ดูเหมือนว่าการกลับมาใหม่ของค่ายรถแบรนด์เสือดาวโดยการบริหารของอินซ์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือของอินช์เคป พีแอลซี ผู้นำในธุรกิจตัวแทนจำหน่ายยานยนต์ พรีเมียมระดับโลก จะคึกคักและยิ่งใหญ่กว่าที่ผ่านมา ล่าสุดได้มีการจัดทดสอบสมรรถนะของเอสยูวีรุ่นธง Jaquar F-Pace รวมถึงรถแบรนด์ Land Rover อีกหลายรุ่น บนเส้นทาง กรุงเทพ-ภูเก็ต ระยะทางกว่า 800 กม. ซึ่งถือเป็นการทดสอบที่ได้ใกล้ชิดกับรถแบรนด์นี้อย่างชัดเจนที่สุดทริพหนึ่งก็ว่าได้ ผลการทดสอบนั้นเป็นอย่างไร ข้อมูลทั้งหมดพร้อมให้ทุกท่านได้รับชมครับ
ดาวเด่นของกิจกรรมในครั้งนี้คือ Jaquar F-Pace รถเอสยูวีสมรรถนะสูงที่แฝงด้วยดีเอ็นเอของรถสปอร์ตคันนี้ได้แรงบันดาลใจจากรุ่นเอฟ-ไทป์ (F-TYPE) ในสไตล์รูปลักษณ์อันบึกบึน ด้วยเส้นสายอันชัดเจนจากจากฝากระโปรงหน้าสู่โป่งหลัง จนสามารถคว้ารางวัล 2016 Car of the Year จาก The Auto Express ของอังกฤษเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
Jaquar F-Pace มาในสัดส่วนความยาว 4,731 มม. กว้าง 2,874 มม. และ สูง 1,652 มม. โครงสร้างทำมาจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบา แต่ให้ความแข็งแกร่งและคล่องตัว มีค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทานต่ำเพียง 0.34
เติมแต่งการออกแบบด้วยเส้นสายที่เฉียบคม ดีไซน์กระจังหน้าให้ดุดันพร้อมติดตั้งตราสัญลักษณ์ บริเวณกันชนหน้าเจาะช่องขนาดใหญ่เสริมความบึกบึน
ไฟหน้า Full LED ทรงเรียวมีไฟกลางวันรวมไว้ในโคมเดียวกัน สำหรับโอเวอร์แฮงด้านหน้าสั้นทำให้มีทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี ส่วนมุมมองด้านหลังออกแบบเรียบง่าย สะดุดตาด้วยโลโก้รูปเสือสีโครเมียมติดตั้งกลางตัวรถ ล้อแมกเป็นลาย 5 ก้านคู่ขนาด 22 นิ้ว
Jaquar F-Pace มาในสไตล์รถเอสยูวีขนาด 5 ที่นั่ง ให้ความสะดวกสบายในการโดยสารสูง และเป็นการผสมผสานกันอย่างหรูหราและลงตัว ระหว่างวัสดุกับการตกแต่ง เบาะนั่งโทนน้ำตาลตัดกับแผงข้างสีดำ เบาะหลังสามารถปรับเอนได้ด้วยไฟฟ้า และอีกหนึ่งประโยชน์จากการใช้โครงสร้างอลูมิเนียมนั่นคือการเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระให้มีขนาดความจุถึง 650 ลิตร
พวงมาลัยเป็นแบบสามก้านมีตราสัญลักษณ์อยู่ตรงกลาง พร้อมติดตั้งระบบมัลติฟังค์ชั่นควบคุมระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ต่างๆรวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติซึ่งใช้งานได้สะดวก
นอกจากห้องโดยสารภายในที่หรูหรา เทคโนโลยีสุดล้ำอย่างระบบอินโฟเทนเมนต์ InControl Touch Pro ก็ได้นำมาติดตั้งในรถคันนี้เช่นกัน ซึ่งแสดงผลผ่านจอความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้วแสดงการทำงานของทุกระบบไว้ครบถ้วน อาทิ ระบบนำทางผ่านดาวเทียม และสามารถเชื่อมต่อได้ทุกการสื่อสารบนโลกออนไลน์ ด้วยการที่ใช้รถคันนี้เป็น Wi-fi hotspot ส่งสัญญานไปได้สูงสุดถึง 8 ตัว
คอนโซลกลางเป็นอีกหนึ่งแห่งที่น่าสนใจ นั่นคือการติดตั้งหน้าจอสัมผัสแบบแท็บเล็ตขนาด 10.2 นิ้ว ซึ่งใช้งานง่าย พร้อมภาพกราฟิกที่คมชัด ทำงานด้วยโปรเซสเซอร์ควอดคอร์และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD
ระหว่างคอนโซลกลางและเท้าแขนเป็นที่อยู่ของเกียร์อัตโนมัติที่ปรับใช้แบบหมุนไปยังตำแหน่งเกียร์ที่ต้องการ ใกล้กันจะมีสวิตช์ปรับระบบขับขี่มีให้เลือกใช้งานถึง 3 รูปแบบ
ขุมพลังใน Jaquar F-Pace เป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ AWD ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เคลมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 208 กม./ชม.
ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ Double Wishbone ต่อยอดมาจากรุ่น F-TYPE ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Integral Link พร้อมระบบ Torque Vectoring นอกจากนี้ยังมีระบบตัวช่วยการขับขี่อีกมากมายซึ่งขอยกยอดไปพูดถึงในกิจกรรมการทดสอบช่วงต่อไปครับ
สำหรับกิจกรรมนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ทดลองขับรถโลโก้เสือดาวแห่งเมืองผู้ดีบนระยะทางกว่า 800 กม. จากกรุงเทพ-ภูเก็ต
เรียกได้ว่าสัมผัสกันยันรู้ไส้รู้พุงกันเลยก็ว่าได้ ในส่วนของภาพลักษณ์คงไม่ขอพูดถึงเนื่องจากเสน่ห์ของเส้นสายและการออกแบบในสไตล์สวยคมอย่างไม่มีที่ติ
ระบบ Incontrol Touch Pro เป็นฟังค์ชั่นที่ใช้งานง่ายและมีความอัจฉริยะในตัวเอง หน้าจอที่ติดตั้งกลางคอนโซลแสดงรูปแบบมาได้อย่างตื่นตา แถมยังมีการประมวลผลแบบเดียวกับคอมพิวเตอร์สเปคสูงๆโดยแสดงภาพผ่านหน้าจอขนาด ทัชสกรีนขนาด 10.2 นิ้วความละเอียดสูง ให้ภาพคมชัด และข้อมูลการเดินทางในรูปแบบของเนวิเกเตอร์แสดงภาพแบบ 3 มิติ ใช้งานได้ง่ายไม่ซับซ้อน ทั้งยังเป็นแม่ข่ายในการกระจายสัญญาณอินเตอร์เนตให้ผู้ร่วมทางได้เพลินเพลินกับการท่องโลกออนไลน์ได้อย่างไม่ติดขัด
ว่ากันด้วยเรื่องของขุมพลังและช่วงล่าง เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร ที่สร้างกำลังได้ถึง 180 แรงม้า เมื่อได้ทดสอบสมรรถนะกันอย่างจริงจังพละกำลังอาจจะแบกน้ำหนักตัวรถไปเล็กน้อย เทอร์โบทำงานในรอบต้นตามแบบฉบับของเอสยูวีเครื่องยนต์ดีเซล แต่ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ทะลุ 200 กม./ชม. เลยทีเดียว
ในเมื่อความเร็วสูง เสียงรบกวนที่เข้ามาภายในห้องโดยสารเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะรูปทรงของรถยนต์ในเซกเมนต์เอสยูวีส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องนี้ แต่สำหรับ Jaquar ก็ถือว่ามีเสียงลมเร็ดลอดเข้ามาเช่นกัน ส่วนหนึ่งมาจากช่องลมของกระจกมองข้าง ซึ่งเริ่มมีมาให้ได้ยินก็ต่อเมื่อความเร็วทะลุ 130 กม./ชม.ขึ้นไป
ระบบรองรับดีไซน์มาในรูปแบบแน่นหนึบ ช่วงล่างหน้า Double Wishbone ทำงานสัมพันธ์กับด้านหลังที่เป็นแบบ Integral Link แต่เมื่อใช้ความเร็วสูงหรือช่วงถนนที่ผิวไม่เรียบอาจทำให้รู้สึกถึงการดิ้นของช่วงล่างเล็กน้อย ในจุดนี้ทีมผู้ออกแบบได้นำระบบ Torque Vectoring เข้ามาช่วยควบคุมเพื่อให้เกิดการยึดเกาะถนนให้ได้เต็มประสิทธิภาพ รวมถึงมีโช๊คอัพระบบ Mono Tube ทำหน้าที่ตรวจวัดความเคลื่อนไหวของตัวรถและล้อ ทำให้เกิดแรงหน่วงอย่างเหมาะสม การควบคุมรถจึงทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของระบบ Adaptive Dynamics แบ่งได้เป็น 3 รูปแบบ ตั้งแต่ Eco Comfort และ Sport แต่ละโหมดจะมีการทำงานต่างกันโดยทำหน้าที่ในการปลดปล่อยพลังของเครื่องยนต์ คันเร่ง และน้ำหนักของพวงมาลัย ในส่วนนี้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับได้ตามความเหมาะสมของการใช้งานในแต่ละเส้นทาง
Jaquar F-Pace ยังมีระบบที่น่าสนใจไปไม่น้อยกว่ากันและถือเป็นอาวุธลับของรถคันนี้คือ All Surface Progress Control (ASPC) ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมคันเร่งและเบรกอัตโนมัติ เพื่อให้รถเคลื่อนที่ไปอย่างนุ่มนวล โดยจะทำงานในความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม.ซึ่งจะใช้งานได้อย่างเหมาะสมก็ต่อเมื่ออยู่ในสภาพพื้นผิวในสไตล์ออฟโรดทุกรูปแบบ
กล่าวโดยสรุปสำหรับ Jaquar F-Pace ในด้านของรูปลักษณ์นอกจากมีความสวยสะดุดตา ในเรื่องของการต้านลมหรือที่เรียกกันว่าค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทานต่ำเพียง 0.34 ห้องโดยสารออกแบบหรูหรา ใช้วัสดุคุณภาพสูงและพิถีพิถันในการติดตั้ง ระบบ Incontrol Touch Pro ถือเป็นความก้าวล้ำทางด้านเทคโนโลยีในรูปแบบเดียวกับคอมพิวเตอร์ซึ้งใช้ในการประมวลผลรวมถึงแสดงค่าผ่านหน้าจอสัมผัสได้อย่างชัดเจน
ด้านเครื่องยนต์น่าจะมีสมรรถนะที่สูงกว่านี้อีกสักนิด อัตราเร่งยังไม่รวดเร็วทันใจเท่าที่ควรนัก แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ระบบช่วงล่างให้การยึดเกาะเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าด้านหลังอาจมีอาการบ้างเล็กน้อยในขณะความเร็วสูง แต่ออฟชั่นต่างๆซึ่งคอยส่งเสริมให้ระบบรองรับทำงานได้ดีขึ้นอย่าง Torque Vectoring และตัวเลือกการขับขี่ในโหมด Adaptive Dynamics ทำหน้าที่ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และอาวุธลับที่เรียกว่าระบบ All Surface Progress Control จะช่วยให้ขับขี่ในสถานการณ์คับขันได้ดียิ่งขึ้น
บริษัท อินซ์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งราคาจำหน่าย Jaquar F-Pace ไว้ที่ 5,499,000 บาท ซึ่งถ้านำมาเทียบกับคู่แข่งจากหลายๆค่ายยังถือว่าค่อนข้างสูง แต่เทคโนโลยีต่างๆที่ให้มา รวมถึงแฟนพันธุ์แท้ของรถค่ายนี้ คงจะไม่พลาดที่จะจับจองเป็นเจ้าของแน่นอน
เรียบเรียงข้อมูลและทดสอบโดย ณัฐเทพ เผ่าจินดา
ขอขอบคุณภาพเพิ่มเติมจาก Netcarshow