Only the sky is the limit ผมชอบประโยคนี้ ที่ Mazda นำออกมาใช้หลายครั้ง รวมถึงเมื่อครั้งการเดินทางสุดขอบฟ้า กับ ฝูง Skyactiv จาก จีนถึงมอสโค รัสเซีย เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการเดินทางที่เติมประสบการณ์การเดินทางของผมกับรถยนต์ Mazda ได้อย่างเต็มเปี่ยม ครบทุกรสชาติของการเดินทาง พิสูจน์ ให้เห็นมาแล้วว่าไปกับ Mazda ได้แบบถึงไหนถึงกัน ไม่มีที่สิ้นสุด กันทีเดียว และครั้งนั้น ทีมงาน Mazda บอกไว้ว่า การเดินทางกับ Mazda ของเขายังไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแน่นอน จนกระทั่งมาปีนี้ โครงการใหม่ก็ได้เริ่มต้นอีกครั้ง Mazda DNA Skyactiv Caravan East – West Economic Corridor เส้นทางเชื่อมโยงเศรษฐกิจ เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกและอินเดียเข้าด้วยกัน ตั้งต้นที่ ดานัง เว้ เวียดนาม ผ่าน แขวงสะหวันนะเขตของ สปป ลาว เข้าสู่ไทยทาง มุกดาหารข้ามประเทศไปออกจาก แม่สอด เข้าสู่เมียนมาร์ ไปจรดเมืองท่าอ่าวเมาะตะมะที่เมืองเมาะลำไยหรือมะละแหม่ง จาก East สู่ West สมบูรณ์แบบ ก่อนที่การเดินทางไปไปต่อจนถึงย่างกุ้งแล้วจึงกลับสู่ประเทศไทยเพื่อปักหมุดสิ้นสุดการเดินทางครั้งนี้ รวมเบ็ดเสร็จ 2,860 กม.
ทีมงาน Mazda เลือกเส้นทางนี้เพราะเป็นครั้งแรกของขบวนคาราวานรถยนต์ที่จะได้เดินทางสำรวจเส้นทางและสัมผัสวิถีชีวิตหลากวัฒนธรรมหลายสภาพเศรษฐกิจของทั้ง 4 ประเทศระหว่างทาง และเช่นเคยยังเป็นการพิสูจน์สมรรถนะของรถยนต์ Mazda ที่มี DNA ความเป็น Skyactiv เต็มเนื้อเต็มตัวทั้ง 10 คัน ประกอบไปด้วย Mazda2 , Mazda3 , Mazda CX3 และ Mazda CX5
ความสำคัญของเส้นทาง East – West Economic Corridor
ก่อนจะเริ่มเดินทางมีข้อมูลสนับสนุนเส้นทางนี้ที่น่าสนใจ กล่าวคือ สืบเนื่องจากที่ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน ได้ริเริ่มโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion : GMS) ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวทางการค้า การลงทุนอุตสาหกรรม การเกษตร และบริการ และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยสนับสนุนให้มีการติดต่อและการแข่งขันระหว่างกันนั้นรัฐบาลจากประเทศสมาชิก GMS จึงได้กำหนดแนวพื้นที่เศรษฐกิจในลุ่มแม่น้ำโขงจำนวน 9 เส้นทางหลัก ให้เป็นแนวพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจของอนุภูมิภาค และหนึ่งในเส้นทางที่ขณะนี้กำลังเริ่มปรากฏผลเชิงรูปธรรมได้แก่ เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก – ตะวันตก (East – West Economic Corridor : EWEC) หรือ เส้นทางหมายเลข 9 (R 9) ซึ่งจะมีการขนส่งจากท่าเทียบเรือทางทะเลฝั่งขวาไปยังฝั่งซ้าย
เส้นทางดังกล่าวเริ่มต้นที่ เมืองท่าดานัง ประเทศเวียดนาม ผ่านเมืองเว้และเมืองลาวบาว ผ่านเข้าแขวงสะหวันนะเขตในประเทศ ลาว และมาข้ามสะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร – สะหวันนะเขต) ข้ามแม่น้ำโขงสู่ไทยที่ จังหวัดมุกดาหาร ผ่านจังหวัด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น เพชรบูรณ์ พิษณุโลกสุดทางที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จากนั้นเข้าไปยังประเทศ พม่าไปเรื่อยๆ ถึงอ่าวเมาะตะมะ ที่เมืองเมาะลำไย หรือมะละแหม่ง เป็นการเชื่อมจากทะเลจีนใต้ไปสู่อินเดีย
การพัฒนาเส้นทางดังกล่าว ส่งผลดีต่อไทย คือ การที่ไทยอยู่ตรงกลางและมีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเส้นทางนี้ ทำให้สามารถส่งสินค้าไปยังท่าเรือขนาดใหญ่ทั้งทางฝั่งตะวันออกและตะวันตก นอกจากนั้น พม่ายังมี โครงการ “ทวาย” ที่เป็นศูนย์อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ รวมทั้งท่าเรือขนาดใหญ่ เป็นทางออกสู่ทะเลจุดใหม่ที่สำคัญมากต่ออาเซียน เพราะในอดีตทางออกสู่มหาสมุทรอินเดียจำเป็นต้องใช้ท่าเรือของสิงคโปร์เท่านั้น
ขณะเดียวกันโครงการทวายนี้ยังเป็นต้นทางรับสินค้าจากฝั่งมหาสมุทรอินเดียหรือสินค้าที่มาจากฝั่งยุโรปและตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มพลังงานไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซ ซึ่งจะถูกนำเข้าและแปรรูปในโรงงานปิโตรเคมีภายในพื้นที่โครงการทวาย เพื่อส่งผ่านไทยเข้าไปยังประเทศกลุ่มอินโดจีนเช่น ลาว กัมพูชา และไปสิ้นสุดปลายทางยังท่าเรือดานังประเทศเวียดนาม และจะถูกส่งออกไปยังเอเชียตะวันออกอย่างญี่ปุ่นและจีน
พอจะมองเห็นภาพความสำคัญของเส้นทาง East – West Economic Corridor กันพอสังเขปแล้วเรามาเข้าสู่ขบวนคาราวานกัน ผมจับได้ไม้หนึ่งไปเริ่มต้นการเดินทางที่ ดานัง รถยนต์ Mazda ทั้ง 10 คันเตรียมพร้อมไว้แล้วที่สนามบินใหม่เมืองดานังนั่นเอง หลังจากการเดินทางสั้นๆเพียงชั่วโมงเศษ ลงเครื่องมาก็แจกรถให้เดินทางกันเลย ผมจับคู่เดินทางกับ น้าติ่ง องอาจ จรุงศรี โปรในตำนานแห่งนักเลงรถ ความจริงผู้ร่วมคณะเราต้องมีรวม 4 ท่านด้วยกันแต่บังเอิญ2 ท่านไม่สามารถมาร่วมได้ Mazda CX5 ที่เตรียมไว้สำหรับทีมเราจึงหลวมๆไปทันทีเพราะนั่งกันสองคนนั่นเอง
จากดานังเข้าสู่เว้
ภารกิจแรกคณะของเรามีโอกาสได้เข้าเยี่ยมชมโรงงานประกอบรถยนต์ Mazda ของ Truong Hai Auto Complex ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ Mazda ในเวียดนาม ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม THACO เป็นโรงงานประกอบที่ใหม่มากเพิ่งเสร็จและเริ่มต้นประกอบรถได้เพียง 2 ปี ที่ผ่านมาประกอบ Mazda เพื่อจำหน่ายในเวียดนามเท่านั้น มีทั้งรุ่น Mazda 2 Mazda3 และ Mazda 6 มีปริมาณการผลิตและจำหน่ายถึง 30,000 คัน คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปถึง 60,000 คันภายในปีสองปีข้างหน้านี้ นับเป็นอีกตลาดหนึ่งที่ Mazda ขยายตัวได้ค่อนข้างมากเห็นได้จากความนิยมบนท้องถนน มีรถ Mazda จำนวนไม่น้อยทีเดียวในหลายๆเมือง
ดานังในวันนี้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงมาก ทั้งจากภาคอุตสาหกรรมการผลิต และ การท่องเที่ยว ภายในตัวเมืองซึ่งเป็นเมืองตากอากาศขึ้นชื่อ มีชายหาดยาวเหยียดโค้งเป็นวงพระจันทร์กว่า 14 กม. เรียกนักลงทุนด้านการท่องเที่ยวมาสร้างโรงแรมที่พักใหม่ๆมากมาย ร้านอาหารริมทางมากมายก็มีคนนั่งเต็ม เป็นคนท้องถิ่นส่วนมาก แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติก็มีไม่ใช่น้อย
เส้นทางในวันแรกนั้นใช้เส้นทางสายหลัก A1ซึ่งเป็นทางหลักที่ยาวที่สุดจากเหนือจรดใต้เกือบ 2,000 กม.ตามสภาพภูมิประเทศของเวียดนามที่มีลักษณะยาวแคบ เราวิ่งจากดานังลงทางใต้ไปยังนิคมอุตสาหกรรม THACO ซึ่งอยู่ทางใต้ลงไป จากนั้นวิ่งย้อนกลับขึ้นมาผ่านดานังขึ้นไปจบที่เมืองเว้ Mazda CX5 ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทางเป็นอย่างดีมีเพียงบางช่วงที่พอจะทำความเร็วได้บางแต่ก็เพียง 110 กม./ชม.เป็นอย่างมาก สภาพจราจรโดยมากต้องระมัดระวังกับรถมอเตอร์ไซค์เพราะเขาเป็นเจ้าถนนอยู่และขับกันแบบตามอำเภอใจ รถยนต์ต้องระวังกันเอาเอง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เห็นอุบัติเหตุมากนัก น่าจะเป็นเพราะเขาเคยชิน แต่เราต่างถิ่นนั่นเอง กับ Mazda CX5 ผมลงความเห็นมาโดยไม่ลังเลตลอดทุกครั้งที่ขับคือ ยังประทับใจในเรื่องของการควบคุมบังคับและการทรงตัวที่ดี มันช่วยให้เราไม่เครียดและเพลียจากการขับระยะทางไกล โดยเฉพาะต้องระวังเพื่อนร่วมถนนอยู่ตลอดเวลาด้วย
วันเดียว 3 ประเทศ เวียดนาม-ลาว-ไทย
วันที่สองของการเดินทางมาเริ่มต้นที่เมืองเว้ วันนี้ได้รถ Mazda 2 จากใหญ่สุดมาเป็นเล็กสุด ยังนึกอยู่ว่าถ้ามากันครบทีม 4 คนคงอึดอัดบ้าง เพราะวันนี้ต้องเดินทางจากเว้ไปถึงด่านลาวบาว ข้ามแดนสู่ สะหวันนะเขตของ ลาวประมาณ 150 กม. จากนั้นผ่านลาวมาจนถึงข้ามแดนไทยที่มุกดาหารอีกประมาณ 250 กม. แต่เมื่อเหลือ 2 คน ก็ไปกันได้แบบสบายๆ
การเดินทางในเวียดนามจากในเมืองออกไป ยังต้องใช้ความระวังอย่างสูง เพื่อฝ่ามอเตอร์ไซค์ท้องถิ่นจำนวนมากวันนี้เราได้ Mazda 2 มาใช้มีคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งนอกจากตัวรถที่มีความกะทัดรัด ควบคุมง่าย ขับสนุกแล้วคงมาจากความชินกับสภาพถนน สภาพจราจร นั่นเอง คณะเราทั้งคาราวานก็เช่นกันไม่มีคันใดมีปัญหาหรืออุบัติเหตุแม้แต่น้อย ถนนสาย 1 A ซึ่งเป็นทางหลักนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคู่ขนานมีเกาะกลางถนนเป็นทางราบมาโดยตลอด จนกระทั้งมาแยกเข้าเส้น AH16 จึงเริ่มไต่ระดับความสูงขึ้นมาบ้าง เส้นทางช่วงนี้ก่อนจะผ่านไปสู่ด่านข้ามแดนลาวบาว ภูมิประเทศสวยงาม ผ่านเขา ผ่านเนิน ที่โดดเด่นที่สุดจะเป็นช่วงผ่านเขาที่เรียกว่า The Rockpile จุดยุทธศาสตร์สำคัญสมัยสงครามเวียดนามเหนือใต้ ที่มีสหรัฐอเมริกามาร่วมรบกับทางใต้ และเป็นจุดแตกหักที่ เวียดนามเหนือได้รับชัยชนะ สามารถลุกคืบเข้ายึดเมืองดานัง และ ไซง่อนในที่สุด แต่วันนี้ The Rockpile กลายเป็นจุดปักหมุดของนักท่องเที่ยวไปอีกแห่งหนึ่งแล้ว และเส้นทางช่วงนี้ก็ทำให้เราได้สนุกกับ Mazda2 อีกช่วงหนึ่งเรียกว่าทั้งเพลินกับทิวทัศน์และสนุกกับรถไปพร้อมๆกันเลยทีเดียว
ไม่นานจากนั้นก็เข้าสู่ด่านลาวบาว ขั้นตอนการผ่านด่านที่ไม่ได้ยุ่งยากมากนักรวมทั้งการประสานงานอย่างดีของทีมงาน ทรานส์เอเชีย ที่มีประสบการณ์สูงในการนำคาราวานเดินทางในต่างประเทศ ทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบลื่น ออกจากด่านเข้าสู่แขวงสะหวันนะเขต ถนนหลักแบบเลนสวน ยังดีที่มีไหล่ทางอยู่บ้าง ไม่มีอะไรเป็นพิเศษตรงๆยาวๆผ่านชุมชนเป็นระยะ ระวัง แพะ ระวังหมู หมาบ้าง ระหว่างเส้นทางในลาวนั้นยังคงมีสภาพไม่ต่างจากเมืองไทยในต่างจังหวัดมีทำเกษตรกรรม สลับพื้นที่รกร้าง เกือบจะตลอดระยะทางประมาณ 260 กม.จนเข้าถึงด่านไทยที่หน้าสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ช่วงนี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก จนกระทั้งเข้าพักที่มุกดาหารนั่นเอง
ส่งต่อกลุ่มสองไปเมียนมาร์
วันที่สามของการเดินทางเป็นช่วงที่อยู่ในไทยตลอด วันนี้ได้ Mazda3 มาเติมความสปอร์ตส่งท้ายการเดินทาง ช่วงในไทยของเส้นทาง East-West Economic Corridor เป็นช่วงที่มีระยะทางยาวที่สุดคือประมาณ 950 กม.จากระยะทางรวมประมาณ 1,450 กม. โดยที่ทั้งหมดของเส้นทางนี้ใช้ชื่อเส้นทาง R9 บางช่วงจะทับซ้อนกับชื่อเส้นทางอื่นเช่น ในไทยคือ ทางหลวงหมายเลข 12 ที่ยึดจาก มุกดาหาร ไปถึงแม่สอด จ.ตาก
ประมาณ 70 %ของเส้นนี้ได้รับการปรับปรุงให้เป็นทางคู่ขนาน 4 เลน เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทาง และบอกได้ว่าถนนในไทยนั้นเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดทั้งสภาพผิวถนน และ การจัดระเบียบจราจร
สำหรับวันสุดท้ายเราจะเดินทางไปส่งให้กลุ่มสองมารับช่วงต่อที่ จ.พิษณุโลก ระยะทางประมาณ 550 กม. Mazda3 ทำให้การเดินทางของเรามีความสุขมาก หลายช่วงที่ต้องทำเวลา ก็ช่วยให้เราทำงานได้อย่างมั่นใจ หลายช่วงที่อยากให้เราสนุก เช่นระหว่างทางขอนแก่น เพชรบูรณ์ผ่านน้ำหนาวนั้นก็ให้สนุกได้แบบเกาะหนึบทุกโค้ง แต่เส้นทางนี้ที่ผมชอบมาที่สุดคือ ช่วงผ่านหล่มสักไปผ่านเขาค้อ เพราะนอกจากวิวข้างทางจะสวยงามแล้วถนนที่เพิ่งปรับปรุงใหม่เป็น 4 เลนนั้นสวยขับรถไปอย่างสบายใจมากๆ
ในที่สุดการเดินทางกับ Mazda DNA Skyactiv ก็มาถึง พิษณุโลก ซึ่งเป็นจุดที่ถูกกำหนดให้เป็นเส้นทางสายเศรษฐกิจเชื่อมโยงการเดินทางจะทั่วทุกสารทิศ นั่นคือ “4 แยกอินโดจีน” นั่นเอง
ขอบคุณ Mazda ที่เติมประสบการณ์การเดินทางใหม่ๆให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ ขอบคุณ Mazda DNA Skyactiv ที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้มีความสุขกับการขับรถมากยิ่งขึ้น ขอบคุณ ทรานส์เอซีย ที่ทำให้การเดินทางปลอดภัย และ สะดวก มากๆ
ภูวนาถ เผ่าจินดา