ทดสอบ BMW หลากรุ่นทั้ง 330i,320d และX5 ในกิจกรรม BMW Driving Experience ที่มาพร้อมการออกแบบใหม่ เครื่องยนต์ขับสนุก พัฒนาเทคโนโลยีทันสมัยทั้งระบบ BMW Intelligent Personal Assistant โดดเด่นด้วยการตัวช่วยการขับขี่อย่าง Reversing Assistant รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียงกับประโยคที่แฟนๆค่ายใบพัดฟ้า-ขาวกำลังจะคุ้นหูกับคำว่า “Hello BMW”
สำหรับ BMW Series 3 ใหม่ ได้รับการพัฒนาต่อยอดยาวนานกว่า 40 ปีและจำหน่ายไปทั่วโลกได้กว่า 2 ล้านคัน จวบจนมาถึงเจเนอเรชั่นล่าสุดหรือเจนเนอเรชั่นที่ 7 ในรหัส G20) ซึ่งเปิดตัวพร้อมจำหน่ายในเมืองไทยทั้งรุ่น 330i M Sport ขุมพลังเบนซิน และ 320d Sport ขุมพลังดีเซล โดยมีความกว้างเพิ่มขึ้น 16 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 76 มิลลิเมตร และฐานล้อกว้างขึ้นจากรุ่นเดิม 41 มิลลิเมตร
โดยมากับจุดเด่นด้านโครงสร้างตัวถังและชิ้นส่วนต่างๆอาทิ ฝากระโปรงและกันชนหน้า ผลิตจากอลูมิเนียมคุณภาพสูงที่ให้ความแข็งแร่ง ทนทาน แต่นน.เบา ทำให้ BMW 3 Series รุ่นใหม่มีนน.เบากว่ารุ่นเดิมถึง 55 กก.
รูปลักษณ์ได้รับการออกแบบให้มีความสวย คม โดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ พร้อมระบบ Active Air Flap ซึ่งเป็นแผ่นปิดหน้ากระจังเพื่อจัดระเบียบการไหลของอากาศ
ดีไซน์โคมไฟคู่หน้าให้มีความสวยงามพร้อมอรรถประโยชน์มากยิ่งขึ้นโดยปรับทิศทางลำแสงตามการหมุนพวงมาลัย ไฟท้ายดีไซน์ใหม่รูปทรง L แนวนอนมีการรมดำในโคมไฟแบบสามมิติ และ ท่อไอเสียคู่สไตล์ดุดัน
ความแตกต่างของรถทั้ง 2 รุ่นนี้นอกจากเครื่องยนต์ก็ยังมีอยู่อีกหลายจุด สังเกตุได้จากล้ออัลลอย 18 นิ้วลาย V Spoke พร้อมยาง 225/45 R18 ในรุ่น 320d และชุดแต่ง BMW Individual high-gloss Shadow Line บริเวณขอบหน้าต่าง ขอบช่องดักอากาศ และซี่บริเวณกระจังหน้าไตคู่สีดำเงา
สำหรับ 330i M Sport ได้รับการตกแต่งให้ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M Sport รอบคัน รวมถึงอัพเกรดระบบช่วงล่างและระบบเบรค ล้ออัลลอยก็เป็นของชุดแต่ง M เช่นกัน ซึ่งเป็นขนาด 18 นิ้วลาย Double Spoke พร้อมยางที่ขนาดต่างกันโดยล้อหน้าหุ้มยางขนาด 225/45 R18 แต่ล้อหลังเป็นขนาด 255/45 R18
ห้องโดยสารออกแบบให้มีความหรูหราสไตล์สปอร์ต โดยมีการติดตั้งระบบไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ ambient light โดดเด่นด้วยชุดแดชบอร์ดขนาด 12.3 นิ้ว ในรุปแบบ Control Display โดยใข้เป็นจอแสดงการทำงานระบบต่างๆของรถ มาพร้อมจอสัมผัสกลางคอนโซลขนาด 10.25 นิ้ว ระบบเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิ 3 โซน เบาะนั่งสามารถพับได้แบบ 40:20:40
BMW 3 Series ทั้ง 2 รุ่นนี้มากับออพชั่นที่ต่างกัน ในรุ่น 320d พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ตกแต่งด้วยวัสดุอลูมิเนียมลาย Mesheffect ส่วน 330i M Sport ติดตั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้านหุ้มหนังแท้แบบ M
ภายในตกแต่งด้วยวัสดุอลูมิเนียม Tetragon พร้อมระบบเครื่องเสียงคุณภาพจาก Harman Kardon และจอ head-up display ซึ่งแสดงทั้งความเร็ว ระบบนำทางผ่านดาวเทียม นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ซึ่งได้อัพเกรดระบบปฏิบัติการ ให้เป็น BMW Operating System 7.0 ทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียวกับระบบ BMW Live Cockpit Professional ระบบผู้ช่วยส่วนตัวนี้สามารถรับคำสั่งจากเสียงพูด สามารถเรียนรู้และจดจำการใช้งานประจำวันและความชอบส่วนตัวของผู้ขับขี่ได้ เช่นการปรับหรือลดอุณหภูมิระบบปรับอากาศ หรือปรับช่องสัญญาณวิทยุ ซึ่งรับการสั่งงานได้ด้วยเสียงภาษาไทย
และระบบที่ถือเป็นจุดขายอย่าง Reversing Assistant ซึ่งจะช่วยผู้ขับขี่ขณะถอยจอดหรือถอยออกจากที่แคบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant โดยระบบจะจดจำองศาการเลี้ยวของพวงมาลัยระยะ 50 เมตร ขณะขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนที่จะหยุดรถ
ด้านของเอสยูวีหรูอย่าง BMW X5 ได้รับการพัฒนามาจวบจนถึงเจเนอเรชั่นที่ 4 ในรหัส G05 ซึ่งสำหรับในประเทศไทยจะมีการจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวนั่นคือรุ่น X5 xDrive30d M Sport ซึ่งตัวถังมีความยาวกว่ารุ่นเดิม 36 มม. กว้างขึ้น 66 มม. สูงขึ้น 19 มม. ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์หรู หล่อ พร้อมลุยไปทุกสถานการณ์ ตามสไตล์รถ SAV (Sports Activity Vehicle)
ไฟหน้าเป็นแบบ Adaptive LED headlights พร้อมไฟท้าย LED เสริมความเท่ด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics โดดเด่นสะดุดตาไปกับกระจังหน้าทรงไตคู่หุ้มขอบสีโครเมียม
นอกจากนี้คาลิเปอร์เบรกและช่วงล่างก็เป็น M Sport เช่นเดียวกับล้ออัลลอย M ขนาด 22 นิ้ว ลาย Double-spoke พร้อมยางต่างไซส์ ล้อหน้าขนาด 275/35 R22 ส่วนล้อหลัง 315/30 R22
ห้องโดยสารหรูหรา กว้างขวางและโอ่อ่า สไตล์รถ 5 ที่นั่ง ตกแต่งด้วยวัสดุหนังแท้ Vernasca เบาะหลังสามารถพับได้แบบ 40 : 20 : 40 รองรับการบรรทุกสัมภาระตั้งแต่ 650 ลิตรจนถึง 1,870 ลิตร พร้อมประตูท้ายที่สามารถแยกเปิดสองส่วนเพื่อสะดวกต่อการขนย้าย ซึ่งสามารถเปิดปิดอัตโนมัติด้วยไฟฟ้า
คอนโซลหน้าแต่งด้วยหนังผสมกับลายไม้คุณภาพ ติดตั้งมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และจอ Control Display ระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ทั้งยังมีระบบ BMW Intelligent Personal Assistant และ Reversing Assistant แบบเดียวกับ BMW Series 3 พร้อมระบบ BMW Head-Up Display เช่นเดียวกัน รวมถึงยังสามารถแสดงภาพกราฟฟิคแบบสามมิติขณะที่ระบบควบคุมผ่าน iDriveพร้อมฟังค์ชั่นสั่งการแบบ BMW Gesture Control ด้วยการใช้มือเคลื่อนไหว รวมถึงระบบ BMW ConnectedDrive ซึ่งช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัดระหว่างรถยนต์และผู้ขับขี่ และหลังคากระจกแบบ Panorama ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเก่า 30%
การทดสอบสมรรถนะเริ่มต้นที่ในสนามแข่งรถยนต์ปทุมธานีสปีดเวย์ โดยสัมผัสความแรงของ BMW 330i เป็นรุ่นแรก เริ่มที่ทดสอบอัตราเร่งบนทางตรงระยะทางเกือบ 400 เมตร การตอบสนองของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 258 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,550 -4,400 รอบเป็นไปอย่างเร้าใจ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะมีรอยต่อค่อนข้างชิด ทำให้การเปลี่ยนอัตราทดนั้นนุ่มนวล แต่ด้วยระยะทางที่ถูกจำกัด ทำให้มีการเปลี่ยนอัตราทดเพียง 4 เกียร์ ซึ่งเมื่อเหยียบคันเร่งเต็มแรง เสียงเครื่องยนต์ก็จะคำรามผ่านท่อไอเสียทรงคู่ โดยเสียงที่สะท้อนม่ให้ได้ยินนั้นเป็นเสียงสังเคราะห์ผ่านลำโพงที่แผดคำรามอย่างดุดัน
ต่อจากทางตรงซึ่งสัมผัสในเรื่องอัตราเร่ง ก็จะมาถึงเส้นทางโค้งทั้งหักศอก โค้งกว้างและโค้งยูเทริน์ ซึ่ง BMW 330i นั้นมีโหมดการขับขี่ที่เรียกว่า Driving Experience Control มีให้เลือกทั้ง Sport,Comfort และ Eco Pro ซึ่งสะท้อนมายังระบบช่วงล่างและพวงมาลัยที่แตกต่างกัน และในสถานการณ์แบบนี้ โหมด Sport จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบสนองการขับขี่ได้ดีที่สุด สำหรับโหมด Sport จะมีการปรับเซทระบบช่วงล่างให้แน่นหนึบขึ้นจนสัมผัสได้อย่าชัดเจนเช่นเดียวกับน้ำหนักของพวงมาลัยที่รู้สึกตึงมือขึ้นมาทันที
และด้วยการเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง หากเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเกินไป อาการท้ายดิ้นจะมีให้สัมผัสได้บ้างแต่ก็มี Tracktion Control ที่คอยคุมอาการรถไม่ให้เสียการควบคุมได้ง่ายๆและแก้กลับมายังทิศทางที่เหมาะสมได้ไม่ยากเย็นนัก
ในส่วนสถานี Elf Test ซึ่งเป็นการหักหลบสิ่งกีดขวางแต่จะยากกว่ารูปแบบของการหักหลบทั่วไปเนื่องจากต้องบังคับรถให้ไปตามทิศทางที่ได้จัดไว้ แต่ด้วยระบบช่วงล่างที่ไว้ใจได้จึงทำให้ผ่านพ้นไปอย่างสบายๆ
ปลายทางของการทดสอบ BMW 330i ในสนามแข่งจะมีการขับขี่ในรูปแบบจิมคาน่าพร้อมสัมผัสระบบ Reversing Assistant สำหรับระบบนี้ถือเป็นความอัจฉริยะของเทคโนโลยีรุ่นล่าสุดที่จะช่วยให้การถอยออกจากช่องทางแคบๆทำได้อย่างปลอดภัย โดยระบบจะจดจำการขับขี่ 50 เมตรสุดท้ายซึ่งจะตรวจจับในขณะที่ความเร็วไม่เกิน 36 กม./ชม. หลังจากจอดสนิทสามารถเลือกใช้งานระบบนี้ซึ่งแสดงบนจอทัชสกรีนขนาด 10.25 นิ้ว ระบบจะทำการสั่งงานและควบคุมทิศทางของรถโดยปรับตำแหน่งพวงมาลัยย้อนกลับไปตามเส้นทางเดิม เพียงแค่ผุ้ขับขี่ต้องควบคุมความเร็วไว้ไม่เกิน 9 กม./ชม. หากความเร้วสูงกว่าที่กำหนด ระบบจะตัดการทำงานทันที
รถรุ่นต่อไปคือ BMW 320d ซีดานคันนี้มีรูปลักษณ์แบบเดียวกับ 330i เพียงแต่ระบบต่างๆอาจจะไม่มากเท่า และเครื่องยนต์ที่มีขนาดความจุน้อยกว่า โดยเป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ในส่วนของแรงบิดจะมอบพละกำลังที่รอบเครื่องยนต์สูงกว่าคือ 1,750-2,500 รอบ ในขณะที่ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบเดียวกัน
การทดสอบนั้นใช้รูปแบบเดียวกัน เแน่นอนว่าความโหดจากขุมพลังที่ด้อยกว่าทำให้ BMW 320d กลายเป็นรถพ่อบ้านหรูซึ่งหากเค้นพละพลังจากเครื่องยนต์นั้นคนละเรื่อง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ได้ในเวลา 6.8 วินาที น้อยกว่า 330i อยู่ 1 วินาที แต่ก็มีข้อดีในส่วนที่ควบคุมได้ง่ายและไม่ดื้อ รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองที่ถือเป็นจุดเด่นโดยมีการเคลมจากบริษัทผู้ผลิตไว้ถึง 21.7 กม./ลิตร ในขณะที่ 330i มีอัตราบริโภคเชื้อเพลิงอยู่ที่ 16.1 กม./ลิตร
มาถึงคิวของเอสยูวีหรูอย่าง X5xDrive30d การทดสอบในสนามแข่งแบบนี้อาจไม่ตรงประเด็นสำหรับรถหรูสายลุย แต่ก็ไม่ได้มีอะไรด้อยไปกว่า 330i และ 320d ในด้านของขุมพลังเครื่องยนต์ซึ่งถ้าเทียบกันจะเห็นได้ว่ามีพละกำลังที่สูงกว่า โดย X5xDrive30d มากับขุมพลังดีเซลแบบ 6 สูบเทอร์โบคู่ขนาดความจุ 2,993 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 265 แรงม้า และมีแรงบิดมหาศาลถึง 620 นิวตันเมตรที่ 2,000-2,500 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 6.5 วินาที และเคลมอัตราสิ้นเปลืองไว้ที่ 14.5 กม.ลิตร
จุดเด่นของ X5xdrive30d อยู่ที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ xDrive ที่สั่งการถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อต่างๆแบบอัตโนมัติโดยประมวลผลผ่านกล่องควบคุมและรูปแบบการใช้คันเร่งของผู้ขับขี่
ในรูปแบบของการทดสอบแบบ Elf Test ซึ่งอาจเป็นปัญหาสำหรับรถเอสยูวีเนื่องจากความสูงของตัวรถนั้นจะทำให้รถมีแรงเหวี่ยงมากยิ่งขึ้น แต่นอกจากระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ Xdrive ยังได้รับการติดตั้งระบบDriving Experience Control มีให้เลือกทั้ง Sport,Comfort และ Eco Pro จนทำให้ผ่านการทดสอบรูปแบบต่างๆไปได้อย่างสะดวก
เสร็จจากการทดสอบสมรรถนะในสนามแข่ง ถึงเวลาลองของจริงบนถนนหลวงเส้นทางรวมประมาณ 60 กม.จากสนามแข่งปทุมธานีสปีดเวย์ไปยังอ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เริ่มจาก BMW 320d รถพ่อบ้านหรูรุ่นนี้พอใช้งานบนถนนกลับมีฟิลลิ่งที่ดี นุ่มนวล ขับสบาย ในขณะใช้ความเร็ว เสียงรบกวนที่เข้ามาในห้องโดยสารนั้นน้อยมาก ทั้งนี้เป็นคุณสมบัติของกระจกแบบ Acoustic Comfort ที่ช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก
สำหรับ 330i มีความห้าวหาญของเครื่องยนต์ที่ไม่ธรรมดา เหนือกว่านั้นคือระบบช่วงล่างที่เหมือนมีการอัพเกรดเป็นโช๊คอัพซิ่งแต่ไม่กระด้าง ซึ่งความเป็นเลิศด้านการยึดเกาะต้องยกเครดิตให้กับช่วงล่าง M Sport
และอีกหนึ่งฟังค์ชั่นซึ่งติดตั้งมาคือระบบ BMW Intelligent Personal Assistant คอยทำหน้าที่ในการสื่อสาร รวมถึงทำความรู้จักและเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ขับขี่ในแต่ละวัน และยังมีการใช้งานคำสั่งเสียงเพื่อสั่งการระบบต่างๆทั้งเครื่องปรับอากาศ วิทยุ และ นำทางไปยังสถานที่ต่างๆด้วยการเปิดใช้งานจากคำสั่งเสียงที่ว่า “Hello BMW”
มาถึงการทดสอบช่วงออฟโรดระยะสั้นๆกับ BMW X5xDrive30d ซึ่งเน้นไปในเรื่องของระบบ xDrive เวอร์ชั่นล่าสุด สภาพเส้นทางที่ทดสอบนั้นไม่ได้โหดร้ายมากนัก รูปแบบจะเป็นพื้นต่างระดับลัดเลาะไปตามคันนาซึ่งระบบจะเข้ามามีส่วนในการถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อต่างๆได้อย่างสมบูรณ์ ผู้ขับขี่สามารถดูสภาพเส้นทางข้างหน้าได้จากกล้องแสดงภาพที่ติดตั้งอยุ่ด้านหน้ารถเพื่อความปลอดภัย
และอีกหนึ่งระบบที่ไม่ต่างไปจาก 330i นั่นคือ Reverse Assistant แม้จะเป็นเส้นทางที่แคบแบบพอดีคัน เรียกได้ว่าวัดใจกับระบบนี้กันไปเลย การจดจำรูปแบบเส้นทางและการบังคับควบคุมรถก่อนเปิดระบบนั้นถือว่าทำงานได้อย่างไม่บกพร่อง
BMW ทั้ง 3 รุ่นที่ได้ทำการทดสอบยังมีระบบปฎิบัติการใหม่ที่ได้รับการติดตั้ง BMW Operating System 7.0 ทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียวกับ BMW Live Cockpit Professional ระบบอัจฉริยะนี้นอกจากจะอัพเดทซอพท์แวร์ได้ด้วยตัวเองหลังจากมีการแจ้งเตือน ยังสามารถดาว์นโลหดแอพลิเคชั่นไปยังสมาร์ทโฟนเพื่อตรวจสอบสถานะของรถ รวมถึงถ่ายภาพด้วยกล้องจากตัวรถได้อีกด้วย
ข้อมูลทางเทคนิค: BMW 330i M Sport
เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบคุ่
ความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.): 1,998
กำลังสูงสุด (แรงม้า ที่ รอบ/นาที): 258/5,000-6,500
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร ที่รอบ/นาที): 400 /1,550-4,400
ระบบส่งกำลัง: อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อม Sport Steptronic
ระบบขับเคลื่อน: ล้อหลัง
ระบบกันสะเทือน(หน้า/หลัง): หน้า Double-joint spring strut หลัง Five-link suspension
เบรก(หน้า/หลัง): ดิสก์/ดิสก์
ยาว/กว้าง/สูง(มม.): 4,709 x1,827×1,435 มม
ราคา (บาท): 3,359,000
ข้อมูลทางเทคนิค: BMW 320d Sport
เครื่องยนต์: ดีเซล 4 สูบ เทอร์โบคุ่
ความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.): 1,995
กำลังสูงสุด (แรงม้า ที่ รอบ/นาที): 190/4,000
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร ที่รอบ/นาที): 400 /1,750-2,500
ระบบส่งกำลัง: อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อม Steptronic
ระบบขับเคลื่อน: ล้อหลัง
ระบบกันสะเทือน(หน้า/หลัง): หน้า Double-joint spring strut หลัง Five-link suspension
เบรก(หน้า/หลัง): ดิสก์/ดิสก์
ยาว/กว้าง/สูง(มม.): 4,709 x1,827×1,435 มม
ราคา (บาท): 2,959,000
ข้อมูลทางเทคนิค: BMW X5 xDrive30d Msport
เครื่องยนต์:ดีเซล 6 สูบ เทอร์โบคุ่
ความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.):2,993
กำลังสูงสุด (แรงม้า ที่ รอบ/นาที): 265/4,000
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร ที่รอบ/นาที): 620 /2,000-2,500
ระบบส่งกำลัง:อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อม Steptronic
ระบบขับเคลื่อน: 4 ล้อ
ระบบกันสะเทือน(หน้า/หลัง): Adaptive M
เบรก(หน้า/หลัง): ดิสก์/ดิสก์
ยาว/กว้าง/สูง(มม.): 4,922 x2,004×1,745 มม
ราคา (บาท): 5,699,000