Friday, November 8, 2024
HomeAuto Newsมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ผู้บุกเบิกระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า สู่รถปลั๊กอินไฮบริด

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ผู้บุกเบิกระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า สู่รถปลั๊กอินไฮบริด

ในเดือนพฤษภาคมปี 2514 หลังจากที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ได้ทำการก่อตั้งขึ้นไม่นาน ได้ทำการส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไทพ์อี12 ในรูปแบบมินิกาแวน (Minica Van) จำนวน 10 คันให้แก่ โตเกียว อิเล็กทริค ซึ่งรถดังกล่าวพัฒนาขึ้นจากรถมินิกา แวน รุ่นมาตรฐาน ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้และสามารถทำความเร็วได้ 80 กม.ต่อชม. ไม่เพียงเท่านั้น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยังได้เดินหน้านำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ มินิกา แวน (Minica Van) มินิแค็บ แวน (Minicab Van) กระบะมินิแค็บ (Minicab Truck) และเดลิกา แวน (Delica Van) ให้แก่บริษัทพลังงานไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานสู่การบุกเบิกตลาดและก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส

จากการดำเนินการวิจัยพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 4 ทศวรรษ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส จึงได้ทำการเปิดตัว มิตซูบิชิ ไอ มีฟ (Mitsubishi i-MiEV) รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกที่จำหน่ายในเชิงพาณิชย์ มิตซูบิชิ ไอ มีฟ ขับเคลื่อนโดยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ สามารถคว้ารางวัล “รถยนต์ที่มีนวัตกรรมเทคโนโลยีดีเด่น” (Most Advanced Technology) จากการประกาศรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2552 – 2553 ของญี่ปุ่น (2009-2010 Car of the Year Japan) พร้อมกับกวาดรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย

ในช่วงเวลาเดียวกัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้เริ่มดำเนินการโครงการพัฒนาเทคโนโลยีด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าผสานเข้ากับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการพัฒนารถออฟโรดและรถอเนกประสงค์ระดับตำนาน ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาในเมืองโอกาซากิ ใกล้กับจังหวัดนาโงย่า เพื่อพัฒนารถอเนกประสงค์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยได้มีการนำข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากเทคโนโลยีของ มิตซูบิชิ ไอ มีฟ ซึ่งรวมถึงระบบปฏิบัติการที่ล้ำสมัย “มีฟ โอเอส” (MiEV OS) พัฒนาต่อยอดขึ้นเป็นยนตรกรรมต้นแบบ มิตซูบิชิ คอนเซ็ปต์ พีเอ็กซ์ มีฟ (Mitsubishi Concept PX-MiEV)  เผยโฉมครั้งแรกในโลกที่ โตเกียว มอเตอร์โชว์ ปี 2552 และตามมาด้วย มิตซูบิชิ คอนเซปต์ พีเอ็กซ์ มีฟ 2 (Mitsubishi Concept PX-MiEV II)

ขณะเดียวกันก็ได้ดำเนินการทดสอบระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริดหรือพีเอชอีวีที่ติดตั้งในรถอเนกประสงค์ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ เจนเนอเรชั่นที่สอง เป็นระยะทางหลายแสนกิโลเมตรอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงงานปารีส มอเตอร์โชว์ ในปี 2555 โครงการดังกล่าวก็ได้รับการเปิดเผย เมื่อ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี (Mitsubishi Outlander PHEV) ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลก ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีมอเตอร์คู่ โดดเด่นและเหนือกว่าเทคโนโลยีระบบปลั๊กอินไฮบริดของคู่แข่งอื่นๆ ด้วยโครงสร้างระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า (คันเร่งไฟฟ้าและไม่มีชุดเกียร์) แทนที่จะเป็นการติดตั้งแบตเตอรี่และมอเตอร์บนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีอยู่เดิม

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี คือเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน Super-All Wheel Control (S-AWC) อันเป็นเอกลักษณ์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ระบบขับเคลื่อน S-AWC พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีระบบขับเลื่อน 4 ล้อ ที่มีพัฒนาการมาอย่างยาวนานกว่า 80 ปี S-AWC ควบคุมการขับขี่และแรงเบรกของแต่ละล้อผ่านการกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง รวมถึงล้อซ้ายและล้อขวา มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ไม่ใช้เพลากลางแบบดั้งเดิม แต่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว ติดตั้งที่ด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อส่งเสริมการทำงานของระบบขับเคลื่อน S-AWC

       

มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ คือ โหมด “EV” ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและพลังงานจากแบตเตอรี่เท่านั้น โหมด “Series Hybrid” ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำหน้าที่เป็นแหล่งกำเนิดพลังงาน และโหมด “Parallel Hybrid” ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และมีมอเตอร์ช่วยทำงาน เทคโนโลยีการขับเคลื่อนทั้งหมดมอบอัตราเร่งที่ต่อเนื่อง เงียบและมีคุณภาพการขับขี่ที่เหนือชั้น

มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ 2 ประเภท คือการชาร์จไฟฟ้าปกติด้วยระบบไฟ 230V 10A ใช้เวลา 5.5 ชั่วโมงสำหรับการชาร์จไฟให้เต็มแบบปกติ ขณะที่การชาร์จไฟแบบควิกชาร์จ (CHAdeMO) ใช้เวลา 25 นาทีสำหรับการชาร์จไฟให้ถึงระดับร้อยละ 80* (*) สำหรับรุ่นที่จำหน่ายในยุโรป

ล่าสุดได้เปิดตัว มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ใหม่ ที่งาน เจนีวา อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ปี 2561 โดยรุ่นล่าสุดนี้โดดเด่นด้วยกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ รวมไปถึงส่วนของกระจัง ไฟหน้า กันชนหลัง และล้ออัลลอย พร้อมความประณีตอีกขั้นของภายในห้องโดยสาร พร้อมกันนี้เทคโนโลยีระบบปลั๊กอินไฮบริดยังได้รับการยกระดับด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แบบ Atkinson Cycle ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าและการทำงานของมอเตอร์หลังให้มีกำกลังมากขึ้น อีกทั้งยั้งมีการเพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ และพัฒนาระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ S-AWC ที่มีเทคโนโลยีมอเตอร์คู่ให้มีศักยภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มอีกสองโหมดการขับขี่ใหม่ คือ ”Sport” และ ”Snow” ขณะที่การกระจายแรงบิดล้อหน้าและล้อหลัง ตลอดจนการควบคุมมอเตอร์หน้าและหลังยังได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวล้ำซึ่งพลิกโฉมการใช้งานยานยนต์ได้อย่างแท้จริง โดยนอกจากจะเป็นเทคโนโลยีการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังตอบโจทย์ต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมได้แม้ขณะจอด ด้วยฟังก์ชั่นชาร์จและปล่อยประจุไฟฟ้า มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี จึงสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าสู่บ้านเรือน (V2H) และกลับคืนสู่โครงข่ายไฟฟ้า (V2G) ได้อีกด้วย โดยการจ่ายพลังงานไฟฟ้าดังกล่าวสามารถช่วยลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงที่มีความต้องการไฟฟ้าสูง และยังช่วยลดค่าไฟฟ้าในครัวเรือนอีกด้วย

ที่งาน เจนีวา อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ปี 2562 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ได้นำเสนอ เดนโด ไดร์ฟ เฮาส์ (DENDO DRIVE HOUSE) นวัตกรรมเพื่อการใช้พลังงานไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี V2X ที่ใช้พาหนะเป็นแหล่งจ่ายพลังงานได้สำหรับทุกสิ่ง ทั้งนี้ กลยุทธ์การพัฒนาเทคโนโลยียนตรกรรมไฟฟ้าของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส นอกจากจะขับเคลื่อนแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้มุ่งสู่ความสำเร็จใหม่ๆ ในชีวิตแล้ว เทคโนโลยีอันก้าวล้ำยังครอบคลุมถึงการใช้ชีวิตอย่างครบวงจร ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพให้ขับขี่ได้เป็นระยะทางที่ไกลยิ่งขึ้น ตลอดจนนำมาซึ่งความยั่งยืนด้านพลังงานสำหรับที่พักอาศัยและชุมชนอีกด้วย

RELATED ARTICLES

Most Popular