Sunday, December 22, 2024
HomeAuto TestTest DriveNew Ford Focus 1.5L Ecoboost Turbo Sport(ภาพ+วีดีโอ) แฮทแบครูปลักษณ์ใหม่ มาพร้อมความแรง อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ

New Ford Focus 1.5L Ecoboost Turbo Sport(ภาพ+วีดีโอ) แฮทแบครูปลักษณ์ใหม่ มาพร้อมความแรง อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ

New Ford Focus 1.5L Ecoboost Turbo Sport รถเด่นที่ถือเป็นประเด็นร้อนกับกระแสแรง ซึ่งได้พัฒนาเพื่อนำมาสู่การปรับเปลี่ยนเป็นครั้งที่ 5 หลังจากโมเดลแรกขึ้นแท่นการผลิตในปี 1998 การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ได้มาซึ่งรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว พร้อมสมรรถนะเร้าใจแต่ยังคงไว้ในเรื่องของความประหยัด รวมถึงเทคโนโลยีอัจฉริยะอีกมากมายที่ต่อยอดมาจากระบบ Active Park Assist ที่โด่งดังจากอดีตสู่ปัจจุบัน

หลายคนกำลังจับตามองความเคลื่อนไหวของรถยนต์จากค่ายฟอร์ดว่าจะมาสร้างกระแสอะไรให้กับวงการยานยนต์ และ New Ford Focus 1.5L Ecoboost Turbo Sport จะให้ความคุ้มค่าขนาดไหน www.autoworldthailand.com นำคำตอบมาให้ทุกท่านพิจารณาครับ

 

New Ford Focus 1.5L Ecoboost Turbo Sport ใช้เวทีแจ้งเกิดในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ด้วยรูปลักษณ์สไตล์แฮทช์แบค 5 ประตู โฉบเฉี่ยว โดดเด่น และดูทันสมัยกว่ารุ่นก่อน โดยเน้นการออกแบบที่ปราณีต กระโปรงหน้าดีไซน์ใหม่เชื่อมต่อไปหน้ากระจังแบบสี่เหลี่ยมคางหมูอันเป็นเอกลักษณ์

ไฟหน้าดูยาวกว่ารุ่นเดิมและเรียวขึ้น มาพร้อมไฟตัดหมอกดูโดดเด่น กันชน ฝากระโปรงท้ายและไฟท้ายก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ทำให้ดีไซน์ดูแปลกตาไปกว่าเดิม ทั้งยังเติมแต่งความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลังออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์

ภายในดูแตกต่างไปจากรุ่นเดิม โดยออกแบบให้ดูเรียบง่าย ห้องโดยสารติดตั้งวัสดุซับเสียงคุณภาพสูงเพื่อความเงียบ กระจกไฟฟ้าทุกบานเป็นแบบอัตโนมัติ พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทางพร้อมปุ่มมัลติฟังค์ชั่นและระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบ Paddle Shift

เบาะนั่งหุ้มหนังแท้สีดำ มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระทั้งซ้ายและขวา จุดเด่นอยู่ที่ระบบสั่งงานด้วยเสียงเวอร์ชั่นล่าสุด SYNC 3 พร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth และ Wi-fi รองรับแอพพลิเคชั่น Apple Car Play และ Siri Eyes Free สำหรับไอโฟน รวมถึง แอนดรอยด์ ออโต้ เพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนระบบเอนดรอยด์

ไฮไลท์อันดับแรกของรถคันนี้เป็นเรื่องของขุมพลัง NEW FORD FOCUS มากับเครี่องยนต์ Ecoboost Turbo ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และ แรงบิดสูงสุดที่ 240 นิวตันเมตรที่ 1,600-5,000 รอบต่อนาทีมาพร้อมระบบส่งกำลังที่เปลี่ยนจาก Dual Cluth มาเป็นแบบอัตโนมัติ 6 จังหวะ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับปรุงนอกจากระบบเทอร์โบชาร์จและหัวฉีดแบบไดเรคอินเจคชั่น ยังมีแคมชาฟท์แบบอิสระคู่ รวมถึงในส่วนของเสื้อสูบแบบอลูมิเนียมช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มสมรรถนะให้ดียิ่งขึ้น โดยทางค่ายผู้ผลิตเคลมไว้ว่า เครื่องยนต์ตัวนี้ให้พละกำลังที่ดีกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร แถมประหยัดน้ำมันสูงสุด 14 กม./ลิตร

สมรรถนะด้านการยึดเกาะ ด้านหน้าใช้แบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบอิสระคอนโทรลเบรด มัลติลิงค์และคอยล์สปริง โดยมีล้อแมกหุ้มยางขนาด 215/50R17 ทำหน้าที่สัมผัสกับพื้นถนน

จุดเด่นต่อมาซึ่งสามารถพูดได้ว่าเป็นผู้นำเรื่องของเทคโนโลยีอัจฉริยะตัวจริง ซึ่งจะช่วยให้ทั้งความสะดวกสบายและปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนน มาดูกันเลยครับว่าระบบทำงานอย่างไรและมีอะไรน่าสนใจ

ระบบปรับสมดุลความเร็วล้อ(Torque Vectoring Control)

ทำงานโดยเบรคล้อด้านในอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง เพื่อลดอาการ Under Steer ที่มักเกิดขึ้นกับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าทำหน้าที่ควบคู่ไปกับ Traction Control เพื่อให้การบังคับควบคุมรถไปตามทิศทางที่ต้องการได้อย่างปลอดภัย

ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะแบบ ถอยเข้าซอง (Perpendicular Park Assist)

เป็นระบบที่ได้รักการพัฒนาเพิ่มเติมจาก ระบบช่วยจอดอัจฉริยะแบบเทียบข้าง (Parallel Park Assist) ใน ฟอร์ด โฟกัส รุ่นก่อน ทำงานด้วยเซ็นเซอร์แบบอัลตราโซนิคสองจุด ติดตั้งอยู่ด้านท้ายของตัวรถ ทำหน้าที่สแกนหาที่ว่างรอบๆ ตัวรถสำหรับจอด และช่วยควบคุมการหมุนพวงมาลัยเพื่อนำรถเข้าจอด โดยผู้ขับขี่เพียงควบคุมการเข้าเกียร์และเหยียบเบรค โดยไม่ต้องใช้มือบังคับพวงมาลัย

ระบบช่วยออกตัวจากช่องจอด (Park Out Assist)

ระบบนี้คอยอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่เพียงควบคุมเบรกและคันเร่ง ระบบจะควบคุมพวงมาลัยเพื่อช่วยให้ออกจากช่องจอดแบบคู่ขนาน โดยควบคุมการหมุนของพวงมาลัย เพื่อช่วยนำรถออกจากช่องจอด ในขณะที่ผู้ขับขี่ควบคุมเพียงเบรคและคันเร่งเท่านั้น

ระบบช่วยเบรกในความเร็วต่ำ (Active City Stop)

ช่วยชะลอการชน สำหรับขับขี่ในสภาวะการจราจรที่เคลื่อนตัวในความเร็วต่ำ ทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เซ็นเซอร์ที่ติดอยู่บริเวณกระจกหน้ารถช่วยตรวจจับรถด้านหน้า ในกรณีที่รถเข้าใกล้รถคันหน้าเร็วเกินไปโดยผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้ทันท่วงที ระบบจะลดแรงบิดของเครื่องยนต์และทำการเบรกอัตโนมัติเพื่อชะลอการชน

ระบบกำหนดค่าต่างๆของรถ( Mykey)

ช่วยกำหนดค่าการใช้งานต่างๆของรถ เช่น ระดับความเร็วสูงสุด และกำหนดระดับความดังจากเครื่องเสียง เพื่อป้องกันการใช้งานที่เกินความจำเป็นจากวัยซิ่งในครอบครัว

ทีนี้ก็ถึงเวลาของการทดลองขับกับกิจกรรมการทดสอบ New Ford Focus 1.5L Ecoboost Turbo Sport ซึ่ง บริษัท ฟอร์ด ประเทศไทย จำกัด ได้จัดขึ้นเพื่อสะท้อนการใช้งานจริง ช่วงทดสอบแรกอยู่ใน สนามแข่งพีระ เซอร์กิต โดยแบ่งออกเป็น 3 สถานี

Torque Vectoring Control

ตัวช่วยการขับขี่สัมผัสได้จากการลองของในสนามแข่ง

เริ่มกันด้วยการทดลองระบบ Torque Vectoring Control โดยใช้การทดสอบในสนามแข่งซึ่งทีมผู้จัดงานได้ใช้ไพลอนบังคับรูปแบบเส้นทางเพื่อได้ทดลองระบบกันอย่างจริงจัง ระบบนี้มีการเบรคล้อฝั่งด้านในเพื่อลดการเกิดอาการ Understeer จากเซ็นเซอร์อัตโนมัติในการจับมุมล้อและประมวลผลจากพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า ทำให้เข้าโค้งได้ง่ายขึ้นจนสัมผัสได้อย่างชัดเจน

ในส่วนของการยึดเกาะ ช่วงล่างที่ติดตั้งมากับ New Ford Focus 1.5L Ecoboost Turbo Sport ให้การยึดเกาะที่ดี ไม่ถึงกับแข็งกระด้าง แต่ก็ยังให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลไปสักนิดเมื่อต้องเติมคันเร่งออกจากโค้งแบบรวดเร็วตามสไตล์การขับขี่ในสนามแข่ง

ระบบ Torque Vectoring Control จะทำหน้าที่ได้ดีในทุกย่านความเร็วรวมถึงทุกองศาในการหักพวงมาลัย หากใช้ความเร็วเกินหรือไม่สัมพันธ์กับการหักเลี้ยวพวงมาลัย ก็ใช่ว่าเซนเซอร์จะหยุดล้อให้กลับมาในทิศทางที่ต้องการ ในส่วนนี้ผู้ขับขี่จะต้องใช้วิจารณญาณในการขับขี่ด้วยเช่นกัน

ช่วงทางตรงของสนามพีระฯ ได้มีการนำไพลอนไปวางในรูปแบบสลาลอม เพื่อทดลองความแม่นยำของพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (Electric Power Assisted Steering – EPAS) ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของรถคันนี้ เพราะให้การบังคับควบคุมที่แม่นยำและเมื่อรวมกับระบบ Torque Vectoring Control ส่งผลให้การบังคับควบคุมเป็นไปตามทิศทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Active Park Assist

หลากรูปแบบกับระบบช่วยจอดอัจฉริยะ

ระบบช่วยจอดอัจฉริยะที่ได้รับชมจากภาพเคลื่อนไหวด้านบน อาทิ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะแบบเทียบข้างและถอยเข้าซอง รวมถึงระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ ระบบทั้งหลายเหล่านี้ได้รับการพัฒนาจาก ฟอร์ด โฟกัส รุ่นก่อนที่มีเพียงการถอยจอดแบบเทียบข้าง

มีทั้งระบบช่วยจอดแบบถอยเข้าซอง Perpendicular Park Assist และ ระบบช่วยออกตัวจากช่องจอด (Park Out Assist) ซึ่งผู้ขับขี่ไม่ต้องบังคับหรือควบคุมพวงมาลัยแต่อย่างใด เพียงแค่กดสวิทช์ควบคุม เข้าเกียร์และหยุดรถ ระบบจะทำการค้นหาช่องจอดให้อัตโนมัติพร้อมกับควบคุมพวงมาลัยเพื่อให้รถเข้าในพื้นที่จอดได้อย่างแม่นยำ โดยแสดงการทำงานไปที่จอทัชสกรีนที่อยู่บริเวณคอนโซลกลาง

จากการที่ฟอร์ดได้พัฒนาระบบนี้ขึ้นมา ใช่ว่าผุ้ขับขี่จะไม่ต้องทำอะไรเลย อันที่จริงแล้วเซนเซอร์ที่ตรวจจับช่องจอดรวมถึงระบบสั่งการเพียงแค่ควบคุมพวงมาลัย อย่างไรก็ตามการเข้าเกียร์และเบรกผู้ขับขี่ก็ยังต้องสั่งการด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นอาจเกิดความสูญเสียและอุบัติเหตุตามมาก็เป็นได้

SYNC 3

ใช้เสียงสั่งการเพื่อความปลอดภัย

การทดสอบระบบสั่งการด้วยเสียง ซิงค์ 3(SYNC 3) ควบคุมความบันเทิงภายในรถซึ่งเชื่อมต่อกับการใช้งานโทรศัพท์มือถือด้วยคำสั่งเสียง แสดงข้อมูลผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว พร้อมปุ่มเมนูลัดที่ด้านใต้ของหน้าจอ และสามารถรองรับแอพพลิเคชั่น แอปเปิ้ล คาร์เพลย์ (Apple Car Play) และ Siri Eyes Free สำหรับไอโฟน รวมถึง แอนดรอยด์ ออโต้ (Android Auto) ที่เร็วๆ นี้จะสามารถเปิดใช้งานได้ ข้อดีนอกจากการใช้งานระบบความบันเทิงที่ลิงค์ผ่านโทรศัพท์ ยังมีผลพลอยได้จากการใช้กูเกิลแมพที่อัพเดทข้อมูลตลอดเวลา

ลองของกับการใช้งานจริง

ห้องโดยสารเงียบ เครื่องยนต์แรง อัตราเร่งดี

เสร็จจากกิจกรรมของ 3 สถานีแรก การทดสอบรูปแบบต่อไปคือการใช้งานบนถนนจริงกับระยะทางเกือบ 100 กม. ซึ่งเส้นทางที่ใช้นั้นมีทุกรูปแบบ สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนคือความเงียบของห้องโดยสารที่มาจากการใช้กระจกบานหน้าใหม่ที่มีความหนาขึ้น รวมถึงขอบยางและวัสดุซับเสียงคุณภาพสูง

ด้านของขุมพลังจากเครื่องยนต์อีโค่บูสต์ เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 180 แรงม้า พร้อมแรงบิด 240 นิวตันเมตร รวมถึงการพัฒนาระบบเกียร์แบบ Torque Converter แบบ 6 จังหวะ ต้องบอกว่าเป็นขุมพลังที่จัดจ้าน แต่เกียร์อาจจะมีรอยต่อจนทำให้รู้สึกได้ในบางขณะ ทางทีมวิศวกรของฟอร์ดจึงชดเชยด้วยการติดตั้งระบบแพดเดิลชิพท์ที่พวงมาลัย ทำให้ในด้านของการขับขี่สนุกสนาน เพลิดเพลินในแบบของเกียร์ธรรมดา ซึ่งเพียงยกคันเร่ง ระบบจะตัดการทำงานไปเป็นเกียร์อัตโนมัติอย่างรวดเร็ว

สำหรับอัตราเร่ง เครื่องยนต์รุ่นนี้มีแรงบิดถึง 240 นิวตันเมตร ที่มาตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,600-5,000 รอบ ทำได้ทันใจและไม่ต้องเป็นกังวล การควบคุมส่งผ่านมายังพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าแปรผันตามความเร็ว ทำให้บังคับไปตามทิศทางที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ

จากการที่ได้คลุกคลีกับ New Ford Focus 1.5L Ecoboost Turbo Sport เกือบหนึ่งวันเต็ม รถคันนี้มีทีเด็ดอยู่หลายด้านทั้งสมรรถนะและฟังค์ชั่นอัจฉริยะที่ติดตั้งมากับรถ มีสิ่งที่อยากให้ปรับคือระบบช่วงล่างที่อาจจะนุ่มไปสักนิดทั้งที่เป็นรถที่มีสมรรถนะสูง ทั้งนี้ทางผู้ผลิตเน้นไปสำหรับการใช้งานที่สะดวกสบาย หากสมรรถนะช่วงล่างที่กระด้างไปกว่านี้อาจจะไม่ตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มเป้าหมายก็เป็นได้ อีกเรื่องที่ผมและหลายๆคนกำลังจับตามองถึงการพัฒนาเรื่องบริการหลังการขายซึ่งตกเป็นรองคู่แข่งอีกหลายค่าย แต่นโยบายที่จะพัฒนาเริ่มเป็นนามธรรมจากหลายๆด้าน ซึ่งผู้บริหารก็ตระหนักถึงปัญหานี้อยู่พอสมควร แล้วเมื่อไหร่ที่ปัญหาเหล่านี้หมดไป ผมเชื่อว่าฟอร์ดจะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่คู่แข่งค่ายรถญี่ปุ่นมองข้ามไม่ได้แน่นอน

RELATED ARTICLES

Most Popular