Honda City 2020 น้องใหม่เจนเนเรชั่นที่ 5 ที่มากับรูปลักษณ์ทันสมัย และยังเป็นครั้งแรกที่เปิดตัวในไทยเป็นประเทศแรกของโลกพร้อมกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ในรูปแบบ Downsizing 3 สูบ 12 วาล์ว Vtec Turbo ขนาด 1.0 ลิตร 122 แรงม้า นอกจากแต้มต่อด้านความแรง ยังเข้าข่ายรถในกลุ่มอีโค่คาร์เฟส 2 ที่มีทั้งความใหม่ และ สด แต่รายละเอียดทั้งหมดของรถคันนี้จะเป็นอย่างไร และสมรรถนะการขับขี่จะน่าประทับใจแค่ไหน…เชิญรับชม
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ความสำเร็จของ Honda City เกิดจากยอดขายสะสมใน 60 ประเทศทั่วโลกกว่า 4 ล้านคัน ตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี 1996 และเจนที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 100,000 คันในช่วงเวลาของปี 2019 ซึ่งเกิดจากเพียงภูมิภาคเดียวคือเอเซียอาคเนย์และผ่านการผลิตจากโรงประกอบรถยนต์ในเมืองไทย
เพราะเหตุนี้จึงทำให้ Honda City 2020 ใช้เมืองไทยเป็นชาติแรกในโลกสำหรับการเปิดตัว ซึ่งกระแสตอบรับนั้นถือว่าไม่พลิกความคาดหมาย ระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือนจากปลาย พ.ย. จนถึงวันนี้ ยอดจำหน่ายสะสมรวมแล้วกว่า 8,000 คัน
-มิติตัวถังมีการปรับปรุงใหม่ทุกมิติ ด้วยความยาว 4,553 มม. หากเทียบกับรุ่นเดิมจะเพิ่มขึ้น 113 มม. กว้าง 1,748 มม. เพิ่มขึ้น 53 มม. สูง 1,467 มม. ต่ำลง 10 มม. ฐานล้อเกือบ 1.5 ม.และความสูงจากพื้นถนน 135 มม. ในรุ่นท๊อพ RS ที่ใช้ในการทดสอบมีน้ำหนัก 1,165 กก. และวงเลี้ยวแคบสุด 5 ม.
บนหลังคามีเสาอากาศแบบครีบฉลามแต่งด้วยสีเดียวกับสปอยเลอร์ กันชนหลังดีไซน์ดุ รับกับเส้นด้านข้างที่ช่วยในเรื่องแอโรไดนามิค มาพร้อมชายล่างแบบมีดิฟฟิวเซอร์ และล้อขนาด 16 นิ้ว
ในด้านการออกแบบได้ปรับตำแหน่งของกระจกมองข้าง จากเสา A มาที่บริเวณแผงประตู เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่
ภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบง่าย ทันสมัย ติดตั้งวัสดุซับเสียงในทุกมิติไม่ว่าจะเป็นหลังคา แผงข้าง พื้น รวมถึงผนังห้องเครื่องยนต์ รวมถึงฉีดสเปย์โฟมในส่วนที่เชื่อมต่อกันระหว่างประตูกับห้องเครื่องยนต์เพื่อลดเสียงรบกวนจากภายนอก ออกแบบเบาะนั่งใหม่เพื่อเพิ่ม Leg Room Space ให้กว้างขึ้นกว่าเดิม พร้อมเพิ่มความสปอร์ตด้วยเบาะเป็นหนังกลับเย็บด้ายแดง และยังออกแบบให้เพียวขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่วางขาของผู้โดยสารตอนหลัง
Honda City 2020 ยังคงใช้มาตรวัดทรงกลมแบบอนาลอคขนาดใหญ่ 2 วง มีหน้าจอแสดงข้อมูลแบบ Multi-information Display สไตล์สปอร์ต ส่วนพวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทางเป็นแบบมัลติฟังค์ชั่นที่ควบคุมได้ทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบเครื่องเสียง พร้อมติดตั้งระบบเปลี่ยนเกียร์แบบแพดเดิลชิฟท์
คอนโซลกลางมีจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้วเชื่อมต่อกับ Apple Carplay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri พร้อมติดตั้งระบบ Honda Connect ซึ่งประกอบไปด้วย
1.MY SERVICE สามารถตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป
2.DRIVING BEHAVIOR บันทึกข้อมูลและพฤติกรรมการขับขี่ต่างๆ ที่สามารถให้แสดงผลเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี
3.WIFI เชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ ซึ่งต้องสมัครแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยเจ้าของรถจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
4.AIRBAG DEPLOYMENT เมื่อถุงลมทำงาน จะส่งสัญญาณแจ้งผู้ใช้งานผ่านทางแอปพลิเคชันทันที และส่งข้อความสั้นไปยังเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน นอกจากนี้ระบบจะส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น
5.SECURITY ALARM แจ้งสถานะเมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก
6.REMOTE VEHICLE CONTROL สามารถสั่งล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด ฝากระโปรงหน้าและฝากระโปรงท้าย รวมถึงสตาร์ทและดับเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ ทั้งยังสามารถสั่งเปิด/ปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย
7.GEO FENCE & SPEED ALERT กำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และตั้งค่าแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนด
8.FIND MY CAR ตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุดผ่านทางแอปพลิเคชัน
สำหรับ Honda Connect นั้นไม่มีการจำกัดระยะทาง เพียงแค่มีสัญญาณอินเตอร์เนต แม้จะอยู่ต่างประเทศก็สามารถใช้งานได้ปกติ
เครื่องยนต์พัฒนาภายใต้แนวคิด Enjoy The Ride และเป็นครั้งแรกที่วิศวกรของ Honda ได้ผลิตเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ 12 วาล์ว VTec Turbo ส่งกำลังด้วยเทอร์ไบและเวสต์เกตไฟฟ้า พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำ มีระบบหัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-FI ขนาดความจุ 988 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้าที่ 5,500 รอบ แรงบิด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000-4,500 รอบ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับเชื้อเพลิงอี 20
ขุมพลังใหม่นี้นอกจากจะโดดเด่นด้านความแรง ยังประหยัดขึ้นจากเดิมถึง 33% ซึ่งมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเคลมจากอีโค่สติกเกอร์ที่ 23.8 กม./ลิตร ถือว่าประหยัดเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แต่ความแรงเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตรเลยทีเดียว
ช่วงล่างหน้าเป็นแบบอิสระแมคเฟอร์สตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง หลังทอร์ชั่นบีม ระบบเบรคหน้าดิส หลังดรัม ส่วนโครงสร้างของรถเป็นแบบนิรภัย ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง ปรับน้ำหนักให้เบาลง 4.3 กก. แต่แข็งแกร่งขึ้น 20 %
ในส่วนของระบบความปลอดภัยมากับถุงลมนิรภัยคู่หน้าและม่านด้านข้าง มีระบบ ABS EBD ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA, ระบบช่วยออกตัวขณะขึ้นทางชัน HSA,สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรคกะทันหัน
เส้นทางที่ใช้ในการทดสอบอยุ่ที่จ.เชียงราย โดยใช้เส้นทางเชียงราย- เชียงของระยะทางรวมประมาณ 200 กม.และมีช่วงขับประหยัดเป็นทางตรงยาวๆไว้คอยสร้างตัวเลขประหยัดเชื้อเพลิงพิสูจน์ความประหยัดว่าจะเทียบเท่ากับยอีโค่สติ๊กเกอร์ที่แสดงไว้ถึง 23.3 กม./ลิตร
เริ่มต้นกับการสัมผัสเบาะนั่งแบบใหม่ที่มีการแซมหนังกลับ Acantara ทำให้นั่งได้กระชับ และทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้นด้วยการย้ายกระจกมองข้างมาไว้ที่ประตู น้ำหนักของพวงมาลัยกำลังดี และเมื่อใช้ความเร็วจะมีน้ำหนักมากขึ้นเพื่อความมั่นใจในการขับขี่ แต่ที่ดีกว่านั่นคือเรื่องของการเซ็ทช่วงล่างที่รับพลังของเครื่องจิ๋วตัวจี๊ดนี้ได้อย่างลงตัว จนบางครั้งที่ขับเพลินๆแล้วเหลือบตามาดูที่เร็วถึงกับต้องถอนคันเร่ง ทางโค้งขึ้นหรือลงเขานั้นเกาะถนนแน่นหนึบ
ตัวช่วยให้ขับสนุกเวลาใช้ความเร็วหรือขึ้นเขาลงเขาอย่างแพดเดิล ชิฟท์ ออกแบบมานุ่มนวลไปสักนิดเพราะต้นทางมาจากระบบเกียร์ CVT แต่ในกรณีการเร่งแซงนั้นช่วยเพิ่มความสนุกได้แน่นอน
ที่ว่าเด็ดดวงเป็นเรื่องของเครื่องยนต์ไซส์เล็กแต่ทรงพลังแบบ 3 สูบ 12 วาล์ว VTec Turbo ส่งกำลังด้วยเทอร์ไบและเวสต์เกตไฟฟ้า พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำ มีระบบหัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-FI ขนาดความจุ 988 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้าที่ 5,500 รอบ แรงบิด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000-4,500 รอบ ซึ่งต้องบอกว่าจัดจ้านของจริง
ขุมพลังเทอร์โบนี้มีอัตราบูสต์ถึง 1.1 บาร์ เท่ากับ Honda Civic หากกดคันเร่งเมื่อไหร่ ก็พร้อมจะพุ่งทะยานตลอดเวลา อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ในเวลาเพียง 10.5 วินาที
สำหรับการใช้งาน จริงนั้นลองทดสอบในความเร็ว 100 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 1,800 รอบต่อนาที และ ความเร็ว 120 กม./ชม.ใช้ที่ 2,200 รอบ ซึ่งถือว่าใช้รอบเครื่องยนต์ค่อนข้างต่ำ และยังเข้าข่ายตามกติกาของรถอีโค่คาร์ซึ่งมาจากพิกัดเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็ก
แต่เนื่องจากขับสนุกจนลืมเรื่องการขับประหยัด แต่แอบลุ้นไว้นิดๆว่า ถ้าขับขนาดนี้ตัวเลขเฉลี่ยของอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 15-17 กม./ลิตรก็ถือว่าเฟอร์เฟคแล้ว ซึ่งพอมาถึงปลายทาง ตัวเลขที่ออกมาคือ 14.7 กม./ลิตร ผิดจากที่ตั้งเป้าไว้เล็กน้อย
อีกเรื่องที่น่าชื่นชมคือการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารที่ค่อนข้างเงียบ ประเด็นนี้ต่อยอดมาจาก Honda Accord โดยมีการใช้สเปรย์โฟมพ่นไปที่ช่องลมต่างๆที่เป็นต้นเหตุของเสียงและมีการติดตั้งวัสดุซับเสียงในทุกมิติของห้องโดยสาร
ภาพรวมของ Honda City 2020 ที่นอกจากรูปลักษณ์สะดุดตา ด้านสมรรถนะความแรงของเครื่องยนต์ขนาดจิ๋วนั้นต้องบอกว่าไม่ธรรมดา แถมยังปรับแต่งช่วงล่างและระบบเบรกซึ่งทำให้การขับขี่นั้นมั่นใจได้ และยังมีการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารที่ค่อนข้างเงียบแม้จะใช้ความเร็ว รวมถึง Honda Connect เวอร์ชั่นล่าสุดที่มากด้วยอรรถประโยชน์ แต่เครื่องยนต์ขนาด 3 สูบที่เคยมีปัญหาเรื่องรอบเดินเบาแล้วเครื่องยนต์จะสั่น วิศวกรแก้เกมส์โดยการตั้งรอบเดินเบาให้สูงขึ้น และอีกเรื่องคือตัวช่วยการขับขี่ที่น้อยไปสักหน่อยหากนำมาเทียบกับค่แข่งที่เป็นรถในกลุ่มอีโค่คาร์ ทั้งนี้สำหรับผู้ชื่นชอบความแรง รถคันนี้จะตอบโจทย์ให้คุณได้แน่นอนเพราะถือเป็นเล็กพริกขี้หนูที่จี๊ดสุดๆในเซกเมนต์นี้ครับ
ข้อควรรู้สำหรับ Honda City 2020
-การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันไม่ได้ทำทุก 10,000 กม.เหมือนที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนถ่ายจะมีการแจ้งเตือนผ่านมิเตอร์หน้ารถซึ่งใช้กล่องอีซียูเป็นการคำนวน อยู่ที่ประมาณ 8000 กม. แต่ถ้าไม่ใช้งานเครื่องยนตือย่างหนักอาจยืดระยะได้ถึง 15,000 กม.
-สำหรับ Honda City 2020 รุ่นรองที่ไม่ระบบ Honda Connect สามารถซื้อได้ศูนย์บริการในราคา 8900 บาท และปีต่อไปจะจ่ายค่าบริการเพียงปีละ 1600 บาท