Saturday, July 27, 2024
HomeAuto Testรถเล็กคันนี้ ขับดีที่สุด แน่น หนึบ มั่นใจ ไปกับเทคโนโลยี่ใหม่ GVC

รถเล็กคันนี้ ขับดีที่สุด แน่น หนึบ มั่นใจ ไปกับเทคโนโลยี่ใหม่ GVC

หลังจากที่ Mazda เปิดตัวแนะนำ Mazda 3 ยุคปรับโฉมใหม่ที่มาพร้อมกับการเปิดตัว GVCระบบ G-VECTORING CONTROL software program ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้รถ Mazda มีเสถียรภาพในการขับขี่ดียิ่งๆขึ้น และเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยี่ที่วิศกร Mazda ภาคภูมิใจอย่างมากเช่นเดียวกันกับเมื่อครั้งทำการปฏิวัติตัวเองด้วยการนำเสนอ Skyactiv เป็นแกนนำเทคโนโลยี่หลักในการพัฒนา Mazda ทุกรุ่นและประสบความสำเร็จอย่างมากมาย หรูหราอลังการไปเลยทีเดียว

วันนี้เป็นคิวของ Mazda 2 ที่ได้รับการปรับโฉมอีกเล็กน้อยและพัฒนาให้เข้าสู่การมีระบบ GVC และเติม i-ACTIVSENSE ระบบเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่อีกขั้นหนึ่ง เรียกว่าใส่รุ่นพี่แล้วก็ใส่ในรุ่นน้องตามออกมาทันที ส่วนจะมีดีอย่างไรมาดูกัน

เริ่มจากภายนอกอาจจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมากนัก กระจังหน้าปรับเบาๆ เติมไฟ LED  เปลี่ยนเสาอากาศมาเป็นแบบครีบฉลามและล้ออัลลอยสีใหม่

ส่วนภายในห้องโดยสาร Two-tone Color Decoration โดดเด่นทุกมุมมองด้วยการตกแต่งแบบทูโทน เบาะนั่งตัดเย็บลายใหม่เป็นสีดำล้วน สลับลายผ้าแบบมีดีไซน์ จอสกรีนใส แสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญ พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ให้ความกระชับมือ ตกแต่งด้วยโครเมี่ยม พร้อมปุ่มควบคุมการทำงานที่พวงมาลัย ระบบการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ระบบควบคุมความเร็วคงที่มีให้ใช้ในรุ่นท๊อป

จุดเด่นที่เห็นได้ชัดในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ การสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดอีโคคาร์ ด้วยเทคโนโลยี SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS ที่มาพร้อมกับ G-VECTORING CONTROL หรือระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ

ครั้งแรกกับเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert) นอกจากนี้ยังมีระบบ MZD CONNECT: CONNECTIVITY AT YOUR FINGERTIPS เพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดทุกที่ ทุกเวลา รับ-ส่งข้อความ SMS สัญญาณ Bluetooth พร้อม Infotainment ที่มีให้เลือกมากมายในแอพพลิเคชั่น AHA by HARMAN รวมถึงระบบนำทาง Navigator

Mazda 2 ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 1.3 ลิตร กำลังสูงสุด 93 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-G 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ทั้งสองเครื่องยนต์ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีดเหมือนกัน มีให้เลือกทั้งแบบ 4 ประตู และแบบ 5 ประตู

เราใช้เวลากับ Mazda 2 ใน 1 วันเต็มกับการขับทั้งเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล อันที่จริงเราคุ้นเคยกันดีกับสมรรถนะจากเครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบของ Mazda 2 ดีอยู่แล้ว และเป็นที่น่าพอใจอยู่แล้วด้วย เครื่องยนต์เบนซินกำลังน้อยกว่าแต่นุ่มนวลเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv ถ่ายทอดกำลังได้อย่างน่าเชื่อถือ ถ้าต้องการให้กระฉับกระเฉงมากขึ้นก็เพียงปรับโหมดที่แป้นเกียร์เป็น Sport เท่านั้นก็จะเพิ่มรอบเครื่องยนต์ให้สูงขึ้นในจังหวะเปลี่ยนเกียร์ และ Shift down รวดเร็วเมื่อผ่อนคันเร่งหรือเบรกแล้วรอเลือกตำแหน่งเกียร์ที่เหมาะสมเพื่อการพุ่งทะยานต่อไป ตรงนี้ทำได้เหมาะกับความต้องการมาก

ในขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลนั้นยังคงบุคลิกของความรวดเร็วทันอกทันใจเช่นเดิมไว้ที่ดีกว่าเดิมคือความเงียบของเสียงในห้องโดยสารจากการเพิ่ม3 เทคโนโลยี่ใหม่เข้าไปคือ High Precision DE Boost Control ช่วยเพิ่มการควบคุมแรงบิดให้แม่นยำขึ้น จากการปรับและควบคุมแรงดันของการฉีดน้ำมันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น Natural Sound Smoother ลดเสียงน๊อคของเครื่องยนต์ จากการใส่แดมเปอร์ลงไปในช่องว่างของสลักลูกสูบลดเสียงไปได้3.5 กิโลเฮิร์ตซ์  Natural Sound Frequency Control เข้ามาจัดระเบียบคลื่นเสียงด้วยการปรับแต่งเวลาจุดระเบิดให้เกิดคลื่นต่ำหักลบกับคลื่นความถี่สูงสุดที่เกิดขึ้น

และเมื่อรวมกับมาตรการเพิ่มวัสดุซับเสียงใต้ฝากระโปรงทั้งส่วนบนและล่างของห้องเครื่อง ที่แผงควบคุม เพิ่มวัสดุซับเสียงที่ส่วนบนของบล๊อคลูกสูบและส่วนกั้นใต้เทอร์โบชาร์จ รวมถึงในส่วนอื่นเช่นที่ประตูท้ายและบริเวณด้านข้างของท้ายรถ รวมถึงช่องเก็บยางอะไหล่ทำให้ Mazda 2 เก็บเสียงในห้องโดยสารได้อย่างดีและดีมากๆ ยิ่งในรุ่นเบนซินซึ่งมีมาตรการเดียวกันแต่ไม่มีเสียงจากเครื่องยนต์มากเท่าจึงยิ่งเงียบมากกว่า แม้แต่เสียงเปิดปิดประตูยังได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจากการปรับโครงสร้างด้านในประตูให้ขยับขึ้นไปด้านบนมากขึ้นนั่นเอง

มาถึงจุดเด่นที่เด่นมากๆคือ ผลที่ได้จากการใส่โปรแกรม GVC เข้าไปสั่งให้มีการปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ให้แปรไปตามการสั่งของพวงมาลัย เพื่อควบคุมให้แรงจีที่เกิดขึ้นทั้งแนวดิ่งและแนวนอนมีความสัมพันธ์กัน ในทางปฏิบัติคือเมื่อเกิดการเลี้ยวไม่ว่าจะมากหรือน้อยแรงจีที่เกิดขึ้นจะถ่ายเทไปที่ล้อแต่ละตำแหน่งไม่เท่ากัน GVC จะสั่งให้แรงบิดของเครื่องยนต์ลงไปสู่ล้อนั้นๆมากขึ้นด้วย เช่นเมื่อเข้าโค้งทันทีที่หมุนพวงมาลัย แรงจีถูกถ่ายไปที่ล้อหน้า การรับน้ำหนักที่ล้อหน้าจะมากขึ้น เมื่อเข้าโค้งแล้วจึงถ่ายไปที่ ด้านข้างและเมื่อออกจากโค้งจะถ่ายไปที่ล้อหลัง ทั้งหมดทำงานประสานเข้าด้วยกัน แม้แต่ในทางตรงซึ่งผิวถนนมักไม่เรียบเสมอก็มีการสั่งให้ปรับน้ำหนักไปตาการแปรเปลี่ยนของแรงจีที่เกิดขึ้นด้วยทำให้พวงมาลัยนิ่ง มีเสถียรภาพมากขึ้น

GVC เห็นผลได้ชัดเจนกับ Mazda2 โดยเฉพาะเมื่อช่วงล่างได้รับการเซ็ตขึ้นใหม่ ปรับโครงสร้าง แดมเปอร์ทั้งหน้าและหลัง ทำให้มีสภาพการทรงตัวที่ดีอย่างเห็นได้ชัด การยึดเกาะถนนเยี่ยมมาก การควบคุมพวงมาลัยแม่นยำ เอาเป็นว่าเวลานี้พูดได้เลยว่าเป็นรถเล็ก ซับคอมแพค ที่มีการขับขี่ ควบคุมได้ดีเยี่ยมที่สุด

วินิจจัย ชลานุเคราะห์ บรรยาย Mazda3 ในบทรายงานทดลองขับว่า “สิ่งที่ดีที่สุดคือ พวงมาลัย และระบบรองรับ” ถึงกับบอกว่า Mazda3 หนีความเป็นรถญี่ปุ่นขึ้นไปเทียบกับรถยุโรปได้อย่างสบายๆ ผมก็จะบอกว่า  Mazda2 เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ได้อย่างนั้นมาเต็มๆ แต่ความที่เป็นรถเล็กกว่า ผมจะบอกเพิ่มไปว่านี่เป็นรถเล็กที่ขับสนุกที่สุด มั่นใจได้มากที่สุด จริงๆครับ

ภูวนาถ เผ่าจินดา รายงาน

RELATED ARTICLES

Most Popular