ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี เปิดตัว คูนทาช แอลพีไอ 800-4 (Countach LPI 800-4) รถรุ่นพิเศษจำนวนจำกัดที่ถูกสร้างมาเพื่อระลึกถึงตำนานอย่างรุ่น Countach และได้ปรับแต่งองค์ประกอบต่างๆ ให้ร่วมกับยุคสมัยปัจจุบัน
การออกแบบเส้นสายของตัวรถที่นำมาจากรุ่น Countach และเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ของลัมโบร์กินีอย่างเครื่องยนต์ V12 ที่ถูกพัฒนาให้ทำงานร่วมกับระบบซูเปอร์คาปาซิเตอร์ ส่งผลให้ Countach LPI 800-4 ยังคงประสบการณ์การขับขี่ที่ดุดันและเสียงที่เร้าใจตามสไตล์เครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศ รวมถึงการนำเทคโนโลยีไฮบริดที่พัฒนาขึ้นสำหรับ Sián มาใช้ ด้วยพละกำลังสูงสุดถึง 814 แรงม้า ส่งกำลังไปยังระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่งผลให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. และ 0-200 กม./ชม. ทำได้ในเวลาเพียง 2.8 และ 8.6 วินาทีตามลำดับ โดยความเร็วสูงสุดนั้นอยู่ในระดับ 355 กม./ชม.
“Countach LPI 800-4 เป็นรถที่ล้ำสมัยในยุคของมัน เหมือนดังที่ Countach รุ่นแรกเป็น สำหรับลัมโบร์กินี Countach ไม่ได้เป็นเพียงวิศวกรรมยานยนต์ที่เราได้ออกแบบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง แต่ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาของเราในการบรรลุเป้าหมายที่จะรังสรรค์สิ่งที่เหนือความคาดหมาย จนกลายเป็น “รถในฝัน” ของผู้คนจำนวนมาก Countach LPI 800-4 ยึดถือในหลักการของแบรนด์ลัมโบร์กินีไว้อย่างเหนียวแน่นและสามารถสื่อถึงพลังของแบรนด์ได้อย่างชัดเจนในทุกๆ อณู ไม่ว่าจะเป็นเมื่อตอนที่เราเห็นทรวดทรงของตัวรถ การฟังเสียงเครื่องยนต์แผดคำราม และที่แน่นอนคือประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ” สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานและ CEO ของออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าว
Countach – นิยามใหม่ของการดีไซน์ซูเปอร์สปอร์ตคาร์
Lamborghini Countach LPI 800-4 นั้นได้รับการถ่ายทอดดีเอ็นเอจากโฉมก่อน เพื่อเป็นการสืบต่อตำนานของดีไซน์ Countach ที่เป็นไอคอนในยุค 1980 เอกลักษณ์เฉพาะอีกอย่างของรุ่น Countach คือชื่อรุ่นที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกระทิง ซึ่งเป็นธรรมเนียมของแบรนด์มาตลอด ความหมายของคำว่า Countach นั้นคือการทำให้ตื่นเต้นหรือเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจของภาษาท้องถิ่นของชาว Piedmont แคว้นที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี
“Countach รุ่นแรกถูกตั้งโชว์ไว้ที่ Centro Stile ของเรามาหลายปีแล้ว ทุกครั้งที่ผมเห็นมัน มันทำให้ผมรู้สึกขนลุกและเป็นเครื่องเตือนใจที่ดีให้กับทั้งผมและทีมว่าต้องคอยพัฒนาการออกแบบรถลัมโบร์กินีให้ล้ำยุคอยู่เสมอ นี่เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เพราะมันคือเอกลักษณ์ของแบรนด์ลัมโบร์กินี” มิทจา บอร์คเกิร์ต หัวหน้า Lamborghini Centro Stile กล่าว
ดีไซน์เส้นสายรูปแบบเฉพาะของ Countach เห็นชัดได้จากแนวเส้นที่ลากจากด้านหน้าไปสู่ด้านท้ายของรถ มุมสันที่ชัดเจนแหลมคมสื่อถึงดีไซน์ของรถซูเปอร์สปอร์ตสมัยใหม่ และยังเป็นแนวทางการดีไซน์รถรุ่นใหม่ของลัมโบร์กินีอีกด้วย Countach LPI 800-4 ได้รวบรวมเอาคาร์แรคเตอร์ของเส้นสาย Countach ทั้ง 5 รุ่นที่ได้รับการพัฒนาในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จนกลายมาเป็นดีไซน์ที่ตอกย้ำความเป็นไอคอนแห่งการออกแบบยานยนต์แห่งยุคสมัย
ดีไซน์ของ Countach LPI 800-4 มีการผสานกันระหว่างดีไซน์ของรุ่น LP 500 และ LP 400 ทำให้ด้านหน้าของ Countach LPI 800-4 โดดเด่นและแตกต่างด้วยฝากระโปรงที่ลาดยาว กระจังหน้าและไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า และดีไซน์ซุ้มล้อแบบตัดเหลี่ยม เส้นสายของตัวรถจากด้านหน้าถึงหลังรถมีความเรียบเนียน เพื่อให้ทรวดทรงโดยรวมไม่เปลี่ยนแปลง โดยตัวรถนั้นได้รับการติดตั้งช่องดักอากาศบริเวณช่วงโป่งหลังของรถและประตู เพื่อเพิ่มสมรรถนะให้กับรถและเสริมความดุดันให้มากยิ่งขึ้น
ด้านท้ายของ Countach LPI 800-4 นั้นโดดเด่นด้วยการคงเอกลักษณ์เดิมอยู่ เช่นไฟท้ายสามส่วน ท่อไอเสียเป็นแบบสี่ท่อเหมือนกับรุ่นดั้งเดิมซึ่งติดตั้งไว้บริเวณดิฟฟิวเซอร์คาร์บอนไฟเบอร์ ประตูเข้าออกรถเป็นแบบปีกนก ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของรถยนต์เครื่องยนต์ V12 ของค่ายลัมโบร์กินี และ Countach เป็นรถรุ่นแรกที่ใช้ประตูรูปแบบนี้ของแบรนด์อีกด้วย
บรรทัดฐานสมรรถนะแห่งโลกอนาคต
เครื่องยนต์ V12 ของ Countach เป็นตำนานเฉกเช่นเดียวกับดีไซน์ของตัวรถ ด้วยรูปแบบการวางเครื่องยนต์ด้านหลังและหม้อน้ำด้านข้างตัวรถแบบรถแข่ง Formula 1 รวมไปถึงตัวถังเทคโนโลยี Spaceframe เทคโนโลยีที่มาพร้อมกับตัวรถตอนนั้นเป็นการปฏิวัติวิศวกรรมของวงการยานยนต์เช่นเดียวกับดีไซน์ของรถ เหตุผลที่เครื่องยนต์ถูกวางไว้ด้านหลังนั้นเพื่อให้การกระจายน้ำหนักเป็นไปได้อย่างสมดุลและเพื่อการตอบสนองที่ดีที่สุดในการขับขี่ ซึ่ง Countach LPI 800-4 นั้นได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงสุดของลัมโบร์กินีหลายๆ ส่วนมารวมกัน เพื่อสร้างบรรทัดฐานให้กับคลาสซูเปอร์สปอร์ตคาร์อีกครั้งในปี 2021 นี้
“ทีมวิศวกรที่พัฒนา Countach โฉมแรกนั้นได้คิดค้นนวัตกรรมมากมายเพื่อให้ตัวรถเป็นสุดยอดสปอร์ตคาร์ในเวลานั้นๆ ความตั้งใจของทีมวิศวกรนั้นเป็นแรงผลักดันให้แผนกค้นคว้าและวิจัยของลัมโบร์กินีไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนา จึงทำให้ได้ค้นพบเทคโนโลยีไฮบริดในรุ่น Countach LPI 800-4 นี้ ซึ่งเป็นสมรรถนะสูงสุดของรถเรือธงจากค่าย” มิวริซิโอ เรจจิอานี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี กล่าว
เครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตรของลัมโบร์กินีสามารถสร้างแรงม้าได้สูงสุด 780 ตัว และเมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกับระบบส่งกำลัง จะช่วยเพิ่มแรงม้าขึ้นมาอีก 34 แรงม้า เพื่อการตอบสนองที่ฉับไวและยังช่วยเพิ่มสมรรถนะโดยรวมอีกด้วย พลังงานของตัวมอเตอร์นั้นมาจากซูเปอร์คาปาซิเตอร์ที่สามารถให้พละกำลังได้มากกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนที่น้ำหนักเท่ากัน
โครงสร้างตัวถังแบบโมโนค๊อกและตัวถังของรถส่วนใหญ่นั้นใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อลดน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวถังไปในตัว Countach LPI 800-4 มีน้ำหนักตัวถังเพียง 1,595 กิโลกรัมและแรงม้าต่อน้ำหนักที่ 1.95 กิโลกรัมต่อแรงม้า ภายนอกตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์บริเวณชายล่างด้านหน้า กระจกมองข้าง ช่องดักอากาศเครื่องยนต์ ชายล่างด้านข้าง และดิฟฟิวเซอร์ด้านหลัง ยิ่งไปกว่านั้นภายในยังใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบสามมิติสำหรับดีไซน์ช่องแอร์แบบใหม่และหลังคาที่สามารถปรับแสงได้เพื่อให้ทึบหรือใส เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่าแม้แรงบันดาลใจรถจะมาจากตำนานในอดีต แต่รถคันนี้จะเป็นบรรทัดฐานใหม่ของรถยนต์แห่งทศวรรษที่ 21
เปิดตัวครั้งแรกที่ The Quail สหรัฐอเมริกา
Countach LPI 800-4 เปิดตัววันนี้ที่ The Quail สหรัฐอเมริกา มาในสีตัวถังพิเศษอย่างสีขาว Bianco Siderale อมฟ้าประกายมุก เหมือนกับรถของผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง เฟอร์รุชโช ลัมโบร์กินี ที่เป็นรุ่น Countach LP 400 S โดยภายในเน้นเอกลักษณ์การสืบทอดความเป็น Heritage ด้วยวัสดุหนังสีดำตัดกับสีแดงเพิ่มความพิเศษให้กลิ่นอายของการดีไซน์ในยุค 1970
Countach LPI 800-4 มาพร้อมกับล้อหน้าขนาด 20” และล้อหลังขนาด 21” ระบบเบรกเซรามิคและยาง Pirelli P Zero Corsa
เจ้าของรถที่สั่งซื้อ Countach LPI 800-4 สามารถเลือกสีตัวถังภายนอกได้หลากหลายสี ไม่ว่าจะเป็นสีที่สะท้อนความเป็น Heritage Style ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีแบบ Solid เช่น สีที่โดดเด่นอย่างสีขาว Impact White Giallo Countach และ สีเขียว Verde Medio หรือหากเจ้าของรถต้องการสีที่มีความร่วมสมัยมากขึ้น ก็ยังมีสีแบบเมทัลลิกให้เลือกตามชอบ เช่นสียอดนิยมอย่างสีม่วง Viola Pasifae หรือสีฟ้า Blu Uranus.
หน้าจอสัมผัสขนาด 8.4” บริเวณคอนโซลกลางของ LPI 800-4 มาพร้อมระบบ Apple CarPlay และยังมีปุ่มเฉพาะของตัวรถรุ่นนี้ที่ระบุว่า ‘Stile’ ซึ่งเมื่อกดปุ่มแล้วตัวรถจะเล่าถึงปรัชญาการดีไซน์ของ Countach ให้แก่ผู้ที่ครอบครองรถคันนี้
การผลิตจำนวนจำกัดเพียง 112 คันทั่วโลก สอดคล้องกับหมายเลขของชื่อ ‘LP 112’ ซึ่งเป็นชื่อโปรเจคภายในที่ใช้ระหว่างการพัฒนาของ Lamborghini Countach ดั้งเดิม สำหรับ Countach LPI 800-4 จะเริ่มส่งมอบในไตรมาสแรกของปี 2022 ให้กับเจ้าของรถ ซึ่งนับเป็นอภิสิทธิ์พิเศษที่ได้ครอบครองยนตรกรรมที่เป็นตำนานอีกครั้งในโฉมปัจจุบัน
Technical Data – Lamborghini Countach LP 800-4
CHASSIS AND BODY | |||
Chassis | Carbon fiber monocoque with aluminum front and rear frames | ||
Body | Full exterior body and interior trims (rear panels, door panels, tunnel, luggage compartment) in carbon fiber | ||
Suspension type | Push rod magnetorheological active front and rear suspension with horizontal dampers and springs | ||
Suspension geometry | Aluminum double wishbone fully independent front and rear suspension. | ||
ESP | ESC integrating ABS and TCS with different characteristics according to the driving mode selected | ||
Brakes | Carbon-ceramic brakes with fixed monoblock calipers in aluminum with 6 pistons (front) and 4 pistons (rear)
| ||
Ventilated discs (front – rear) | Carbon ceramic brake discs (Ø 400 x 38 mm – Ø 380 x 38 mm) | ||
Steering | Hydraulic assisted power steering, with 3 different servotronic characteristics coupled with Lamborghini Dynamic Steering (LDS) and Rear Wheel Steering (RWS), managed by drive select mode
| ||
Steering wheel ratio | 10:1 – 18:1 | ||
Steering wheel turns lock to lock | 2.1 – 2.4 | ||
Steering wheel diameter | 358 mm | ||
Tires (front – rear) | New Pirelli P Zero Corsa 255/30 ZR20 – 355/25 ZR21 | ||
Rims (front – rear) | 9”JX20” H2 ET 17.2 – 13” JX21”H2 ET 51.7 | ||
Kerb-to-kerb turning circle | 11.5 m (37.73 ft.) – average value, variable due to dynamic condition, thanks to LRS | ||
Mirrors | External mirrors heated, electrically adjustable and foldable | ||
Rear spoiler | Rear electronically operated spoiler with 3 positions; completely panelled underbody | ||
Airbags | Driver, passenger, side airbags. Knee airbags only for specific markets | ||
IC ENGINE | |||
Type | V12, 60°, MPI | ||
Displacement | 6,498 cc (396.5 cu. in) | ||
Bore and stroke | Ø 95 mm x 76.4 mm (3.74 in. x 3 in.) | ||
Valve per cylinder | 4 | ||
Valve gear | Variable valve timing electronically controlled | ||
Compression ratio | 11.8 ± 0.2 | ||
Maximum power | 780 CV (574 kW) at 8,500 rpm | ||
Specific Power output | 120 CV/l (88.3 kW/l) | ||
Maximum torque | 720 Nm (531 lb.-ft.) @ 6,750 rpm | ||
Engine speed, maximum | 8,700 rpm | ||
Emission class | EURO 6 – LEV 3 | ||
Emission control system | Catalytic converters with lambda sensors | ||
Cooling system | Water and oil cross flow cooling system with variable air inlets | ||
Engine management system | Lamborghini Iniezione Elettronica (LIE) with Ion current analysis | ||
Lubrication system | Dry sump | ||
ELECTRIC POWER UNIT | |||
Supercapacitor voltage | 48V | ||
Supercap power density | 2400 W/kg | ||
Max operative current | 600A | ||
Max Power | 34 CV | ||
Max Torque | 35 Nm | ||
Weight e-machine + supercap | 34 kg | ||
DRIVETRAIN | |||
Type of transmission | 4WD with Haldex generation IV | ||
Gearbox | 7 speed ISR, with e-machine installed on the rear wheels output, shifting characteristic depending on drive select mode | ||
Standard | AMT | ||
1st gear ratio 2nd gear ratio 3rd gear ratio 4th gear ratio 5th gear ratio 6th gear ratio 7th gear ratio Reverse ratio Final drive ratio (rear – front) | 3.909 2.438 1.810 1.458 1.185 0.967 0.844 2.929 2.867 – 3.273 | ||
Clutch | Dry double plate clutch, Ø 235 mm (9.25 in.) | ||
PERFORMANCE | |||
Top speed | 355 km/h (221 mph) | ||
Acceleration 0-100 km/h [0-62 mph] | 2.8 sec. | ||
Acceleration 0-200 km/h [0-124 mph] | 8.6 sec. | ||
Braking 100-0 km/h [62-0 mph] | 30 m | ||
DIMENSIONS AND WEIGHT | |||
Wheelbase | 2,700 mm (106.30 in.) | ||
Overall length | 4,870 mm (191.73 in.) | ||
Overall width (excluding/including mirrors) | 2,099 mm (82.64 in.)/2,265 mm (89.17 in.) | ||
Overall height | 1,139 mm (44.84 in.) | ||
Track (front – rear) | 1,784 mm (70.23 in.) – 1,709 mm (67.28 in.) | ||
Ground clearance (standard – lifting) | 115 ± 2 mm (front with lifting 155 mm) | ||
Dry weight | 1595 kg (3516 lb) | ||
Total weight permitted | 2100 kg (4630 lb) | ||
Weight distribution (front – rear) | 43% – 57% | ||
CAPACITIES | |||
Fuel tank | 70 liters | ||
Engine oil | 13 liters | ||
Engine coolant | 25 liters | ||
Luggage compartment | 63 liters | ||
CONSUMPTION | NEDC cycle | ||
Urban cycle | Pending homologation | ||
Extra urban cycle | Pending homologation | ||
Combined | Pending homologation | ||
CO2 emission | Pending homologation |