ต้องขอประทานโทษครับ ที่เขียนความรู้สึก ที่ได้สัมผัสกับเจ้า New MAZDA 3 2017 ให้ท่านๆทั้งหลาย ได้รับรู้ช้าไปหน่อย คือว่างาน TV ของผม มันยุ่งเอาเรื่องอยู่ เอาเป็นว่าผมมาเล่า(เขียน) แล้วท่านมาฟัง(อ่าน) ในอารมณ์ ความรู้สึก ที่ได้สัมผัสกันเลยดีกว่า
การได้เห็น New MAZDA 3 2017 ในครั้งแรก ก็ถามตัวเองว่า “เอ๊ย มันเปลี่ยนตรงไหน” เอาเป็นว่า ถ้าไม่มีตัวเก่าจอดเทียบ แทบจะบอกว่ า “ก็มันไม่เป็นเปลี่ยนอะไรนิหว่า” ก็ต้องยอมรับว่า ความรู้สึกของคนไทย มันต้องเปลี่ยนให้เห็นคาตา กระจังหน้า ไฟหน้า กันชน มันต้องเปลี่ยนทรงไปเลย “นะครับพี่”
New MAZDA 3 2017 อยู่บนหลักการออกแบบ ๆ KODO Design ทำให้รถคันนี้เปลี่ยนแปลงไปน้อยมาก ภายนอกที่เห็นชัดเจนก็คงมี ไฟหน้า พร้อมกระจัง ดูเผินๆยังไงก็เหมือนเดิม แต่การเปลี่ยนแปลงดวงไฟหน้า และกระจังหน้า ที่หักปลายแหลมๆ ส่วนปลาย V ออกรับกับไฟหน้าดวงใหม่ ทำให้รถกลับมีหลักอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมขึ้น
กระแสลมถูกจัดให้ออกไปด้านข้างของตัวรถมากขึ้น แล้วลดกระแสลมที่พุ่งขึ้นไปที่ฝากระโปรงหน้าให้น้อยลง ทำให้รถตัวนี้แหวกอากาศได้ดีขึ้น แรงกดที่ฝากระโปรงน้อยลง ก็ทำให้กำลังเครื่องยนต์ไม่ต้องไปต่อสู้กับแรงกดที่หน้ารถหนักเหมือนแต่ก่อน รถมันก็จะประหยัดเพิ่มขึ้น
ที่เห็นจะต่างก็มีชุดไฟตัดหมอกหน้า ที่ลดขนาดให้ดูน่ารัก แต่ทรงประสิทธิภาพในการส่องสว่างดีกว่าเดิมด้วยระบบ LED ถ้าปรับให้แสงมันเหลืองอีกสักนิด จะเยียมมาก มาดูด้านหลัง กันชนใหม่ ที่ดูจะมีความเป็น Sport กว่ารุ่นเดิม ไอ้เส้นสันที่เพิ่มขึ้น มันมีผลต่อระบบอากาศพลศาสตร์ทั้งนั้น สรุปง่ายๆ ภายนอกมองผ่านๆ คงด่าเอาว่า มันใหม่ตรงไหน แต่หากพิจารณาด้วยหลักอากาศพลศาสตร์ เฮ้ยมันดีขึ้นจริงๆ เพราะเสียงกระแสลมที่ปะทะตัวรถเบาลง
ในส่วนภายใน ค่อนข้างเปลี่ยนไปชัดเจน เพราะแค่เปิดประตู เข้าไป นี่มัน All New ชัดๆ อุปกรณ์ภายในปรับปรุงใหม่หมด ทั้งพวงมาลัย ที่ดู Sport มากขึ้น ขนาดกำลังพอดี ปุ่มสารพัดปุ่ม จัดวางลงตัว แต่ที่ชอบมากนั้นคือ คอนโซนกลาง ที่ตัดส่วนเท้าแขนออก แล้วใส่กรองเลียบๆที่มีฝาปิดแบบบานเลื่อนม้วน ทำให้ภายใน New MAZDA 3 2017 ดูกว้างขึ้น
วัสดุภายในดูดีขึ้นระบบ MZD Connect รู้สึกเชยๆ แม้จะเพิ่มขนาดจอ Display แต่จอใสบนคอนโซน หลังพวงมาลัย อันนี้ดี เพราะมันแสดงผลได้มากขึ้น นอกจากความเร็วรถแล้ว ยังมี Display ของระบบ Lane keeping ด้วย นอกจากนี้ยังบอกความเร็ว และระยะหางของรถ เมื่อใช้ระบบ MRCC หรือ Mazda Radar Cruise Control ซึ่งเดียวจะบอกว่ามันดีอย่างไร
อีกหนึ่งส่วนที่ชอบคือ Paddle Shift หลังพวงมาลัย ช่วยในการเปลี่ยนเกียร์ได้ง่ายขึ้น เอาเป็นว่าสรุปภายในของ New MAZDA 3 ในครั้งนี้สุดยอดจริงๆ ทำดีกว่าการเปลี่ยนแปลงภายนอกแยะ และผมก็ชอบด้วย ที่ทำข้างในดีกว่าคู่แข่งบางค่าย
เครื่องยนต์ยังคงเป็นบล็อกเดิม PE-VPS ที่เป็นเทคโนโลยี SKYACTIV G ขนาด 2.0 ลิตร GDi ให้กำลังแรงม้า 165 ตัวแรงบิด 210 นิวตันเมตร แค่นี้ก็เหลือแล้ว ระบบเกียร์เป็น SKYACTIV Drive แบบอัตโนมัติ 6 Speed ที่อัตราทดของให้อารมณ์เป็นเกียร์ธรรมดามากๆ อัตราสิ้นเปลืองประมาณ 14-15 กม./ลิตร ความเร็วปลายทะลุ 200 กม./ชม. แน่นอน
ระบบที่พัฒนาเข้ามาใหม่และมีผลต่อเครื่องยนต์นั้นก็คือ GVC หรือ G-VECTORING Control ทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพ แรงบิดของเครื่องยนต์ให้เหมาะกับสภาพเส้นทาง หากเจอสภาพเส้นทางโค้งเยอะๆ ผู้นั่งจะไม่ต้องสู้กับแรงเหวี่ยง หนีศูนย์กลาง หรือแรง G แบบแต่ก่อน
ส่วนระบบ MRCC หรือ MAZDA Radar Cruise Control จะมีเฉพาะในรุ่น Top รุ่นล่างๆ เป็น Cruise Control สำหรับ MRCC มันดีไง ก็ขอตอบว่า มันทำให้การขับรถตามๆกันไป สะดวก และปลอดภัยมากขึ้น รถคันนำขบวนวิ่ง 120 กม./ชม.รถที่ตามมา ก็ต้อง ปรับความเร็วให้เท่ากัน ถ้าค้นหน้าลดความเร็วเหลือ 100 กม./ชม. คันที่ตามมาก็จะเบาเครื่องลงเหลือ 100 แต่ถ้า 80 คันที่ตามมากก็จะเบาเครื่องยนต์ พร้อมเบรกความเร็วรถให้เท่าคันหน้าด้วย พอคันนำกลับไปที่ความเร็วเดิม เครื่องยนต์ก็จะเร่งตามคันหน้าไป แต่ก็ขอบอกว่า แม้รถจะจัดการระบบเบรกให้ แต่มันก็เป็นเพียงระบบช่วยในการเบรก มันไม่ได้เบรกเต็ม 100% อย่างไรก็ยังต้องใช้ความระมัดระวังอยู่
ไม่ว่าจะเป็นการทดลองขับทั้งในสภาพถนนธรรมดา และเส้นทางที่ทาง Mazda จัดให้ ต้องขอบอกว่า ทุกสภาพสิ่งที่ดีที่สุดที่รู้สึกได้คือ ระบบพวงมาลัย และระบบรองรับ ซึ่ง 2 ประเด็นนี้เล่นเอาผมทึ่งเลย ว่ามันไม่ใช้รถญี่ปุ่นแล้วหรือ
พวงมาลัย ที่เป็นระบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า แต่อาการ และอัตราทด ไปทางรถเยอรมันเอามากๆ ทั้งแม่นยำ ทั้งฉับไว แต่อยู่ในการควบคุมได้ตลอดเวลา ถือเป็นจุดเด่นของ New MAZDA 3
ต่อมาก็เป็นจุดเด่นที่เห็นได้ชัดเช่นกัน และผมก็ชอบมาก นั่นคือ ระบบรองรับ และกันสะเทือน แม้ทาง MAZDA จะบอกว่าเปลี่ยนอัตรา และจังหวะการทำงานของช็อกอัพฯใหม่ เพียงอย่างเดียว แต่ผมมีความเชื่อว่า มีการปรับปรุงเรื่องของบูชยาง ในส่วนของระบบรองรับด้วย เพราะหนึบ แน่น ไม่ต่างจากรถยุโรป อาการเด้งแถมเวลากระโจนจากคอสะพาน มันแทบไม่เหลือเลย ผมว่านี่แหละคือ 2 จุดเด่นที่ผมชอบที่สุดในรถคันนี้
เอาเถอะครับ นี่มันคือความรู้สึกล้วนๆ ของนักทดสอบรถคนหนึ่ง ผมชอบรถที่มีสมรรถนะใว้วางใจได้ ผมไม่ได้ต้องการ APP ที่เอามาใส่รถจนดูไร้สาระ รถที่ขับแล้วไม่เหนื่อย รถที่ขับแล้วรู้สึกปลอดภัย เพราะผมซื้อรถมาขับ ไม่ได้ซื้อรถมาเล่น line และ fb หรือมาคุยโทรศัพท์
เรียบเรียงข้อมูลและทดสอบโดย วินิจจัย ชลานุเคราะห์