บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เดินหน้าตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ส่งแคมเปญใหม่ล่าสุด “เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล พลังสั่งได้” โชว์ความแรงของน้ำมัน Shell V-Power Diesel ที่ช่วยคืนพลังให้กับรถได้ตามสั่ง พร้อมเดินหน้าทำกิจกรรมทางการตลาดเต็มรูปแบบ 360 องศา เพื่อมัดใจผู้ขับขี่เครื่องยนต์ดีเซลทั่วประเทศ
นางสาวอรอุทัย ณ เชียงใหม่ กรรมการบริหาร ธุรกิจการตลาดค้าปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า สำหรับ แคมเปญ “เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล พลังสั่งได้” นั้น เชลล์ได้ทำการสำรวจความต้องการของลูกค้า ทำให้ทราบว่า ลูกค้าที่ขับรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล รถเปรียบเสมือนพาร์ทเนอร์คู่ใจทั้งในชีวิตประจำวันและการทำงาน การเลือกน้ำมันที่ช่วยให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น ช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานยิ่งขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยเหตุนี้ เชลล์จึงนำมาเป็นแคมเปญ เพื่อให้ผู้ใช้งานรถยนต์ดีเซลเห็นถึงพลังของน้ำมัน Shell V-Power Diesel อย่างแท้จริง
หนังโฆษณา “พลังสั่งได้” เน้นสื่อสารกับผู้บริโภค ถ่ายทอดคุณสมบัติของน้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซลได้อย่างเข้าใจง่ายและชัดเจน ตอบสนองเทรนด์การบริโภคสื่อของกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนั้นยังได้ปล่อยหนังสั้นออนไลน์อย่าง “ภาษาดีเซล วันละคำ” จัดทำในรูปแบบของซีรีส์เพื่อให้ความรู้ด้านรถยนต์และเครื่องยนต์ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เชลล์ยังได้วางแผนทำกิจกรรมทางการตลาด ทั้งกิจกรรมในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ และโปรโมชั่น เพื่อเติมสุขให้ลูกค้าในทุกเส้นทางอย่างแท้จริง
ลูกค้าสามารถรับชมหนังโฆษณา “พลังสั่งได้” ได้แล้ววันนี้ ทางช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์และโทรทัศน์ และสามารถรับชมหนังสั้น “ภาษาดีเซล วันละคำ” ได้แล้วที่ https://bit.ly/2KI3few Shell LINE Official Account และทางช่องทางออนไลน์อื่นๆ สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดตามกิจกรรมของเชลล์ภายใต้แคมเปญ “เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล พลังสั่งได้” ได้ที่ www.shell.co.th
น้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล มาพร้อมเทคโนโลยีไดนาเฟล็กซ์ ช่วยกำจัดคราบตะกรันที่หัวฉีด ช่วยให้หัวฉีดสะอาด เครื่องยนต์ทำงานมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์ ลดเขม่าไอเสีย คืนพลังให้เครื่องยนต์ ด้วยอัตราเร่งแรงมากขึ้น ตอบสนองได้ดีขึ้นในทุกเส้นทาง ทำให้น้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล สามารถครองใจผู้บริโภคเป็นน้ำมันดีเซลเกรดพรีเมี่ยมที่มียอดขายอันดับ 1 (ข้อมูลของกรมธุรกิจพลังงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2562)