มาปีนี้ 2559 มาสด้าจัดทริปกิจกรรมต่อยอดจากปีที่แล้วด้วยการระดมขุนพล SkyActiv Crossover 2 รุ่นคือ CX-5 กับ CX-3 รวม 8 คัน ไปขับเปิดประสบการณ์กันแบบสุดขั้วโลกอีกครั้งหนึ่ง โดยการออกสตารท์จากเมืองอูลันบาตอร์ประเทศมองโกเลีย (จุด finish เมื่อปีที่แล้ว) ไปยังกรุงมอสโคว์ประเทศรัสเซียรวมระยะทางประมาณอีก 7,000 กิโลเมตร หากรวมจากปี 2558 กับปีนี้แล้วก็จะอยู่ที่ราวๆ 10,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว
สำหรับครั้งนี้มาสด้าจัดแบ่งทีมขับออกเป็น 2 ชุดโดยสื่อมวลชนชุดแรกจะไปขับจากอูลันบาตอร์ประเทศมองโกเลียมุ่งหน้าเข้าไซบีเรียแล้วไปจบที่เมืองโนโวซีบรีคส์ฃ(Novosibirsk) ประเทศรัสเซีย ส่วนทีมที่ 2 จะบินไปรับไม้ต่อที่โนโวซีบรีคส์แล้วขับต่อไปจบกันแบบสุดขั้วโลกที่กรุงมอสโคว์ประเทศรัสเซียนั่นแหละครับ
ผมอยู่ในทีมของชุดแรกที่เดินทางไประหว่างวันที่ 4 – 12 ตุลาคม ออกเดินทางกันตอนตี 1 ครึ่งของเช้าวันที่ 5 ไปลงที่สนามบินกรุงปักกิ่งตอนเช้ามืดแล้วต่อเครื่องอีก 4 ชั่วโมง ไปอูลันบาตอร์ไปถึงสนามบินเจงกิสข่าน (CHINGGIS KHAAN) ประมาณสิบเอ็ดโมง
Crossover เปิดบันทึก ล้อหมุน
กับประสบการณ์สุดขั้วโลก !
หลังผ่านพิธีการสนามบินเจงกีสข่านเสร็จสรรพ ทีมงานของทรานเอเชียฯ โดยคุณกิตติ นิลถนอม แม่งานใหญ่ที่เป็นผู้นำในการเดินทางครั้งนี้ก็มารอรับอยู่หน้าสนามบินพร้อมกับฝูงบิน Mazda SkyActiv 8 คัน รถทีมงานอีก 2 คัน รวมเป็น 10 พอดี ทั้งหมดจอดเรียงรายรอคณะสื่อมวลชนอย่างพร้อมเพียงอยู่ด้านหน้าของสนามบิน
รถ 8 คันเป็น CX- 3 จำนวน 6 คัน เป็น SKYACTIV-G 2.0 ลิตร 156 แรงม้า และอีก 2 คันเป็น CX-5เครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0L 165 แรงม้า ทั้งหมด 8 คันเป็นเกียร์อัตโนมัติ
ท่ามกลางอุณหภูมิเย็นยะเยือกราวศูนย์องศาของสายๆ วันนั้นคณะของเราเร่งมือจัดสัมภาระใส่ท้ายรถกันอย่างเร่งรีบเพื่อหนีความหนาวเหน็บที่ไม่คุ้นเคย คันของผมถูกจัดให้เป็นรถ CX-3 สีบรอนซ์ มีสมาชิกรวม 3 คน ลำดับรถอยู่ที่เบอร์ 02 กระเป๋าเดินทางรวม 3 ใบมีแฮนด์แบ็กอีก 2 ใบถูกจับใส่ท้ายรถอย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบนักแต่ก็สามารถใส่ได้ทั้งหมด
การที่รถทุกคันของมาสด้าถูกนำส่งจากเมืองไทยไปทางรถไฟล่วงหน้าและเป็นรถผลิตขายในบ้านเราจึงเป็นรถพวงมาลัยขวา แต่รถที่โน่นเขาจะเป็นพวงมาลัยซ้าย เพราะฉะนั้นการขับในต่างบ้านต่างเมืองจึงต้องระมัดระวังกันมากขึ้นเพราะเลนการขับขี่บ้านเขาจะขับตรงกันข้ามกันกับบ้านเรา หน้าปัทรถทุกคันถูก Set 0 กันหน้าสนามบิน เมื่อทุกคนพร้อมเราก็เริ่มออกเดินทางกัน โดยมีรถเบอร์ 00 เป็นผู้นำทาง ตามด้วย 01–08 แล้วมีเจ้าหน้าที่ของทรานเอเชียเป็นเบอร์ 09 ขับปิดท้ายขบวน
เป้าหมายแรกที่ไปคือร้านอาหารกลางวันที่จะไปทานกันซึ่งห่างจากสนามบินราวๆ 20 กิโลเมตร ร้านแห่งนี้แม้จะขับออกมาไม่ไกลจากเมืองมากนัก แต่ตามสภาพภูมิประเทศเราก็จะเห็นเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ เห็นกองหิมะทิ้งร่องรอยหลงเหลืออยู่พร้อมกับความหนาวเหน็บที่ลบ 1 ให้พวกเราได้สัมผัสกัน ด้วยความที่เป็นวันแรกของการเดินทาง ระยะทางที่ขับวันนี้จึงไม่มากนัก ทีมงานจัดให้พวกเราไปพักกันที่เมือง Sukhbatar อันเป็นเมืองอยู่ติดชายแดนมองโกเลียกับรัสเซีย เมืองนี้ห่างจากสนามบินราวๆ 330 กิโลเมตร
Sukhbatar เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ใจกลางเมืองอูลานบาตอร์ เมืองนี้จะมีลานจัตุรัสเป็น landmark เมื่อมีงานพาเหรดขององค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ มักจะมาจัดขึ้นบริเวณนี้ ที่นี่จะมีรูปปั้นของ Damdin Sukhbaatar ซึ่งเป็นผู้นำการปฏิวัติในปี ค.ศ. 1921 ตั้งอยู่กลางจัตุรัส แล้วจะมีรูปปั้นของเจงกิสข่านตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน คณะของเรานอนกันที่นี่หนึ่งคืนเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเดินทางไปเมือง Ulan Ude อีกประมาณ 350 กิโลเมตรในวันรุ่งขึ้น ที่สำคัญคือคณะของเรากว่า 30 คน จะต้องทำเรื่องยื่นเอกสารต่างๆ นานา ผ่านแดนออกจากประเทศมองโกเลียเพื่อเข้าไปยังประเทศรัสเซียอีกด้วย
ผ่านด่าน ผ่านแดน
8 ชั่วโมงแห่งการรอคอย
วันนี้เริ่มออกเดินทางกันแต่เช้า จากโรงแรมที่พักมาถึงด่านระยะทางไม่ถึง 30 กิโลเมตร ฝูง SkyActiv มาถึงด่านกันประมาณเก้าโมงครึ่ง รถทั้ง 10 คันจอดเข้าแถวรอเจ้าหน้าที่กันอยู่หน้าด่าน รอกันเป็นชั่วโมงแล้วทั้งหมดทุกคนก็ถูกเรียกเข้าไปในอาคารเพื่อแสตมป์พาสปอร์ตขาออกจากมองโกเลีย
แรกๆ ก็นึกว่าจะเร็วที่ไหนได้เจอลูกไม้มองโกลเล่นแง่เล่นง่ามกันจนรู้สึกหัวเสีย ให้รื้อรถ รื้อกระเป๋า ยกกระเป๋ามาเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ ตรวจเอกสาร ตรวจพาสปอร์ตฯ ให้ทำโน่นนั่นนี่สรุปสุดท้ายจ่ายไป 200 USD เป็นอันจบ จากนั้นก็มาที่ด่านขาเข้าประเทศรัสเซีย ที่นี่ใช้เวลากันพักใหญ่เช่นกันจนพิธีการต่างๆ นานา สำเร็จลุล่วงในเวลาประมาณ 17.40 น. รวมที่เราชาวคณะรอกันอยู่ที่ด่านทั้งขาออกจากมองโกเลียและขาเข้าประเทศรัสเซียทั้งสิ้น 8 ชั่วโมงพอดี ออกจากด่านมาก็เริ่มจะมืด อากาศยิ่งเย็นลงเรื่อยๆ สัก -2, -3 องศาระยะทางอีก 300 กิโลเมตรจึงจะถึงที่หมาย คณะเราไม่รีรอโอ้เอ้รีบหวด CX-3 กับ CX-5 ออกจากที่ตั้งมุ่งหน้าสู่ Ulan Ude ถึงที่พักราวๆ สองทุ่มเศษๆ จากนั้นก็ทานข้าวพักผ่อนกัน
เมือง Ulan Ude ถือว่าเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากเมืองหนึ่งของรัสเซีย ด้วยความโดดเด่นและเก่าแก่ของบรรดาอาคารร้านค้า คฤหาสน์ ที่แต่ละหลังล้วนแต่ได้รับการตกแต่งด้วยไม้และหินแกะสลักที่มีความสวยงามไม่เหมือนที่ใด สำหรับการท่องเที่ยวในเมือง เมือง Ulan Ude นั้น สถานที่ท่องเที่ยวก็คือบริเวณย่านจัตุรัสกลางเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักของคณะเราประมาณ 100 เมตรเท่านั้นเอง
ที่นี่จะเป็นที่ตั้งของ รูปหล่อศีรษะที่ใหญ่ ที่สุดในโลกของวลาดิมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin) ผู้นำนักปฏิวัติมาร์กซิส คนแรกของสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต โดยรูปหล่อถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1970 ตั้งอยู่เหนือจัตุรัส ด้วยความสูง 7.7 เมตร (25 ฟุต) และมีน้ำหนักมากถึง 42 ตัน ได้ไปเที่ยวชมกันอยู่พักใหญ่ พวกเราจึงเดินทางกันต่อวันนี้เป้าหมายของเราคือทะเลสาบ “ไบคาล“ (Baikal) เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลกขนาดกว้างประมาณ 50 กิโลเมตร ยาวกว่า 650 กิโลเมตรและความลึกอยู่ที่ประมาณ 1.6 กิโลเมตรครับ
จาก Ulan Ude ไป Baikal ระยะทางประมาณ 530 กิโลเมตร หากรวมเวลาที่แวะพักทานอาหารกลางวันและเข้าห้องน้ำระหว่างทางกันแล้วสักค่ำๆ ทุ่ม-สองทุ่มฝูง SkyActiv ฝูงนี้ก็คงถึงที่พักทะเลสาบ Baikal แน่ อากาศยังคงติดลบหนาวเหน็บเย็นยะเยือกเหมือนเช่นเคย เจ้า Vodka เครื่องดื่มปรับอุณหภูมิเหมือนจะเป็นเพื่อนแท้รักษาความหนาวให้กับใครต่อใครหลายคนระหว่างทางในทริปนี้ ระยะทางกว่า 500 กิโลเมตร วิ่งบนทางลาดยาง วิวทิวทัศน์สองข้างทางเป็นทุ่งโล่งกว้าง คู่ขนานไปกับเส้นทางรถไฟสายทรานไซบีเรียที่มีความยาวราวหมื่นกิโลเมตร ยาวที่สุดในโลกอีกเช่นกัน ช่างเพลิดเพลินเสียนี่กระไร
ปักธงครึ่งทางกับ Skyactiv
พันห้าร้อยกว่ากิโลเมตร สู่ Novosibirsk
เช้าวันที่ 9 ตุลาคม หลังเสร็จภารกิจประจำวัน ช่วงสายๆ ราวเก้าโมงครึ่งเราก็ออกเดินทางกันต่อ วันนี้เป้าหมายของเราคือเมืองกราสโนยาร์ส Krasnoyarsk เมืองที่สร้างมาเมื่อปี 1682 หรือราวๆ 330 ปีมาแล้วเป็นเมืองที่ใช้สำหรับเนรเทศนักโทษการเมืองให้มาอยู่กัน แต่ตอนนี้กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมไปเสียแล้วทั้งเหล็ก อะลูมิเนียม ก็จะผลิตกันที่นี่ ระยะทางประมาณเกือบ 700 กิโลเมตร ซึ่งวันนี้ก็เป็นอีกวันที่พวกเราใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในรถ ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางบ้างชมบ้านเรือ ชมโบสถ์ ชมพิพิธภัณฑ์กันไปเรื่อย บางช่วงบางจังหวะก็นอนหลับคารถปล่อยให้คนขับทำหน้าที่ไปก็มี จะมีได้พักยืดเส้นยืดสายหน่อยก้อตอนทานข้าวกลางวันหรือแวะเติมน้ำมัน ดื่มกาแฟ เข้าห้องน้ำที่ปั้มระหว่างทางเท่านั้น
คณะเราแวะ
พักกันที่เมืองนี้อีก 1 คืน รุ่งเช้าเดินทางกันต่อเพื่อไปพักที่เมืองเคโมโรโว่ (Kemorovo) ระยะทางอีกราว 530 กิโลเมตร การเดินทางวันนี้ก็เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมาแหละครับขับรถกันอย่างเดียว แวะทานข้าว แวะเข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสายดื่มชากาแฟกันไปตามเรื่อง
วันสุดท้าย
จากเคโมโรโว่มุ่งหน้าสู่เมือง Novosibirsk วันนี้ระยะสั้นหน่อยเหลือ 270 กิโลเมตร เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่สุดของไซบีเรีย มีสนามบิน มีโรงละคร มีพิพิธภัณฑ์ เป็นเมืองที่สตาลินเขามุ่งมั่นจะให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อีกเมืองนึงเชียว
เรามาถึงที่จุด Finish เมืองนี้ช่วงบ่ายนิดหน่อย ณ ที่แห่งนี้เป็นจุดนัดพบกันระหว่างทีมขับคณะของเรากรุ๊ป A ที่จะส่งมอบกุญแจให้กับทีมขับสื่อมวลชนกรุ๊ป B อีกกว่า 20 ชีวิตเพื่อมารับไม้ต่อขับฝูงบินของ Mazda CX-3 กับ CX-5 SkyActiv ฝูงนี้เดินทางไปให้สุดขั้วโลกจาก Novosibirsk ไปจบที่กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซียระยะทางรวมอีกเกือบ 4,000 กิโลเมตร ถือเป็นการเดินทางสุดขั้วโลกครั้งประวัติศาสตร์ของรถ Mazda Crossover ที่ต้องบันทึกไว้อีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ได้บุกตะลุยทะเลทรายโกบีไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา
“Only the sky is the limit”
ไม่มีอะไรหยุดยั้งเขาได้จริงๆ!