Mitsubishi Pajero Sport 2019 พีพีวีที่ได้รับการปรับปรุงในรูปแบบ Minorchange ล่าสุด ที่มาพร้อมการเติมเต็มอุปกรณ์และตัวช่วยการขับขี่ที่ทันสมัย ซึ่งท้าทายการจัดหนักกับบททดสอบเพื่อสัมผัสฟีเจอร์ที่หลากหลาย และตัวช่วยการขับขี่อย่างระบบ Super Select 4WD II บนเส้นทางออฟโรดในป่าแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
หลังจากที่ บริษัท มิตซูบิชิ ประเทศไทย จำกัด ได้ทำการเปิดตัว Mitsubishi Pajero Sport ไปเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งทาง www.autoworldthailand.com ได้นำเสนอถึงการเปลี่ยนแปลงของรถยนต์รุ่นนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยและการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มีอะไรสามารถรับชมได้ที่ลิงค์ https://www.autoworldthailand.com/mitsubishi-pajero-sport-2019/
ถึงเวลาของการทดสอบสมรรถนะเพื่อสัมผัสกับฟีเจอร์ใหม่ๆและลองใช้งานตัวช่วยบนเส้นทางลุยอย่างระบบ Super Select 4WD II เพื่อทำกิจกรรมสร้างโป่งเทียมให้กับสัตว์ป่า บริเวณห้วยคมกฤต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอช.แก่งกระจาน
เริ่มต้นการเดินทางกันที่ถนนสาธร ออกไปยังถนนพระราม 2 และตัดเข้าอช.แก่งกระจานตามเส้นทางอ.หนองหญ้าปล้อง ก่อนเข้าสู่เส้นทางลุย
มาดูฟีเจอร์ตามการใช้งานจริงกันก่อน ในส่วนของตำแหน่งผู้ขับขี่มีการขยายให้กว้างขึ้นประมาณ 105 มม. ทำให้หัวเข่าและข้อศอกมีพื้นที่กว้างและสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม สวิตช์ควบคุมกระจกไฟฟ้าในตำแหน่งของผู้ขับขี่นั้นสามารถควบคุมกระจกทั้ง 4 บาน ในรูปแบบออโตเมติก ซึ่งจะควบคุมได้จากตำแหน่งผู้ขับขี่เท่านั้น
ฝาท้ายแบบ Hand Free เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์มาใหม่ นอกจากเปิดด้วยการใช้ขาสั่งการตรงไปยังเซ็นเซอร์ใต้มุมกันชนทั้งซ้ายและขวา ยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบ M Connect ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นในการเปิด-ปิด ฝาท้ายจากสมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถดาว์นโหลดฟีเจอร์นี้ได้ทั้งระบบ Android Auto และ IOS
สำหรับ M Connect ยังมีคุณสมบัติเด่นมากมายทั้งการค้นหาตำแหน่งของรถ รวมถึงแจ้งเตือนการทำงานของระบบต่างๆ อาทิ อัตราบริโภคเชื้อเพลิง,ระยะการเดินทาง และหากไฟส่องสว่างยังไม่ได้รับการปิดสวิตช์ แอพพลิเคชั่นนี้ก็จะมีการแจ้งเตือน ทั้งยังสามารถตรวจสอบสถานะของรถ รวมถึงติดต่อไปยังศุนย์บริการรวมถึงหน่วยกู้ภัยหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
ชุดมาตรวัดก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กันเพราะเป็นหน้าจอแอลซีดีขนาด 8 นิ้วปรับการแสดงได้ถึง 3 รูปแบบ และยังสามารถแสดงการทำงานของวิทยุและเนวิเกเตอร์ซึ่งมีทีเด็ดคือสัญญาณเตือนกล้องตรวจจับความเร็วซึ่งติดตั้งบนถนนหลวงทุกเส้นทางทั่วไทย
จอทัชสกรีนบริเวณคอนโซลกลางขนาด 8 นิ้วนอกจากแสดงการทำงานของวิทยุและเนวิเกเตอร์ ยังทำหน้าที่เป็นมอนิเตอร์ของระบบกล้องมองภาพ 360 องศา ซึ่งแสดงภาพได้สมจริง ฟีเจอร์นี้จะลิงค์ไปกับระบบ M Connect ซึ่งสามารถแสดงภาพได้ที่สมาร์ทโฟนอีกด้วย
จอโทรทัศน์ด้านบนหลังคาบริเวณที่นั่งผู้โดยสารแถวที่ 2 เป็นขนาด 12.1 นิ้ว รองรับทั้ง HDMI และ USB รวมถึงสามารถลิงค์ภาพหน้าจอจากสมาร์ทโฟนมาแสดง และยังสามารถแยกส่วนของเสียงเพื่อการรับชมแบบส่วนตัวโดยมี หูฟังและรีโมทคอนโทรลติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อให้ผุ้ขับขี่มีสมาธิมากที่สุด
ฟีเจอร์ต่างๆที่เกริ่นนำไว้คร่าวๆเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ที่เพิ่มเติมในโมเดลนี้ แต่การใช้งานจริงยังสามารถสัมผัสถึงความแตกต่างของการควบคุมเมื่อเทียบกับโมเดลปี 2018 ซึ่งสมรรถนะการยึดเกาะถนนนั้นมีการปรับแต่งในส่วนของสปริงและน้ำมันในกระบอกโช๊คอัพใหม่ ทำให้การยึดเกาะถนนนั้นแน่น หนึบ กว่ารุ่นเดิมที่ค่อนข้างนุ่ม
ด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์Mivec Clean Diesel ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาทีทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะพร้อม Sport Mode และ Paddle Shift ทำงานราบลื่นและนุ่มนวล แต่ในส่วนของระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยนั้นมีขนาดเล็กและไม่หมุนตามพวงมาลัยการเปลี่ยนเกียร์ในขณะที่หมุนพวงมาลัยนั้นลำบากไปสักนิด
มาถึงการเข้าพื้นที่ทุรกันดาร ซึ่งระบบ Super Select 4WD II จะเข้ามามีบทบาทสำคัญเนื่องจากเป็นระบบอัจฉริยะที่จะปรับรูปแบบการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ และระบบขับเคลื่อนตามสภาพเส้นทาง ซึ่งมีให้เลือกมากมายทั้ง Gravel ในรูปแบบของทางลูกรัง, Sand สำหรับทางทรายที่มีสภาพพื้นผิวร่วนซุย,Mud/Snow สำหรับทางหิมะหรือโคลนที่ต้องการแรงบิดสูงจากเครื่องยนต์ และ Rock ซึ่งเป็นเส้นทางการปีนหิน
ระบบขับเคลื่อนให้เลือกถึง 4 รูปแบบ เริ่มจาก 2WD หรือระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง ใช้ขับเคลื่อนในการใช้งานทั่วไป
4H หรือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ เหมาะสำหรับการเดินทางที่ต้องการเพิ่มการยึดเกาะถนนหรือขับขี่ในขณะที่เส้นทางเปียก ลื่น
4HLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ถ่ายทอดกำลังโดยมีระบบ Center Differential Lock ทำหน้าที่ส่งกำลังไปยังล้อหน้าและหลังแบบ 50/50
4 LLC ระบบนี้ Center Differential Lock ยังคงทำหน้าที่ในการถ่ายกำลังแต่จะเพิ่มอัตราทดให้สูงขึ้น สำหรับสภาพทางโหด มีโคลน เนินสลับและมีความลาดชันมากๆ
สภาพเส้นทางจากปากทางบริเวณอช.แก่งกระจานไปยังปลายทางที่ห้วยคมกฤษ ระยะทางประมาณ 30 กม. แต่ต้องใช้เวลาเดินทางร่วมชั่วโมงเนื่องจากสภาพทางเป็นแบบอ๊อฟโรด หนำซ้ำยังมีเม็ดฝนโปรยปรายตลอดเส้นทาง แน่นอนว่าการเดินทางบนเส้นทางทุรกันดานแบบนี้กว่าจะผ่านไปได้ต้องทุลักทุเลขึ้นเป็นเท่าตัว
ฝนที่ทำหน้าที่ชะล้างหน้าดินบนสภาพเส้นทางออฟโรดแบบนี้ ทำให้ดินอุ้มน้ำและบางช่วงยังกลายสภาพเป็นโคลน ลำห้วยกว้างประมาณ 10 ม.หลายแห่งที่ได้เดินทางผ่าน ได้เพิ่มระดับน้ำให้สูงและมีความเชี่ยวกราดยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
ระบบขับเคลื่อน 2H ซึ่งถูกเปลี่ยนให้เป็น 4H และมีความจำเป็นที่จะต้องปรับเป็น 4HLc เนื่องจากสภาพพื้นดินตามภาษาชาวบ้านที่เรียกว่า “ดินหนังหมุ” มีระยะทางยาวขึ้นกว่าเดิม โหมดนี้ระบบจะปรับเปลี่ยนมาที่ Gravel ซึ่งทำงานอัตโนมัติ ทำให้ผ่านพ้นเส้นทางแบบนี้ไปได้อย่างไม่ยากเย็น
แต่สถานการณ์บางช่วงนั้นสาหัสเกินกว่าที่จะใช้งาน 4HLc เพราะฉะนั้น ถึงเวลาที่ 4LLc ต้องเป็นระบบขับเคลื่อนหลัก สภาพเส้นทางที่เป็นโคลนเหลว เรียกว่าลงเดินยังลำบาก โหมดการขับขี่อย่าง Mud/Snow ถูกเรียกมาใช้งาน โดยก่อนที่จะเข้าระบบต้องหยุดรถก่อนทุกครั้ง และควรใช้ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม.เพื่อเป็นการรักษาฟันเฟืองที่อยู่ในเกียร์ฝาก เนื่องจากมีการถ่ายเทกำลังและเพิ่มอัตราทดให้สูงขึ้น
การขับขี่ในรูปแบบนี้นอกจากห้ามใช้คันเร่งรุนแรง การควบคุมพวงมาลัยต้องคอยหักไปมา เพื่อให้หน้ายางได้สัมผัสกับพื้นผิวได้มากที่สุด การเดินทางในรูปแบบคาราวานแบบนี้ดีอย่างคือหากใครติดหล่มก็จะมีคนคอยช่วยเหลือ และคันหน้าก็จะเปิดเส้นทางให้คันต่อไปได้ขับขี่ตามไลน์เดิม ถ้าผู้ขับขี่ควบคุมคันเร่งให้เนียน ระบบขับเคลื่อนก็จะทำหน้าที่ของมันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
แต่ในรุ่นท๊อพ (GT Premium 4WD) ยังมีอาวุธลับอย่าง Rear Differential Lock ที่คอยทำหน้าที่ในการล๊อกเฟืองท้าย พูดง่ายว่าหากล้อฝั่งหนึ่งลอย ระบบก็จะทำหน้าที่ส่งกำลังเครื่องยนต์ไปเท่ากัน ซึ่งปกติกำลังของเครื่องยนต์จะถูกถ่ายเทไปยังล้อฝั่งที่ลอยมากกว่าฝั่งที่ติดพื้น แต่การเดินทางในครั้งนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อาวุธลับนี้
การเดินทางสร้างโป่งเทียมให้กับสัตว์ป่าในอช.แก่งกระจานก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แม้สภาพเส้นทางจะทุลักทุเลและตื่นตาตื่นใจขนาดไหน Mitsubishi Pajero Sport 2019 ก็ยังเป็นพาหนะที่นำพาคาราวานบุญไปได้ตลอดลอดฝั่ง และภารกิจลุยหนักก็ปิดทริพได้อย่างปลอดภัย
บทสรุปของการพิสูจน์สมรรถนะของ Mitsubishi Pajero Sport 2019 นอกจากการเพิ่มเติมในส่วนของฟีเจอร์การใช้งานที่เรียกได้ว่าระบบต่างๆนั้นมาเต็มอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ด้านของ Super Select 4WD II เรียกได้ว่าเป็นระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะที่ทำให้การเดินทางในครั้งนี้ไปได้และกลับถึง แม้สภาพเส้นทางจะสาหัสกว่าที่คิด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับรถคันนี้ ส่วนการติติงมีเพียงเล็กน้อยในเรื่องของแพดเดิลชิฟท์ที่มีขนาดเล็กและไม่หมุนตามพวงมาลัย รวมถึงกระจกไฟฟ้าที่ควรเป็นแบบอัตมัติทั้ง 4 บาน
ข้อมูลทางเทคนิค: Mitsubishi Pajero Sport GT Premium 4WD
เครื่องยนต์: Mivec Clean Diesel Turbo Commonrail
ความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.): 2,442
กำลังสูงสุด (แรงม้า ที่ รอบ/นาที): 181/3,500
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร ที่รอบ/นาที): 430/ 2,500
ระบบส่งกำลัง: อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อม Sport Mode และ Paddle Shift
ระบบขับเคลื่อน: สี่ล้อ พร้อมระบบ Super Select 4WD II
ระบบกันสะเทือน(หน้า/หลัง): ดับเบิลวิชโบน /ทรีลิงค์ ทอล์คอาร์ม
เบรก(หน้า/หลัง): ดิสก์/ดิสก์
ยาว/กว้าง/สูง(มม.): 4,785×1,815 x1,805
ราคา (บาท): 1,599,000
ตัวแทนจำหน่าย: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด