จะแบ่งออกแป็น 2 รุ่นได้แก่ รุ่น Hybrid และ Hybrid Tech
Honda Accord Hybrid มากับเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น
ไฟหน้าและไฟตัดหมอกเป็นแบบแอลอีดีแต่ภายในโคมจะมีสีอมฟ้า ในขณะที่กันชนหน้าติดตั้งเซ็นเซอร์และเรดาร์ สำหรับประมวลผลการทำงานของระบบ Honda Sesing
ล้อแม็กมากับขนาดและลวดลายที่แตกต่างพร้อมหุ้มด้วยยางขนาด 235-45 R18 รวมถึงติดตั้ง Sunroof ด้านบนหลังคา และสปอยเลอร์หลัง
ในรุ่น Honda Accord Hybrid Tech กระจังหน้ามีการติดตั้งกล้องมองภาพที่จะทำงานร่วมกับกล้องอีก 3 ตัวจากกระจกมองข้างทั้งซ้ายและขวา รวมถึงบริเวณฝากระโปรงท้าย เพื่อคอยเก็บภาพสำหรับใช้งานในระบบต่างๆ
พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลังขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากการย้ายที่อยู่ของแบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออนขนาด 1.3 KWH มาไว้ใต้เบาะนั่งผู้โดยสาร รวมถึงการยกเลิกยางอะไหล่มาเป็นชุดปะยางฉุกเฉิน ทำให้จุได้ถึง 573 ลิตร
เติมเต็มออฟชั่นแบบไม่มีกั๊ก
การเพิ่มเติมในส่วนฟังค์ชั่นการใช้งานในรูปแบบจัดเต็ม เริ่มจากเบาะหนังมีให้เลือก 2 สีคือสีครีมและสีน้ำตาล(ขึ้นอยู่กับสีตัวถัง) นอกจากนี้ทั้ง 2 รุ่นจะมีปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าอยู่ข้างพนักพิงเพื่อความสะดวกในการเพิ่มพื้นที่ผู้โดยสารตอนหลัง
บนกระจกหน้าของ Honda Accord Hybrid Tech จะมีการแสดงผลของระบบ Head-up Display ซึ่งแสดงสถานะทั้งความเร็วและเส้นทางการขับขี่
พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังค์ชั่น ฝั่งขวาจะมีปุ่มควบคุมการทำงานของระบบ Honda Sensing ซึ่งประกอบด้วย ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) และ ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) และเพิ่มเติมระบบความปลอดภัยจากเจเนอเรชันก่อนหน้าได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ(Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
ส่วนฝั่งซ้ายใช้ควบคุมและสั่งการระบบต่างๆที่แสดงผลผ่านจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว ซึ่งเพิ่มเติมในส่วนของการทำงานระบบ i-MMD หรือ Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive โดยจะแสดงผลการทำงานควบคู่ไปยังจอทัชกรีนขนาด 8 นิ้วบริเวณด้านบนคอนโซลกลาง
จอทัชกรีนขนาด 8 นิ้วนี้ยังสามารถรองรับการสั่งการระบบ Apple Carplay และ ระบบสั่งการด้วยเสียง Siri พร้อมเพิ่มเติมระบบ Honda Connect แบบTelematic เพื่อเชื่อมต่อรถเข้ากับสมาร์ทโฟน ในรูปแบบของแอพลิเคชั่น บอกสถานะของน้ำมัน อุณหภูมิเครื่องยนต์ พิกัดรถยนต์ และความผิดปกติอื่นๆ โดยมีรายละเอียดแจ้งชัดเจน แต่ในรุ่น 1.5 T EL และรถยนต์ฮอนด้ารุ่นอื่นๆสามารถซื้อเพิ่มได้ในราคา 6,900 บาท ณ โชว์รูมและศุนย์บริการทั่วประเทศ
สำหรับ Honda Accord Hybrid Tech ยังมีจุดเด่นที่ได้รับการติดตั้งเพิ่มเติมและแสดงการทำงานผ่านจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว คือการแสดงภาพของระบบกล้องมองภาพรอบคัน Multi View Camera System โดยนำภาพจากกล้องมองภาพรอบคันมาแสดง และเมื่อไหร่ที่มีรถเคลื่อนตัวผ่านขณะถอยออกจากซอง ระบบ Cross Traffic Monitor จะเตือนด้วยเสียงพร้อมไฟสัญลักษณ์สีแดงที่จอ TFT บริเวณแดชบอร์ด
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger ในช่องเก็บของอเนกประสงค์บริเวณด้านล่างของคอนโซลกลาง
บริเวณคอนโซลเกียร์จะเพิ่มเติมจากรุ่น 1.5 T EL ซึ่งจะมีแค่เบรกมือไฟฟ้าและ ปุ่มควบคุมการทำงานของระบบ Auto Brake Hold โดยมีปุ่มสั่งงานของโหมดการขับขี่ต่างๆทั่ง Econ, Sport และ EV จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
พัฒนาขุมพลัง ทางเลือกเพื่อความประหยัด
Honda Accord Hybrid ทั้ง 2 รุ่นมาเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 145 แรงม้าที่ 6,200 รอบ พร้อมแรงบิด 175 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 135 แรงม้า และ แรงบิด 175 นิวตันเมตร ซึ่งเมื่อนำขุมพลังทั้ง 2 ระบบมารวมกันจะได้กำลังสูงสุดถึง 215 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ไฟฟ้า E-CVT รองรับเชื้อเพลิงได้สูงสุดคือแก๊ซโซฮอล์อี 20
ไฮไลท์คือระบบขับเคลื่อน i-MMD: Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive ประกอบไปด้วย 3 โหมดการขับขี่ ได้แก่
โหมดการขับขี่ด้วยไฟฟ้า EV Drive Mode
เป็นการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยรับพลังงานจากแบตเตอรี่ เมื่อไหร่ที่ลดความเร็ว ระบบจะนำแรงเฉื่อยกลับไปแปลงเป็นพลังงานเพื่อชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ EV Drive Mode สามารถขับขี่ด้วยความเร็วสูงถึง 130 กม./ชม. ในขณะที่รุ่นก่อนหน้า ทำได้เพียง 110-120 กม./ชม.
และสำหรับสวิตช์ควบคุม EV Mode บริเวณคอนโซลเกียร์ ซึ่งเป็นการควบคุมการใช้งานระบบมอเตอร์ไฟฟ้าในขณะที่มีพลังงาน การทำงานของระบบนี้จะแสดงสัญลักษณ์ EV สีเขียวที่หน้าจอบริเวณแดชบอร์ด หากการใช้คันเร่งเปลี่ยนไป เช่นกรณีต้องใช้ความเร็วในการเร่งแซง ระบบจะตัดการทำงานไปยังโหมดอื่นๆทันที
โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด Hybrid Drive Mode
โหมดนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้าที่มาจากเครื่องยนต์ และแบตเตอรี่ ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อได้แรงบิดสูงทั้งยังช่วยให้ได้อัตราเร่งตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เมื่อไหร่ที่เครื่องยนต์หยุดทำงานระบบก็จะชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่อย่างมีประสิทธิภาพ
โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ Engine Drive Mode
โหมดนี้เป็นการขับเคลื่อนด้วยพลังจากเครื่องยนต์ โดยมีชุดล๊อกอัพคลัทช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT ทำหน้าที่เชื่อมต่อกำลังจากเครื่องยนต์ซึ่งจะส่งตรงไปยังล้อโดยเฉพาะ
ระบบขับเคลื่อน i-MMD ใหม่นี้ได้รับการปรับปรุงทั้งในส่วนของการลดน้ำหนักของแบตเตอรี่ และเพิ่มความแข็งแกร่งโดยใช้วัสดุน้ำหนักเบาในการออกแบบชุดมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งผลให้มีน้ำหนักเบาลงถึง 67 กก. โดยเคลมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 24.4 กม./ลิตร ในขณะที่เจน 9 อยู่ที่ 23.8 กม./ลิตร
ระบบช่วงล่างเป็นแบบเดียวกับรุ่น 1.5 T EL ด้านหน้าเป็นแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท ได้รับการพัฒนาจากปีกนกรูปตัว A ให้เป็น L ด้านหลังเป็นแบบอิสระมัลติลิงค์ และติดตั้งเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงปรับแต่งโช๊คอัพและคอยล์สปริงใหม่
พอรับทราบถึงข้อมูลการพัฒนาเป็นที่เรียบร้อย การทดสอบสมรรถนะในครั้งนี้ได้จัดเส้นทางให้ผู้สื่อข่าวได้ทดสอบสมรรถนะบนเส้นทางจากจ.กระบี่-พังงา ระยะทางรวมกว่า 150 กม. และรถยนต์ที่ใช้นั่นคือ Honda Accord Hybrid Tech ซึ่งผลทดสอบจะเป็นเช่นไรนั้นตามต่อกันได้เลยครับ
พิสูจน์สมรรถนะเส้นทางกระบี่-พังงา ระยะทางกว่า 150 กม.
สัมผัสแรกว่ากันด้วยเรื่องของการขับขี่ สิ่งที่ถือว่าเป็นความแตกต่างนั่นคือการตอบสนองของพวงมาลัยที่พัฒนาเรื่องอัตราทดและแปรผันตามรอบความเร็ว ทำให้ได้การควบคุมที่มั่นใจ
การลดเสียงรบกวนภายในด้วยระบบ Active Sound Control ที่มีการติดตั้งลำโพงเสียงสังเคราะห์ถึง 3 จุด และ เทคโนโลยี Laser Blazing ซึ่งช่วยลดรอยต่อระหว่างหลังคา พร้อมกับการฉีดสเปรย์โฟมตาม เสาต่างๆรอบตัวถังถึง 10 จุด รวมถึงการทำงานมอเตอร์ไฟฟ้าที่ไม่เกิดเสียง ทำให้ห้องโดยสารของรถรุ่นนี้เงียบสนิท
ช่วงล่างนุ่มนวลตามสไตล์รถผู้บริหาร
ระบบช่วงล่างแม้จะเป็นแบบเดียวกับรุ่น 1.5 T EL โดยได้รับการปรับปรุงในส่วนของปีกนกจากรูปตัว A ให้เป็น L แต่ก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลตามสไตล์ของรถผู้บริหาร นั่งสบาย ซึ่งอาจจะขัดใจวัยรุ่นไปเล็กน้อย ทั้งนี้ตัวช่วยอย่างระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง หรือ VSA:Vehicle Stability Assist จะเข้ามาทำหน้าที่เพื่อให้เกิดการยึดเกาะถนน และป้องกันการลื่นไถล เพื่อการทรงตัวที่มีประสิทิภาพและมั่นใจได้กับทุกการขับขี่
การควบคุม EV Mode ทำได้ไม่ยากเย็น
การพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ ความดีงามอยู่ที่การออกตัวโดยไม่ต้องรอรอบ มอเตอร์ไฟฟ้าที่มาพร้อมแรงบิด 175 นิวตันเมตร ทำให้รถพุ่งทะยานไปได้อย่างรวดเร็ว ในการควบคุมโหมด EV Drive สามารถทำความเร็วเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเพียงเล็กน้อยประมาณ 10 กม./ชม. แต่การควบคุมระบบ EV Mode ทำได้ไม่ยากนักถ้าไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการขับขี่อย่างกะทันหัน
แพดเดิลชิฟท์เดิมที่เคยสร้างความสนุกในการขับขี่สำหรับการลดความเร็วด้วยการใช้อัตราทดของเกียร์ อย่างในรุ่น 1.5 T EL ที่มี 7 จังหวะ แต่ใน Honda Accord Hybrid นั้นใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ในการลดหรือเพิ่มตำแหน่งอัตราทดจึงออกมาในสไตล์นุ่มนวล และมีเพียง 4 จังหวะเท่านั้น
Honda Sensing ตัวช่วยเพื่อความปลอดภัย
มาถึงการใช้งานระบบ Honda Sensing ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยาก พระเอกของระบบนี้อยู่ที่การประมวลผลผ่านกล้องและเรดาห์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้ารถ สามารถควบคุมและใช้งานผ่านสวิตช์ที่อยู่บริเวณพวงมาลัย มาดูกันว่าระบบต่างๆ ใช้งานยากหรือง่ายเพียงใด
ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (CMBS:Collision Mitigation Braking System) จะช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมกับส่งเสียงเตือนดังขึ้น และจะสั่นพวงมาลัยเตือนเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่จะช่วยเบรคและเสริมแรงเบรคให้อัตโนมัติในกรณีเมื่อมีรถยนต์คันหน้า หรือคนเดินถนนอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย โดยจะทำงานที่ความเร็ว 5-60 กม./ชม.
ระบบช่วยให้รถอยู่ในช่องทาง (Lane Keeping Assist System – LKAS) กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ เมื่อไหร่ที่รถเริ่มเบนออกนอกช่องทางจนกระทั่งล้อไปสัมผัสกับเส้นแบ่งช่องทาง ระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อควบคุมรถอยู่ภายในช่องทางปกติ
ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันตามคันหน้า และปรับความเร็วตามคันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow) พิเศษกว่าระบบล๊อคความเร็วอัตโนมัติตรงที่หากรถคันหน้ามีความเร็วที่ช้า ระบบจะปรับลดความเร็วให้ และถ้าคันหน้ามีการชะลอความเร็วจนถึงขั้นหยุดรถ ระบบก็จะทำการเบรกให้อัตโนมัติ และถ้าคันหน้าเคลื่อนตัวในเวลาไม่เกิน 3 วินาที ระบบก็จะทำการเร่งความเร็วโดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งแต่อย่างใด
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning – RDM with LDW) ระบบนี้จะทำงานคล้ายกับระบบ LKAS แต่ต้องเปิดการใช้งานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วแปรผันตามคันหน้า ซึ่งนอกจากจะมีการสั่นเตือนที่พวงมาลัย ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลและช่วยควบคุมพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง และหากยังควบคุมไม่ได้ ระบบเบรกจะช่วยชะลอความเร็ว เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ
ระบบไฟสูงอัตโนมัติ (ABH: Auto High-Beam) ทำหน้าที่เปลี่ยนการทำงานระหว่างไฟสูงและไฟต่ำให้อัตโนมัติ ซึ่งระบบนี้จะควบคุมไฟสูงต่อเมื่อไม่มีรถยนต์คันอื่นอยู่ด้านหน้า และไม่มีไฟส่องถนน หากมีรถสวนทางหรือมีรถขวางหน้า ระบบก็จะทำหน้าที่เปลี่ยนตำแหน่งให้เป็นไฟต่ำอัตโนมัติ
Honda Smart Parking Assist System ระบบช่วยจอดอันชาญฉลาด
สุดท้ายเป็นการทดสอบระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System) ในความเป็นจริง ไม่ใช่ว่าจะเป็นครั้งแรกที่บริษัทผุ้ผลิตจะนำมาใช้ ก่อนหน้านี้ใน Honda Odysey ก็เคยติดตั้งมาก่อน แต่การกลับมานำใช้ใหม่ได้มีเสริมในส่วนของระบบช่วยเบรก โดยการใช้งานสามารถสั่งการผ่านจอทัซสกรีน พร้อมเปิดฟังค์ชั่นกล้องมองภาพ หรือเปิดระบบผ่านสวิตช์ควบคุมบริเวณปลายคันโยกระบบปัดน้ำฝน ซึ่งเป็นการประมวลผลผ่านกล้องทั้ง 4 ตำแหน่ง โดยจะบังคับทิศทางให้อัตโนมัติ แต่ผุ้ขับขี่ต้องควบคุมคันเร่งในตำแหน่งเกียร์เดินหน้าไม่เกิน 10 กม./ชม. และถอยหลังไม่เกิน 7 กม./ชม และหากเซนเซอร์ตรวจจับว่าไม่มีการหยุดรถจนถึงระยะ 1 ม. ระบบก็จะสั่งการให้ระเบรคช่วยหยุดรถอย่างทันท่วงที
บทสรุปของ Honda Accord Hybrid Gen 10
มาถึงบทสรุปของการทดสอบ อันดับแรกเป็นเรื่องของผลอัตราสิ้นเปลืองจากที่ทางบริษัทผู้ผลิตได้เคลมไว้ที่ 24.4 กม./ลิตร การขับขี่ในครั้งนี้มีค่าแสดงผลอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 14.1 กม./ลิตร ค่าที่ต่างกันนั้นก็มาจากรูปแบบการทดสอบที่แตกต่าง เพราะในครั้งนี้เน้นไปในการเค้นสมรรถนะและทดลองระบบ ซึ่งผลที่ได้ออกมาก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ และเป็นค่าเฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองที่ค่อนข้างประหยัดในเกณฑ์ของรถยนต์กลุ่ม D Segment แต่หากใช้งานในเมืองเพียงอย่างเดียว แน่นอนว่าการทำงานของมอตอร์ไฟฟ้าจะเป็นพลังงานหลัก ซึ่งเป็นที่มาของความประหยัดเพราะไม่ได้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน แถมยังทำความเร็วได้สุงถึง 130 กม./ชม.
หากเทียบกับรุ่น 1.5 T EL ที่ยังดูเหมือนกั๊กอ๊อฟชั่นอยู่พอสมควร พอมาถึง Honda Accord Hybrid ต้องบอกว่าอัดแน่นไปด้วยฟังค์ชั่นที่เหลือเฟือ แม้ว่ารุ่น Hybrid tech จะมีเติมเต็มฟังค์ชั่น ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก รวมถึง Honda Sensing ซึ่งผลต่างของราคาห่างกันอยู่ถึงเกือบ 1.4 แสนบาท แต่เล่นแล้วก็ควรไปให้สุด เพราะระบบที่ว่าล้วนเป็นตัวช่วยความปลอดภัยสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั้งนั้น
ด้านของคู่แข่งอย่างเป็นทางการคงต้องยกให้กับ Toyota Camry Hybrid 2.5 HV Premium ซึ่งมีออฟชั่นที่สูสี และยังตั้งราคาจำหน่ายไว้เท่ากันคือ 1.799 ล้านบาท ติดตามกันต่อในอนาคตอันใกล้ Autoworldthailand จะนำรถยนต์ซีดานหรูทั้ง 2 รุ่นนี้มาทดสอบให้แฟนๆได้รับทราบกันอีกครั้งครับ
ข้อมูลทางเทคนิค: Honda Accord Hybrid และ Hybrid Tech
เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว I-VTEC ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
ความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.): 1,993
กำลังสูงสุด (แรงม้า ที่ รอบ/นาที): 145/6,200 + 184
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร ที่รอบ/นาที): 175 /3,500 + 315
ระบบส่งกำลัง: E-CVT
ระบบขับเคลื่อน: ล้อหน้า
ระบบกันสะเทือน(หน้า/หลัง): แม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง/มัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง
เบรก(หน้า/หลัง): ดิสก์/ดิสก์
ยาว/กว้าง/สูง(มม.): 4,894 x1,862×1,450 มม
ขนาดล้อและยาง: 235/45R18
ราคา (บาท): 1,639,000 / 1,799,000
ตัวแทนจำหน่าย: บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด