เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เข้าร่วมการประชุมระดับอาเซียนของกรมสรรพสามิต “The ASEAN Director-General Meeting on Digital Technologies to Enhance Excise Tax Administration and Moving Forward to Carbon Neutrality” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดเก็บภาษีสรรพสามิต การยกระดับและส่งเสริมการลดปริมาณคาร์บอนเพื่อก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยกรมสรรพสามิตของประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมและมีอธิบดีและรองอธิบดีที่กำกับดูแลหน่วยงานด้านสรรพสามิตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรวมถึงผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน
มร. เป่า จ้วงเฟย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า “มาตรการส่งเสริมของภาครัฐเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในแต่ละประเทศเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีกรมสรรพสามิตเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญต่อการกำหนดมาตรการสนับสนุนดังกล่าว การเข้าร่วมการประชุมระดับอาเซียนของกรมสรรพสามิตในครั้งนี้จะทำให้ NETA ได้รับทราบแนวทางและวิสัยทัศน์การดำเนินงานของกรมสรรพสามิตของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนเพื่อนำมากำหนดแผนการดำเนินงานของ NETA ให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในแต่ละประเทศ และเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนของกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน”
NETA เริ่มทำตลาดในอาเซียนอย่างเป็นทางการด้วยการแนะนำ NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในสไตล์ City car ในประเทศไทยเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาและเปิดตัว NETA U รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ SUV ในประเทศลาวเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคในประเทศ และมีแผนแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้เกียรติชมและสัมผัสนวัตกรรมของ NETA U)
โดยภายในงาน NETA ได้นำทั้ง NETA V และ NETA U ซึ่งเป็นรุ่นสำหรับทำตลาดในประเทศกลุ่มอาเซียนมาร่วมจัดแสดงเพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้มีโอกาสสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าจาก NETA อย่างใกล้ชิด ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างดีจากตัวแทนของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง NETA U โดยคาดหวังให้ NETA แนะนำรุ่นดังกล่าวสู่ตลาดอาเซียนเพื่อเพิ่มความหลากหลายของยานยนต์ไฟฟ้าและเป็นทางเลือกที่น่าสนใจให้กับผู้บริโภคในภูมิภาคดังกล่าว
“เราพร้อมสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชนในการสร้างการเติบโตให้กับตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วทุกมุมโลกได้รับประโยชน์สูงสุดจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ” มร.เป่า จ่วงเฟย กล่าว