Wednesday, October 9, 2024
HomeAuto Testทดลองขับ: “NEW MG 3” ขับสนุก ปรับลุคส์สดใส มากับฟังค์ชั่นทันสมัย ใช้งานสะดวก (ภาพ+คลิปวีดีโอ)

ทดลองขับ: “NEW MG 3” ขับสนุก ปรับลุคส์สดใส มากับฟังค์ชั่นทันสมัย ใช้งานสะดวก (ภาพ+คลิปวีดีโอ)

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=iI5w9ARX93s[/embedyt]

แฮทช์แบคกลุ่ม Sub Compact B-Segment ปรับโฉมเพื่อความโฉบเฉี่ยว ภายในใช้วัสดุมีระดับ มากับฟังค์ชั่นอัจฉริยะ I-Smart ปรับแต่งขุมพลังให้สนองต่อการใช้งานได้ดีขึ้นจากเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 112 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดถึง 150 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบทอลค์คอนเวอร์เตอร์ 4 จังหวะพร้อมแมนนวลโหมด ซึ่งทำงานร่วมกับระบบช่วงล่าง Euro Tunning Suspention ขับสนุกสไตล์แน่น หนึบ

17,000 คัน ถือเป็นตัวเลขการันตีจากยอดจำหน่ายที่ค่อนข่างประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงของ MG 3 ซึ่งวางจำหน่ายในประเทศไทยไปเมื่อปี 2014 การกลับมาในครั้งนี้ New MG 3 ได้รับการปรับแต่งใหม่ในสไตล์ Face Lift มาพร้อมกับนิยาม “WE ARE FUN” หรือมองโลกให้สนุกทุกเส้นทาง โดยได้รับการสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด Brit Dynamic มาดูกันว่าสมรรถนะของรถคันนี้ จะโดดเด่น และสนุกจริงอย่างที่ว่าหรือไม่ Autoworldthailand มีคำตอบผ่านการทดสอบสมรรถนะบนเส้นทาง กรุงเทพฯ-หัวหิน ติดตามรับชมได้เลยครับ


NEW MG 3 ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรถต้นแบบอย่าง เอ็มจี อี-โมชั่น (E-Motion) รวมถึงการนำนวัตกรรม เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ตเข้าไว้ด้วยกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่พร้อมตอบโจทย์กับความสนุกและล้ำสมัยพร้อมเป็นผู้นำเทรนด์ รองรับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ในอนาคตที่ต้องการการขับขี่สนุกและปลอดภัย

การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้รวมไปถึงโครงสร้างตัวถังที่มีมิติตัวรถยาวกว่าเดิมด้วยขนาด 4,055 มม. ในขณะที่รุ่นก่อนหน้ามีความยาวเพียงแค่ 4,018 มม ส่วนความกว้างใกล้เคียงกับรุ่นเดิมในขนาด 1,729 มม. และ สูง 1,516 มม.

New MG 3 ได้รับการออกแบบใหม่ในรูปแบบ Face Lift ติดตั้งโคมไฟหน้าสไตล์โฉบเฉี่ยวเป็นแบบโปรเจคเตอร์เลนส์รูปทรงคล้ายคลึงกับรุ่น ZS ชุดหน้ากระจังแบบใหม่ทำให้ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น มุมมองด้านท้ายรถดูทันสมัยยิ่งขึ้นด้วยโคมไฟแบLED Light Guide

อีกหนึ่งซิกเนอเจอร์ที่มากับรถของค่ายเอ็มจี นั่นคือ ซันรูฟไฟฟ้า ซึ่ง NEW MG 3 ก็ยังคงความเท่ด้วยออฟชั่นนี้เช่นกัน รวมถึงเติมเต็มมาดสปอร์ตด้วยล้อแมกลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว

ห้องโดยสารแต่งใหม่เพิ่มเติมความสปอร์ต วัสดุที่ใช้ดูดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม เบาะนั่งเป็นหนังแท้สลับผ้า ผสานเส้นสายกับสีสันลายโมเดิร์นกราฟิก เบาะที่นั่งหลังสามารถปรับพับแยกส่วนในการเก็บสัมภาระแบบ 60:40 สร้างความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว

New MG 3 เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครันที่สุดรุ่นหนึ่งในรถระดับเดียวกัน โดยเริ่มจาก พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ต ติดตั้งทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบควบคุมเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วาง สายโทรศัพท์ด้วยปลายนิ้วสัมผัส มาพร้อมกับกุญแจรีโมท

คอนโซลกลางติดตั้งจอทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว มากับฟังก์ชันที่ใช้งานหลากหลายทั้งฟังเพลง ดูหนัง พร้อมกล้องมองหลังขณะถอย และสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง

ความโดดเด่นของ New MG 3 ยังมีระบบอัจฉริยะ i-SMART ที่สามารถรองรับการสั่งการได้ด้วยเสียงภาษาไทย พร้อมกับการอัพเดทฟังก์ชันใหม่บนแผนที่นำทางที่สามารถแนะนำร้านอาหาร และที่พัก โดยลิงค์ข้อมูลจากเว็ปไซท์ Wongnai และ Agoda เพิ่มความเพลิดเพลินอีกขั้นกับระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ออนไลน์ ที่สามารถค้นหาบทเพลงทุกสไตล์กว่า 1 ล้านเพลง โดยใช้ข้อมูลร่วมกับ TRUE

นอกจากนี้ยังมีระบบสั่งการด้วยมือถือ( i-SMART MOBILE APPLICATION) ซึ่งเป็นการสั่งการหลายฟังค์ชั่นผ่านโทรศัพท์มือถือ ได้แก่ระบบล๊อกและปลดล๊อกประตู ระบบวางแผนการเดินทาง ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ และระบบค้นหารถ Fine my car รวมถึงระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์ และเตือนความผิดปกติของรถยนต์

NEW MG 3 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ DOHC VTi-TECH ขนาดเท่าเดิมนั่นคือ 1.5 ลิตร แต่ให้พละกำลัง 112 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที (รุ่นเดิมมีเพียง 106 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที (รุ่นเดิม 135 นิวตันเมตร)ผสานการทำงานด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติใหม่ในรูปแบบของระบบทอล์คคอนเวอร์เตอร์ แต่ก็มีคันเกียร์บวก/ลบ ที่ยังเลือกขับสนุกได้แบบเกียร์ธรรมดา

ทีมออกแบบของเอ็มจี ยังตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดของระบบความปลอดภัยใน NEW MG3 เช่นเดียวกับรถยนต์ เอ็มจี รุ่นอื่นๆ ด้วยระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย USD (Ultimate Stiffness Design) พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า และมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยระบบความปลอดภัยแบบ SYNCHRONIZE PROTECTION SYSTEM รวม 8 ฟังก์ชัน ประกอบด้วย ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS(Anti-Lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) เข้าโค้งอย่างมั่นใจด้วยระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) และระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน MSR (Motor Control Slide Retainer)

มาเข้าสู่โหมดการทดสอบกันได้เลยครับ รถที่ใช้ในการทดสอบนั่นคือ New MG 3 รุ่น V หรือรุ่นท๊อปไลน์ซึ่งเป็นรถที่มีออฟชั่นแบบเดียวกับที่กล่าวไว้ในข้อมูลข้างต้น และเส้นทางที่ใช้การทดสอบในครั้งนี้เริ่มต้นที่ใจกลางกรุงแถวแยกราชประสงค์ ซึ่งมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทางรวมทั้งสิ้นประมาณร่วมๆ 200 กม.

การทดสอบครั้งนี้ผมถือว่า New MG 3 ตอบโจทย์การใช้งานตามคอนเซปต์ “We are Fun” ได้จริง ถึงแม้ขุมกำลังจะมีขนาดความจุเท่าเดิมนั่นคือขนาด 1.5 ลิตร แต่แรงม้าที่มีมาถึง 112 แรงม้า (ของเดิม 106 แรงม้า) และแรงบิด 150 นิวตันเมตร (ของเดิม 135 นิวตันเมตร) นั้นดีไซน์มาเพื่อความสนุกอย่างแท้จริง รอบเครื่องนั้นมารอการเติมคันเร่งอยู่ตลอดเวลา และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้เกือบมิดไมล์ นั่นคือราวๆ 180 กม./ชม.

การที่ออกแบบรถคันนี้มาเพื่อความสนุกในการขับขี่ เป็นผลให้รอบเครื่องยนต์นั้นสูงตาม การใช้งานที่ความเร็ว 100 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์ไปแตะอยู่ที่ประมาณ 2,600 รอบต่อนาที ซึ่งหากเทียบกับรถยนต์ในกลุ่มอีโค่คาร์จะอยู่ที่ไม่เกิน 1,800 รอบ หรือแม้แต่รถในกลุ่ม B-Segment จะอยู่ที่ไม่เกิน 2,000 รอบ

ซึ่งคำถามเกิดขึ้นว่า ในด้านความประหยัดนั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจ โดยมียืนยันจากอีโค่สติ๊กเกอร์ว่ารถคันนี้มีอัตราบริโภคเชื้อเพลิงอยู่ที่ 15.6 กม./ลิตร แต่การทดสอบในครั้งนี้ ผมเหลือบมองที่จอดิสเพลย์บริเวณมาตรวัดความเร็ว ซึ่งแสดงผลเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 11.3 กม./ลิตร ซึ่งเป็นไปตามสไตล์การขับขี่ของการทดสอบรถที่ไม่ใช่การขับขี่ในสไตล์ประหยัดน้ำมันหรือตามแบบการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

ในด้านของระบบเกียร์เซเรเมติคที่มากับรถรุ่นเดิม ผมและนักทดสอบรถหลายๆท่านได้เคยพูดคุยนอกรอบถึงเกียร์ระบบนี้ว่าเป็นระบบส่งกำลังที่ดี เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจว่าการทำงานของเกียร์นั้นเป็นอย่างไร ทางทีมออกแบบของ MG ตัดปัญหาเรื่องนี้ออกพร้อมกับนำระบบส่งกำลังแบบทอลค์คอนเวอเตอร์มาติดตั้งแทน ซึ่งการใช้งานระบบนี้ ไม่ต้องศึกษาหรือบอกว่าต้องใช้งานอย่างไร เพราะเป็นระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติเดิมๆ แต่วิศวกรของ MG ได้ทำการปรับให้มีการตอบสนองที่ดีและมีการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ที่นุ่มนวล ซึ่งถ้าอยากซิ่งก็ทำเพียงแค่คิกดาวน์ แต่ New MG 3 ได้ติดตั้งระบบ บวก/ลบ ที่คันเกียร์ ทำให้การขับขี่นั้นเพิ่มความสนุกได้อีกเพียบ

ระบบรองรับที่ได้รับการปรับแต่งสไตล์ Euro Tunning Suspention ด้านหน้าเป็นแบบ แมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม มีการดีไซน์สอดรับการเครื่องยนต์ได้อย่างลงตัว การยึดเกาะถนนนั้นต้องบอกว่ามั่นใจได้ บางช่วงของการทดสอบได้ลัดเลาะไปตามทางหลวงชนบทแถบอ.ท่ายาง ซึ่งเป็นเส้นทางไปยังเขื่อนแก่งกระจาน มีทั้งเนินเขาและทางโค้ง การขับขี่ด้วยความเร็วสูงไม่สร้างปัญหาให้กับ New MG 3 ช่วงล่างมากับคาแรคเตอร์ที่แน่นหนึบ การควบคุมรถในความเร็วสูงอาจจะเบาไปสักนิด ส่วนความเร็วต่ำอาจจะหนักไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการออกแบบที่สะท้อนการใช้รถของคนเมืองผู้ดีอังกฤษที่เป็นต้นกำเนิดของรถคันนี้มาได้พอดิบพอดี

ด้านการเก็บเสียงในห้องโดยสาร อาจเป็นข้อติของรถคันนี้ ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. เริ่มมีเสียงลมเร็ดลอดเข้ามา รวมถึงเสียงคำรามของเครื่องยนต์ซึ่งเป็นผลมาจากรอบเครื่องที่เซ็ทไว้ค่อนข้างจะสูง แต่สายซิ่ง หรือผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบความเร็วคงไม่ถือเป็นปัญหา

มาดูกันในเรื่องของระบบอัจฉริยะ I-SMART กันบ้าง New MG 3 ถือเป็นรถรุ่นที่ 2 ที่ได้รับการติดตั้งระบบนี้ แต่อาจมีการตัดทอนบางฟังค์ชั่นการใช้งานออกไปจากเดิมที่อยู่ใน MG ZS การใช้งานคำสั่งเสียงภาษาไทยยังคงใช้ได้จากคำสั่ง เปิด/ปิด ระบบปรับอากาศ และ การเปลี่ยนสถานีของคลื่นวิทยุ แต่การสั่งงานให้เปิดและปิดซันรูฟนั้นได้ถูกตัดออกไปเนื่องจากขนาดของซันรูฟนั้นเล็กกว่า MG ZS นั่นเอง

ฟังค์ชั่นที่อยู่ในจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ถือว่าได้รับการอัพเดทที่เข้ากับยุคสมัย การเซริ์ทหาเพลงกว่า 1 ล้านเพลงทำได้ง่าย เพียงเข้าไปฟังค์ชั่นที่แสดงไอคอนของ True แล้วจึงป้อนคำค้นหา หรือจะเลือกตามลิสต์ที่ขึ้นมาในระบบก็ทำได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ การค้นหาร้านอาหารที่ลิงค์ข้อมูลมาจาก www.wongnai.com หรือที่พักซึ่งรวบรวมข้อมูลจาก Agoda ก็แสดงผลได้อย่างไม่ติดขัด โดยเข้าไปที่ไอคอนของการค้นหาเส้นทางนั่นเอง

สำหรับการใช้แอพพลิเคชั่นสั่งงานจากโทรศัพท์มือถือนั้น ถ้าเทียบกับรถรุ่นแรกอย่าง MG ZS ฟังค์ชั่นที่หายไปนั่นคือการสั่งงานให้คึรื่องยนต์สตาร์ทติดเอง แต่การล๊อคและปลดล๊อค การวางแผนเส้นทาง ระบบค้นหารถ Find my car รวมถึงการตรวจสอบสถานะและเตือนความผิดปกติของรถยนต์ ยังคงใช้งานได้จากการสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนทั้งระบบ IOS และ Android

หลังจากสัมผัส New MG 3 มาจนถึงปลายทางที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ ทางผู้จัดงานได้เตรียมสนามทดสอบในรูปแบบของ “จิมคาน่า” เพื่อให้ได้ลองระบบที่เหลือซึ่งล้วนแต่เป็นตัวช่วยในการขับขี่ทั้งสิ้น อาทิ ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA รวมถึงระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) พร้อมการเข้าโค้งอย่างมั่นใจด้วยระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) อีกทั้งยังมีระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)

นอกจากระบบที่กล่าวไว้ บางช่วงบางตอนของการซัดรถในรูปแบบจิมคาน่า ผมสัมผัสได้ถึงการดีเลย์ของคันเร่งไฟฟ้าซึ่งทำให้รถตอบสนองได้ช้าลง แต่หากคุ้นชินกับ New MG 3 ปัญหาเหล่านี้อาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ ซึ่งการค้นหาคำตอบของนิยาม “WE ARE FUN” โดยภาพรวมนั้น ถือว่าตอบโจทย์ได้ตรงประเด็นครับ

ข้อมูลทางเทคนิค NEW MG 3 (V)
เครื่องยนต์: DOHC VTi-TECH
ความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.): 1,498
กำลังสูงสุด (แรงม้า ที่ รอบ/นาที): 112 /6,000
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร ที่รอบ/นาที): 150 /4,500
ระบบส่งกำลัง: อัตโนมัติ 4 จังหวะ พร้อมแมนนวลโหมด
ระบบขับเคลื่อน: 2 ล้อหน้า
ระบบกันสะเทือน(หน้า/หลัง): แมคเฟอร์สันสตรัท /ทอร์ชั่นบีม
เบรก(หน้า/หลัง): ดิสก์/ดรัม
ยาว/กว้าง/สูง(มม.): 4,055×1,729×1,516
ราคาจำหน่าย(บาท): 629,000
ตัวแทนจำหน่าย: บริษัท เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย จำกัด

RELATED ARTICLES

Most Popular