จ่อคิวเปิดตัว 18 กันยายนนี้ อย่างเป็นทางการ แต่ก่อนจะได้รายละเอียดแบบ 100% พร้อมราคา มาดูเรื่องราวของ Mazda3 คันใหม่นี้กันล่วงหน้าก่อน
ในงาน Tokyo Motor Show 2017 ไฮไลท์ของ Mazda ที่โดดเด่นที่สุดคือ Vision Coupe และ KAI Concept ทั้งสองคันระบุชัดเจนว่าเป็นต้นแบบแนวคิด KODO Design เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่จะถ่ายทอดลงสู่รถยนต์ Mazda รุ่นต่อๆไป หลังจากที่ แนวคิด KODO Design รุ่นแรกได้รับการตอบรับเกินความคาดหมาย ผลักดันยอดขายรถยนต์ Mazda ทั่วโลกทะยานอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนรวมทั้งในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Mazda 2 ,3,CX3,CX5 แม้แต่ กระบะ BT50 ล้วนเติบโตสร้างยอดขายและอัตราการเติบโตในตลาดเป็นประวัติศาสตร์ทำให้ Mazda ขึ้นมายืนแถวหน้าของตลาดในไทยได้อย่างองอาจ
รถต้นแบบทั้งสองคันนั้นมีคำอธิบายแนวคิดคือ “การเคลื่อนไหวด้วยเส้นสายเส้นเดียว” เพื่อให้เกิดความเรียบง่ายที่สุดในองค์ประกอบโดยรวม ทิศทางของแสงและเงาสะท้อนให้เห็นการเคลื่อนไหว และสะท้อนไปบนตัวรถทำให้เกิดการแสดงออกที่มีนัยสำคัญ และน่าทึ่งเกินกว่าการออกแบบในรุ่นก่อนหน้า จึงสะท้อนออกมาเป็นรถทั้ง 2 คันอย่างงดงาม ในขณะที่ Vision Coupe มีความชัดเจนในการแสดงออกถึงความเป็นตัวแทนจินตนาการของ KODO Design เจเนอเรชั่นที่ 2
แต่ Kai Concept นั้นกลับถูกชี้ให้เห็นว่าจะเป็นเหมือนรูปแบบที่ใกล้ความเป็นจริงแล้วสำหรับ Mazda 3 แฮทช์แบค มากกว่าจะเป็นรถต้นแบบ และก็เป็นเช่นจริงๆ เมื่อ Mazda 3 ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน LA AutoShow 2018 ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ด้วยรูปแบบรูปทรงดีไซน์เดียวกับ Kai Concept แทบจะไม่ผิดไปมากมายนัก ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายทุกประการ และเป็น Mazda3 ที่เปิดตัวนอกญี่ปุ่นด้วย โดยที่ การเปิดตัวในญี่ปุ่นนั้นมีขึ้นในเดือน พฤษภาคม ที่ผ่านมานี้เอง แล้วจึงมาถึงประเทศไทยที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 กันยายนนี้ ซึ่งต้องถือว่ารวดเร็วมาก ไม่เพียงเท่านั้นผู้บริหารมาสด้าไทยพูดชัดเจนว่าเปิดตัวแล้วจะมีรถขึ้นโชว์รูมทันที นั้นหมายความว่า Project Mazda3 ถูกเตรียมการผลิตมาพร้อมๆกันกับที่ญี่ปุ่นทีเดียว
ก่อนจะถึงเวลาของการเปิดตัวเป็นทางการนั้นเรามาดูตัวเป็นๆของ Mazda3 2019 กันก่อนในงานแนะนำกับสื่อมวลชนที่เรียกว่า Sneak Preview มีรายละเอียดเกือบสมบูรณ์พร้อมกับได้ทดลองขับเปรียบเทียบกับ Mazda3 รุ่นปัจจุบันในสนามทดสอบยางของ โยโกฮามา ที่ระยองด้วย
ในครั้งนี้ ผู้บริหารของมาสด้า มาให้รายละเอียดรถกันอย่างครบครัน เริ่มตั้งแต่ ชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวย้ำถึงความสำคัญของ Mazda3 ว่า
“มาสด้า3 คือ model ที่มีความสำคัญยิ่งต่อมาสด้าทั้งในประเทศไทย และตลาดโลก หลายท่านคงพอจำได้ วันเปิดตัวมาสด้า3 รุ่นแรกเมื่อปี 2547 ได้สร้างปรากฏการณ์ต่างๆ ไว้มากมายต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไทย และเราขายรุ่นแรกไปได้สูงถึง 30,000 คัน
ส่วนรุ่นที่2 เมื่อปี 2554 มาสด้าเปิดตัวด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2000 ซีซี หลายคนตั้งคำถาม ทำไมมาสด้ากล้าฉีกกฏการตลาด ในขณะที่ลูกค้ากลุ่มใหญ่ชื่นชอบเครื่อง 1.6 – 1.8 แต่มาสด้าสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกค้า ทำให้เราขายได้ถึง 15,000 คัน ในเวลาเพียง 3 ปี
รุ่นที่3 เมื่อปี 2557 มาสด้าเปลี่ยนเทคโนโลยีของโลก ด้วย SKYACTIV technology เทคโนโลยีที่อยู่ในจินตนาการ เทคโนโลยีที่หลายคนเฝ้าฝันถึง แต่มาสด้าทำฝันให้เป็นจริง ด้วยรถยนต์ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน จนถึงวันนี้มีมาสด้า3 รุ่นนี้อยู่ในการครอบครองของลูกค้าถึง 33,000 คัน”
ประธานมาสด้าย้ำให้เห็นภาพว่า มาสด้า 3 มีประชากรในตลาดบ้านเราร่วมแสนคันนั้นเป็นปริมาณที่มากพอที่จะเป็นพระเอกของ มาสด้าได้อย่างแน่นอน
สำหรับ Mazda 3 2019 นั้นจะถูกนำเสนอทั้งตลาดทั้งรูปแบบ 5 ประตูแฮทช์แบคและ 4 ประตูซีดาน ซึ่งข้อมูลจากประชาสัมพันธ์มาสด้าระบุว่า
“ALL-NEW MAZDA3 คือ การออกแบบรถยนต์แบบแฮตช์แบคให้มีอารมณ์มากกว่าเดิม ในขณะที่รถซีดานมีเป้าหมายที่จะนำเสนอสัดส่วนที่หรูหรามากขึ้น แม้ว่าจะใช้ชื่อรุ่น MAZDA3 เหมือนกัน แต่รูปแบบทั้งสองนั้นแสดงถึงบุคลิกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”
การออกแบบภายนอกที่มีสองบุคลิกที่แตกต่างกัน
ในการออกแบบรถแฮตช์แบคและซีดานของ ALL-NEW MAZDA3 ทีมพัฒนาได้มองถึงคุณค่าและบุคลิกลักษณะของแต่ละแบบอย่างถี่ถ้วน รถแฮตช์แบคนำเสนอรูปลักษณ์ที่ทรงพลังและเย้ายวนด้วยการดึงดูดอย่างไม่สามารถลดละสายตาได้เลย ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกของประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น ในทางตรงกันข้ามความสวยงาม แลดูสะอาดสะอ้าน และทันสมัยของรถซีดานแสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่และความประณีต ผลที่ได้คือตัวถังสองประเภทที่มีบุคลิกที่แตกต่างกัน ดังนั้น คนๆ หนึ่งอาจคิดว่ารถทั้งสองแบบเป็นโมเดลที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
แนวคิดการออกแบบรถแฮตช์แบค : หนักแน่นและเร้าใจ
แนวคิดการออกแบบสำหรับแฮตช์แบคมุ่งเน้นไปที่การสร้างรถที่ดูแข็งแกร่ง และมีมนต์เสน่ห์ดึงดูดซึ่งสื่อถึงการแสดงออกที่สดใหม่ของสไตล์แฮตช์แบค มุมมองด้านข้างของตัวรถใช้การสะท้อนแสงและเงาที่สร้างการแสดงออกถึงความมีชีวิตชีวา โดยไม่ต้องใช้แนวเส้นตามลำตัวรถ เสาซีที่ดูทรงพลังช่วยสร้างการออกแบบด้านหลังอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งห้องโดยสารและตัวถังดูเหมือนเป็นรถที่ดูแข็งแกร่ง สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดความมีเสน่ห์ดึงดูดทุกสายตา สีเมทัลลิกเข้มของปีกที่เป็นสัญลักษณ์เน้นความเด่นของรถสปอร์ตสไตล์แฮตช์แบคและแตกต่างจากรุ่นซีดาน
แนวคิดการออกแบบรถซีดาน : โฉบเฉี่ยวและหรูหราสง่างาม
ในขณะที่สอดคล้องกับสไตล์ซีดานแบบดั้งเดิมโดยมีฝากระโปรงหน้า ห้องโดยสาร และกระโปรงท้ายเป็นองค์ประกอบสามอย่างที่ชัดเจน ALL-NEW MAZDA3 ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับองค์ประกอบเหล่านั้น และบรรลุความงามระดับใหม่ที่เหมาะกับแบรนด์มาสด้า แนวคิดการออกแบบสำหรับซีดานนั้น “โฉบเฉี่ยวและหรูหราสง่างาม” ไหลลื่นจากด้านหน้าไปด้านหลังด้วย “การเคลื่อนไหวด้วยเส้นสายเส้นเดียว” ตัวถังนั้นนำเสนอสัดส่วนที่ทรงพลังด้วยรูปทรงที่นุ่มนวลและสง่างาม การใส่ใจรายละเอียดในการเคลื่อนไหวของพื้นผิวที่เรียบทำให้อากาศไหลเรียบ องค์ประกอบทั้งหมดที่ด้านหน้าและด้านหลังใช้การวางแนวเค้าโครงแนวนอนที่เน้นลักษณะของท่าทางที่กว้างและต่ำ ปีกอันเป็นเอกลักษณ์ชุบโครเมียมแสดงถึงคุณภาพที่เหมาะสมกับความหรูหราของการออกแบบซีดานใหม่นี้ ผลลัพธ์ที่ได้คือความหรูหราสง่างาม
ความสะดวกสบายภายในภายใต้หลักการอุดมคติ : เรียบง่ายแต่หรูหรา
เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการเชื่อมต่อระหว่างรถยนต์กับคนขับ ที่นั่งคนขับทุกด้านได้รับการจัดวางในแนวนอนที่สมมาตรโดยสมบูรณ์พร้อมกับคนขับให้อยู่ตรงกลาง ในเวลาเดียวกันทุกองค์ประกอบ ได้รับการออกแบบให้หันหน้าไปทางคนขับโดยตรง และช่วยเน้นแกนกลางที่เป็นศูนย์กลางของคนขับที่วิ่งจากด้านหน้าไปด้านหลัง นอกจากนี้การตกแต่งภายในยังรวมเอาอุดมคติ “เรียบง่ายแต่หรูหรา” ที่เป็นกุญแจสำคัญในการออกแบบ KODO ของ ALL-NEW MAZDA3 ที่พัฒนาขึ้นใหม่ การรักษาองค์ประกอบทั้งหมดนอกเหนือจากที่นั่งคนขับให้เรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะช่วยขยายความเด่นของโซนที่นั่งคนขับ สิ่งนี้ได้สร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบาย ซึ่งรถยนต์และคนขับมีส่วนร่วมตามหลักธรรมชาติที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถมุ่งเน้นไปที่การขับขี่”
จะเห็นด้วยเห็นชอบกับข้อมูลทางประชาสัมพันธ์นี้อย่างไรขึ้นอยู่กับมุมมอง แต่เมื่อเทียบกับ Mazda3 รุ่นปัจจุบันจะเห็นได้ชัดถึงความสวยงามทันสมัย และเส้นสายที่เปลี่ยนไปในเชิงที่ดูหรูหรา ทันสมัย นำหน้าความสปอร์ตที่มีอยู่เดิม อันนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนที่เห็นในแนวทางนี้ชัดเจน แทบจะไม่แตกต่างกัน ในขณะที่มิติตัวถังต่างๆนั้นเมื่อเทียบกับ Mazda 3 กว้างยาวเกือบจะเท่ากันกับรุ่นปัจจุบันยกเว้น ฐานล้อจะยาวขึ้นเล็กน้อย และช่วงล้อหน้าและหลังกว้างขึ้น และลดระดับความสูงของตัวถังถึงพื้นต่ำลง จากการปรับเปลี่ยนแพลทฟอร์มใหม่ ซึ่งนั่นจะเป็นผลให้ CG ต่ำลงโดยกายภาพแล้วจะทำให้การทรงตัว การยึดเกาะถนนของรถดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ตารางเปรียบเทียบลักษณะจำเพาะที่สำคัญ
แฮตช์แบค | ซีดาน | ||||
ALL-NEW MAZDA3 | MAZDA3 รุ่นก่อน | ALL-NEW MAZDA3 | MAZDA3 รุ่นก่อน | ||
ความยาวรวม | มม. | 4,460 | 4,470 | 4,660 | 4,580 |
ความกว้างรวม | มม. | 1,795 | 1,795 | 1,795 | 1,795 |
ความสูงรวม | มม. | 1,435 | 1,465 รวมเสาอากาศ แบบครีบฉลาม | 1,440 | 1,450 รวมเสาอากาศ แบบครีบฉลาม |
ฐานล้อ | มม. | 2,725 | 2,700 | 2,725 | 2,700 |
ความกว้างช่วงล้อ (หน้า/หลัง) | มม. | 1,570/1,580 | 1,555/1,560 | 1,570/1,580 | 1,555/1,560 |
ระยะต่ำสุดจากพื้น (พร้อมคนขับ 75 กก.) | มม. | 135 | 155 | 135 | 155 |
แพลทฟอร์มใหม่ของ Mazda 3 2019 ซึ่งเป็น Skyactiv concept ใหม่นั้น ตัวโครงสร้างตัวถังถูกลดส่วนที่จะทำให้เกิดรูที่ตัวถังลงไปอย่างมาก และ มีการเสริมชิ้นส่วนพิเศษเป็นยางสังเคราะห์ในจุดที่มีโอกาสให้ตัว หรือสั่นสะเทือน เพื่อผลในด้านการเก็บเสียงในห้องโดยสาร ซึ่งวิศวกรของ มาสด้ามั่นใจว่ารถของเขาจะเงียบขึ้นอย่างแน่นอน ในชณะที่ช่วงล่างด้านหน้ายังคงใช้ MacPherson Struts แต่ที่น่าแปลกใจคือด้านหลัง เปลี่ยนจาก Multilink มาเป็นการการติดตั้งทอร์ชั่นบาร์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ที่ด้านหลัง ตรงนี้เองเป็นความท้าทายมากเพราะเรารู้กันดีว่าช่วงล่างแบบ ทอร์ชั่นบาร์นั้นจะมีความกระด้างสะเทือนมากกว่า Multilink แต่มีจุดเด่นในด้านการดูแลรักษาเพราะมีจุดให้ตัวเชื่อมต่อที่น้อยกว่า ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องพิสูจน์กัน
อย่างที่บอกไว้แล้วว่านอกจากผู้บริหารมาสด้าจะให้ข้อมูลในเบื้องต้นแล้วยังให้ทดลองขับ Mazda3 ใหม่ เทียบกับรุ่นปัจจุบันด้วย เป็นการทดลองเบื้องต้นในสนามทดสอบยางของโยโกฮาม่า โดยแบ่งการขับทดสอบเป็น 2 สถานี เริ่มจาก Handling ขับใน Track ช่วงสั้นๆ โดยให้ทดลองรักษาระดับความเร็ว 30 กม. เร่งขึ้นไป 40 กม. 50 กม. และ 70 กม. ผ่านโค้งต่างๆ เน้นให้ทดลองการเดินคันเร่ง การทำงานของเครื่องยนต์ในรอบต่ำขึ้นไปและการควบคุมพวงมาลัยในการเข้าโค้งกว้างและแคบ ในสถานีนี้เราได้เปรียบเทียบระหว่าง Mazda 3 ใหม่กับรุ่นปัจจุบัน
ผลออกมาก็แน่นอน Mazda 3 ใหม่ สามารถควบคุมความเร็วในแต่ละระดับได้อย่างง่ายดาย เครื่องยนต์เดินเรียบ ดีกว่ารุ่นปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆที่เป็นเครื่องยนต์เดียวกัน 2.0ลิตร 165 แรงม้า แต่ออกแบบลูกสูบใหม่ ปรับปรังห้องเผาไหม้ นอกจากเดินเรียบแล้ว ข้อมูลระบุว่าประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นคายไอเสียน้องลงแต่ก็ไม่ได้ทดลองในครั้งนี้ ที่น่าสนใจคือ การควบคุมพวงมาลัยนั้นแม่นยำทุกโค้ง ถึงกับแปลกใจมากที่ช่วงล่างหลังที่เป็น ทอร์ชั่นบาร์นั้น ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมเมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน ข้อดีนี้น่าจะได้เครดิตจาก ระบบ GVC Plus ที่พัฒนาsoftware ใหม่เข้ามาช่วยการทรงตัวของรถให้มีเสถียรภาพมากขึ้นทั้งเมื่อเกิดอาการเอียงเมื่อเข้าโค้ง ลดความเร็วกะทันหัน หรือ แก้อาการโคลงไปมาเมื่อเปลี่ยนเลนกระทันหัน
ในสถานีที่ 2 เป็นการทดลองขับแบบ MultiPurpose ทดลองอัตราเร่งจากจุดนิ่งขึ้นไปถึง 100 กม./ชม.แล้วทดลองการขับในลักษณะ สลาลอม ตรงนี้ Mazda 3 ใหม่ แสดงให้เห็นว่าการปรับปรุงเครื่องยนต์เพียงบางส่วนทำให้อัตราเร่งดีขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน เก็บเสียงในขณะเร่งความเร็วใช้รอบเครื่องยนต์สูงได้ดีมากๆ เสียงเครื่องยนต์เมื่อเร่งสุดๆเข้ามาในห้องโดยสารน้อยกว่ารุ่นปัจจุบันอย่างชัดเจน
การทดลองขับในช่วงสั้นๆแต่ในสถานีทดสอบที่เซ็ทไว้ให้เห็นความแตกต่างในเชิงที่พัฒนาขึ้นของ Mazda3 ใหม่เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบันนั้นได้ข้อสรุปแล้วว่า Mazda 3 พัฒนาขึ้นจนทำให้การขับขี่มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง อัตราเร่งดีขึ้น เงียบขึ้น ควบคุมได้ง่ายขึ้น เข้าโค้งได้แม่นยำ เฉียบคม ถึงขนาดทำให้ Mazda 3 รุ่นปัจจุบันดูแย่ไปเลยทีเดียว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เราได้ลอง Mazda3 รุ่นปัจจุบันกันไปแล้วก็ถือว่าเป็นรถที่ขับสนุก การทรงตัวดี โดดเด่นเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันที่มีอยู่ในตลาด นั่นหมายความว่า Mazda3 ใหม่นั้นดียิ่งๆขึ้นไปอีก
นั่นเป็นข้อมูลเบื้องต้นจากการทำความรู้จักกันกับ Mazda3 2019 ใหม่ รถคันแรกภายใต้ KODO Design เจเนอเรชั่น 2 ก่อนที่จะเปิดตัวเป็นทางการในวันที่ 18 กันยายน และ เราจะได้ทดลองขับในลักษณะ On road บนถนนอีกครั้งขอให้ติดตามรายงานในตอนต่อไปเร็วๆนี้ ส่วนเรื่องราคานั้นคงต้องติดตามการประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 กันยายน เช่นเดียวกัน แต่เท่าที่แอบสอบถามผู้บริหารมาแล้ว ได้รับคำตอบว่าจะไม่ปรับราคาเพิ่มขึ้นเกินกว่าหมื่นบาทอย่างแน่นอน