บริษัท สยามมิชลิน จำกัด จัดกิจกรรมทดสอบพร้อมเปิดตัวยางรถยนต์รุ่น Michelin Primacy Suv สำหรับรถเอสยูวี และพีพีวี ที่เพิ่มเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยจากการควบคุมและหยุดรถได้อย่างแม่นยำ พร้อมป้องกันการลื่นไถลบนสภาพพื้นผิวที่เปียกได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อตอบโจทย์ให้กับผู้บริโภคในกลุ่มของรถเอสยูวี และพีพีวี ที่มีการขยายตัวเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
อเล็กซองด์ อองนิยง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจรถยนต์นั่งและรถปิกอัพ บริษัท สยามมิชลิน จำกัด เผยว่า “Michelin Primacy Suv ถูกคิดค้นและผลิตขึ้นเพื่อรองรับตลาดรถเอสยูวีที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับตลาดยางของรถเอสยูวีซึ่งมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นและจะขยายตัวต่อเนื่องไปในระยะเวลาอีก 5 ปี แนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว มิชลินจึงไม่หยุดพัฒนายางให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคที่ใช้รถในกลุ่มเอสยูวี”
อเล็กซองด์ กล่าวต่อว่า “มิชลินได้ทำการวิจัยกลุ่มผู้ใช้รถเอสยูวีด้วยเหตุผลที่ว่า กลุ่มผู้บริโภคเลือกใช้รถเอสยูวีเพราะต้องการความปลอดภัยสูงสุดสำหรับตนเองและครอบครัว ทั้งรูปแบบการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล ด้วยจุดเด่นของตัวรถที่มีขนาดใหญ่ แข็งแกร่ง มาพร้อมวิสัยทัศน์การขับขี่ที่ดีกว่า ในขณะเดียวกันการบังคับควบคุมและการหยุดรถซึ่งทำได้ยากกว่ารถยนต์นั่งทั่วไปโดยเฉพาะบนสภาพพื้นผิวที่เปียกและมีน้ำขัง จากสาเหตุหลักเหล่านี้ จึงทำให้ Michelin Primacy Suv พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานซึ่งปกป้องผู้ขับขี่และครอบครัวให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด”
Michelin Primacy Suv พัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยีขั้นสูงที่ทีมวิศวกรออกแบบมาสำหรับรถยนต์ในกลุ่ม เอสยูวี และ พีพีวี โดยเฉพาะ เทคโนโลยีที่สะท้อนให้เห็นถึงวัตถุประสงค์ต่างๆมีอะไรบ้าง
Flex Max 2.0
ออกแบบลายดอกยางเพื่อสมรรถนะด้านความปลอดภัย
เทคโนโลยี FlexMax2.0 ให้การขับขี่ปลอดภัยด้วยการประสาน 2 คุณลักษณะหลัก คือ บล๊อกดอกยางที่มีความยึดหยุ่นสูง เพื่อการสัมผัสและยึดเกาะกับความหยาบของผิวถนน ในขณะที่การหักมุม (Chamfer) ของขอบบล็อกดอกยางซึ่งช่วยลดการบิดเบี้ยวที่มักเกิดขึ้นภายใต้แรงกดที่เกิดจากการขับขี่
Stabiligrip
มั่นใจในความปลอดภัยทุกสภาพอากาศ
ปุ่มเซลฟ์ล๊อกด้านในร่องเล็กๆของดอกยาง ช่วยลดอาการบิดตัวของบล๊อกดอกยาง ทำให้การควบคุมและหยุดรถบนนถนนแห้งดีขึ้น รวมถึงให้การรีดน้ำอย่างมีประสิทธิภาพบนถนนเปียก ลายดอกยางที่เหมาะสมและร่องบากจำนวนมากออกแบบมาเพื่อเป็นการตัดฟิลม์น้ำ ในขณะที่ร่องดอกยางที่กว้างและลึกเป็นส่วนช่วยให้ระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งหมดนี้เป็นการเพิ่มผิวสัมผัสกับถนน ทำให้ยึดเกาะถนน และให้ความปลอดภัยในการขับขี่
Evenpeak
เงียบกว่า ด้วยการลดเสียงรบกวนจากยาง
การออกแบบดอกยางสำคัญต่อการขับขี่ปลอดภัย ซึ่งก็ยังมีผลในเรื่องเสียงรบกวน แต่ Michelin ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยออกแบบดอกยางมีขนาดและตำแหน่งที่แตกต่างกันอย่างมาก จึงช่วยการกระจายความถี่ของเสียงที่เกิดจากดอกยางให้กว้างขึ้น ทำให้เป็นยางที่เงียบ และ ไม่ลดทอนสมรรถนะด้านการควบคุมหรือการเบรกของยางแต่อย่างใด
CushionGuard
ให้การขับขี่ที่ราบรื่น…นุ่มสบายเมื่อหน้ายางสัมผัสถนน สูตรเนื้อยาง FlexMax2.0 จะช่วยกรองความสั่นสะเทือน เทคโนโลยี CushionGuard อาศัยเนื้อยางที่ยึดหยุ่นและแก้มยางที่สามารถดูดซับแรงกระแทก นอกจากนี้ยังมีชั้นยางดูดซับเสียง ที่ช่วยดูซับแรงสั่นสะเทือน คุณลักษณะทั้งหมดนี้ ทำให้การขับขี่ราบรื่นและ นุ่มสบาย
ลองของจริงกับ Michelin Primacy Suv
หลากรูปแบบการทดสอบ สะท้อนการใช้งานจริง
สำหรับกิจกรรมการทดสอบยางรถยนต์ Michelin Primacy Suv ทางผู้จัดงานได้เตรียมสถานการณ์จำลองไว้หลากรูปแบบเพื่อสะท้อนถึงการใช้งานจริง โดยให้ผู้ทดสอบได้สัมผัสถึงประสิทธิภาพของยางรถยนต์ที่พัฒนาให้ตอบโจทย์ผู้ใช้รถเอสยูวีและพีพีวีโดยเฉพาะ
Rally Station
การทดสอบในรูปแบบแรลลี่ระยะสั้น สะท้อนการใช้งานที่หลากหลาย
เริ่มการทดสอบกับกิจกรรมแรกในรูปแบบของการแข่งขันแรลลีระยะสั้นที่มีเกมส์สนุกๆกับการหาป้ายและเติมคำ โดยใช้เส้นทางจากชาญวี รีสอร์ท เขาใหญ่ – เขายายเที่ยง ระยะทางประมาณ 40 กม. นอกจากเกมส์สนุก สภาพเส้นทางถือเป็นการได้ทดสอบไปในตัว เพราะนอกจากทางลาดยางที่ทำให้รับรู้ได้ว่า เป็นยางที่นุ่ม เงียบ และ ไม่มีเสียงรบกวนขณะขับขี่ สภาพเส้นทางบางช่วงบางตอนที่เป็นดินลูกรังและทางขึ้นเขาที่ลาดชัน ก็บ่งบอกให้รู้ได้ว่า Michelin Primacy Suv สามารถใช้ในทางลุยได้ในระดับหนึ่งด้วยลวดลายของดอกยางที่ออกแบบมาให้ใช้กับสภาพเส้นทางหลากรูปแบบ
Comfort Station
สถานีที่ว่าด้วยเรื่องของเสียงที่เกิดขึ้นในขณะขับขี่
หลังจากลองทดสอบบนถนนหลวงและเส้นทางลูกรังในสไตล์แรลลี่ Comfort Station เป็นการเรียนรู้ในเรื่องของเสียงที่เกิดขึ้นจากการขับขี่ เช่นเสียงสัมผัสของรอยต่อพื้นถนน และเสียงที่เกิดจากการใช้ความเร็ว โดยนำรถเอสยูวี 2 คัน เปลี่ยนยางมาใช้ Michelin Primacy Suv และ ยางชั้นนำที่เป็นคู่แข่งทางการตลาด ผลที่ได้จากการทดสอบค่อนข้างชัดเจน เพราะเสียงที่เร็ดรอดจาก Michelin Primacy Suv เงียบสนิท ผิดจากยางของค่ายคู่แข่ง ที่มีเร็ดรอดออกมาให้ได้ยิน จุดเด่นประเด็นนี้ต้องยกให้เทคโนโลยีทั้งหมดที่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อคอยดูดซับเสียงและรองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี
Dry Station
การควบคุมรถทำได้ดี มีระยะเบรกที่สั้นกว่าคู่แข่งอย่างน้อย 2 เมตร
Dry Station เป็นสถานีที่จำลองการขับขี่ไว้ 2 รูปแบบ ได้แก่ การควบคุมรถ และ เรื่องของระยะเบรก ในหัวข้อแรกเรื่องการควบคุมรถ ใช้วิธีการขับขี่แบบ Slalom เพื่อให้สัมผัสความรู้สึกการควบคุมระหว่างรถที่ใช้ยาง Michelin Primacy Suv กับยางของคู่แข่ง ประเด็นนี้ยังไม่ชัดเจนสักเท่าไหร่ เพราะประเด็นของการควบคุมรถในทิศทางที่ผู้จัดกำหนดไว้อาจจะไม่หนีหรือแตกต่างกับคู่แข่งมากนัก แต่เรื่องของการหยุดรถ ตัวเลขเชิงประจักษ์ทำให้เห็นว่า เทคโนโลยี Stabiligrip ซึ่งมีปุ่มเซลฟ์ล๊อกด้านในร่องเล็กๆของดอกยางช่วยลดอาการบิดตัวของบล๊อกดอกยาง ส่งผลให้ Michelin Primacy Suv มีระยะเบรกที่สั้นกว่าคู่แข่งมากกว่า 2 เมตร แน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยให้เกิดความปลอดภัยกับผู้บริโภคแน่นอน
Wet Station
ควบคุมและหยุดรถในสภาพพื้นผิวที่เปียก
มาถึงสถานีทดสอบแห่งสุดท้าย ด้วยรูปแบบการทดสอบที่จัดไว้ 2 วิธี แบบแรกคือการหยุดรถบนสภาพพื้นผิวที่เปียกแฉะ ระยะทางในการหยุดรถก็ยังต้องยกให้กับ Michelin เพราะยังทำระยะได้สั้นกว่าคู่แข่งกว่า 2 เมตรเช่นกัน ส่วนในเรื่องของการควบคุมทางผู้จัดได้เตรียมพื้นที่ให้ขับทดสอบแบบวงกลม โดยเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนกว่าจะเสียการควบคุม จากที่ได้ทดสอบ การควบคุมรถที่ใช้ยาง Michelin Primacy Suv ทำได้ง่ายกว่าและรถเสียอาการน้อยกว่ายางคู่แข่งอย่างชัดเจน อาการ Under Steer ที่จะเกิดขึ้นเมื่อรถเสียการควบคุม สามารถแก้ไขให้รถกลับมาอยู่ในทิศทางที่ต้องการอย่างง่ายดาย
การทดสอบในครั้งนี้ได้จำลองการใช้งานจริงไว้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในเรื่องของการควบคุม ระยะทางในการหยุดรถ รวมถึงเสียงและความนุ่มเงียบ บอกไว้เลยว่าทีมวิศวกรออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆซึ่งอยู่ใน Michelin Primacy Suv เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ผู้ขับขี่สะดวกสบาย ไร้เสียงรบกวน รวมถึงควบคุมรถได้ง่ายและปลอดภัย
Michelin Primacy Suv มีให้เลือกใช้กับล้อขอบ 15-18 นิ้ว พร้อมตัวเลือกถึง 9 ขนาด ตั้งแต่ 205/70 R15 จนถึง 265/60 R18 ในราคาเริ่มต้นเส้นละ 3,650 บาท