All New Honda Accord ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานที่หรูหรามาพร้อมขุมพลัง 2 รูปแบบ ได้แก่ เครื่องยนต์ Di-VTEC Turbo ขนาด 1.5 ลิตร 190 แรงม้า และ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร I-VTEC ติดตั้งระบบ Sport Hybrid i-MMD ให้กำลังสูงสุด 215 แรงม้า พร้อม Honda Sensing ที่ครบครันยิ่งกว่าเดิม ตั้งราคาจำหน่ายไว้ไม่เกิน 1.5-1.8 ล้านบาท
ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว All New Honda Accord ก้าวสู่เจนเนอเรชั่นที่ 10 ในรอบสื่อมวลชนเป็นที่เรียบร้อย หลังจากเจนเนอเรชั่นที่ 9 ทำตลาดในเมืองไทยด้วยเวลารวม 6 ปีเต็ม การพัฒนาตามคอนเซ็ปต์ “ก้าวข้ามทุกข้อจำกัดด้วยการท้าทายความเชื่อและขอบเขตเดิม” ไม่ถือเป็นเรื่องง่ายที่ผู้ออกแบบจะแก้ไข ปรับปรุง และเติมเต็ม เพื่อยังคงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแห่งยนตรกรรมยุคใหม่ ซึ่งหากนำมาเปรียบกับเจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา นั้นมีการเปลี่ยนในรูปแบบของคำว่า “All New” อยู่หลายด้าน ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกัน
All New Honda Accord ปฏิวัติดีไซน์จากทุกรุ่นที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ด้วยการผสานความหรูหราสง่างามกับความสปอร์ตไว้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยเส้นสายที่ปราดเปรียวและโฉบเฉี่ยว สะท้อนความหรูหราและสปอร์ตมากกว่าเดิม และเป็นครั้งแรกกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ที่เรียกว่า Laser Blaze ในการออกแบบตัวถัง เพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคารถและตัวถัง มิติตัวรถถูกปรับขนาดใหม่หมดด้วยความยาว 4,920 มม. กว้าง 1,860 มม. และสูง 1,450 มม. ส่วนระยะฐานล้อ 2,830 มม.
ในขณะที่ Honda Accord เจนเนอเรชั่นที่ 9 มีความยาว 4,930 มม. กว้าง 1,850 มม. สูง 1,465 มม. และ ระยะฐานล้อมีความกว้าง 2,775 มม. ซึ่งหากนำมาเทียบกันจะมีตัวถังที่สั้นลง 10 มม. แต่กว้างขึ้น 10 มม. และเตี้ยลง 15 มม. รวมถึงมีระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น 55 มม.
All New Honda Accord มาพร้อมกระจังหน้าโครเมียมที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED โดดเด่นด้วยไฟท้ายดีไซน์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ แบบ LED พร้อมด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ตขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น 1.5 Di-VTEC และขนาด 18 นิ้ว ในรุ่น Hybrid
จากการขยายฐานล้อให้กว้างขึ้นเพื่อความโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียว ส่งผลให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขึ้น มีพื้นที่ Leg Room ทั้งหน้าและหลังที่ยาวขึ้น ทั้งยังยกระดับการเก็บเสียงด้วยการใช้สเปย์โฟมถึง 10 จุด พร้อมติดตั้งระบบ ระบบควบคุมเสียงรบกวน (Active Noise Control-ANC)
ห้องโดยสารของ All New Honda Accord ใช้โครงสร้างเป็นเส้นแนวนอน เพื่อทำให้บริเวณคอนโซลกลางโปร่งโล่ง ซึ่งจะมอบทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ ผสมผสานความสปอร์ตและพรีเมียมพร้อมด้วยฟังก์ชั่นและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า (Head Up Display : HUD) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start)
All New Honda Accord มาพร้อม 2 ขุมพลังขับเคลื่อน อันดับแรกตามเทรนโลกในรูปแบบของ “Downsizing” ด้วยคุณสมบัติของเครื่องเล็ก แรง และ ประหยัด จากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 243 นิวตันเมตร เทคโนโลยีไดเรคอินเจคชัน (Direct Injection) และเทอร์โบชาร์จเจอร์ (Turbocharger) ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT เคลมอัตราสิ้นเปลืองไว้ที่ 16.4 กม./ลิตร และให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร แต่ประหยัดมากกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรในรุ่นเดิม โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรองรับน้ำมัน E85 ได้อีกด้วย
อีกหนึ่งรูปแบบเป็นระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ซึ่งเป็นการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร DOHC i-VTEC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 145 แรงม้า ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว ให้กำลัง 184 แรงม้า พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน โดยสามารถสร้างกำลังได้รวม 215 แรงม้า
ระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) มีความสามารถในการปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างอัจฉริยะ เพื่อตอบสนองทุกการขับขี่ ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode)
โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode)
โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
และยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Drive Mode) โดยระบบ Sport Hybrid i-MMD ใหม่ เป็นระบบ Full Hybrid ที่ให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 24.4 กม./และติดตั้งชุดแบตเตอรี่ไว้ใต้เบาะนั่งด้านหลัง ทำให้พื้นที่ท้ายรถกว้างขวางขึ้นอย่างชัดเจน
เหนือระดับไปอีกขั้นของ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ “ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง” (Honda SENSING) ซึ่งมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถ รวมถึงเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนในทุกการเดินทาง ได้แก่
ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยจัดเต็มในระดับพรีเมียม อาทิ
ระบบกล้องส่องภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System)
ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System)
ระบบเตือนเมื่อรถยนต์เคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor)
All New Honda Accord มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีใหม่ สีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) มาพร้อมสีภายในห้องโดยสาร 3 สี ได้แก่ สีไอวอรี่เบจ สีดำ และสีน้ำตาล (เฉพาะรุ่น HYBRID TECH) ซึ่งขึ้นอยู่กับสีตัวรถภายนอก
ราคาจำหน่าย แบ่งออกเป็น 3 รุ่น
รุ่น HYBRID TECH ราคาไม่เกิน 1,800,000 บาท
รุ่น HYBRID ราคาไม่เกิน 1,650,000 บาท
รุ่น TURBO EL ราคาไม่เกิน 1,500,000 บาท
ทั้งนี้ ฮอนด้า ออโตโมบิลส์ ประเทศไทย จะประกาศราคาอย่างเป็นทางการพร้อมวางจำหน่าย Honda Accord ใหม่ ในเดือน พฤษภาคมนี้ แต่สำหรับแฟนพันธุ์แท้ สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ภายในงาน บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายนนี้ ที่อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี