บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดตัวทัพรถยนต์รุ่นใหม่ นำโดย บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ที่มาพร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo และมอเตอร์ไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence พร้อมด้วยบีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance และบีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport และ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Luxury รุ่นปรับโฉมใหม่เตรียมให้ได้สัมผัสในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38
มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 ใหม่นี้ ถือเป็นอีกขั้นของนวัตกรรมด้านยนตรกรรมจากบีเอ็มดับเบิลยู ที่ได้รับการออกแบบเพื่อยกระดับสมรรถนะและความปราดเปรียวในการขับขี่ ด้วยการนำเทคโนโลยีจากบีเอ็มดับเบิลยู ตระกูล i มาสู่รุ่นแฟลกชิปของแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูนี้ ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสาน BMW eDrive เข้ากับขุมพลัง BMW TwinPower Turbo หรือโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบาแบบ Carbon Core เพื่อคงความเป็นรถซีดานที่หรูหราและทรงประสิทธิภาพที่สุด นับเป็นมาตรฐานใหม่ของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในเซ็กเมนต์นี้”
มร. สเตฟาน กล่าวเพิ่มเติม “นอกจากนี้ เรายังนำสุดยอดแห่งนวัตกรรมของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 ใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 12 สูบอันทรงพลังด้วยเทคโนโลยี M TwinPower Turbo ในห้องเครื่อง ที่พร้อมจะทะยานไปด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 3.7 วินาทีเท่านั้น และเพื่อเป็นการมอบประสบการณ์ในการขับขี่คล่องแคล่วสไตล์สปอร์ต พร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำยุค เรายังได้แนะนำบีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance รุ่นพิเศษพร้อมชุดแต่ง M ในราคาที่คุ้มค่า พร้อมด้วยบีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport และ 320d GT Luxury โฉมใหม่ ที่ได้รับการออกแบบโฉบเฉี่ยว โดดเด่นยิ่งขึ้น ครบเครื่องด้วยประโยชน์ใช้สอยและความหรูหรา”
บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence ราคาจำหน่าย 12,499,000 บาท
บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence ได้กลายเป็นรุ่นแฟลกชิปอีกหนึ่งรุ่นของตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 ด้วยความประณีตหรูหราเหนือระดับ พร้อมขุมพลังในทุกช่วงเวลาการขับขี่จากเครื่องยนต์ 12 สูบ ผสานพลังเทคโนโลยี M Performance TwinPower Turbo จึงยกระดับสถานะของบีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น
บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence เปิดตัวขุมพลังใหม่ล่าสุด M Performance TwinPower Turbo พร้อมเครื่องยนต์ 12 สูบ เครื่องยนต์ V12 ภายใต้ตราประทับ “M Performance” มีปริมาตรกระบอกสูบขนาด 6.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 448 กิโลวัตต์/610 แรงม้า ที่ 5,500 ถึง 6,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตรที่ 1,550 ถึง 5,000 รอบต่อนาที (อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงรวมอยู่ที่ 8.2 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการปล่อย CO2 รวมที่ 291 กรัมต่อกิโลเมตร) ด้วยเทคโนโลยี M Performance TwinPower Turbo อันเหนือชั้น บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence สามารถให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรภายในเวลาเพียง 3.7 วินาที จำกัดความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ่ายโอนพลังงานผ่านระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic Sport ซึ่งถูกปรับแต่งตามคุณลักษณะของเครื่องยนต์ V12 โดยเฉพาะ
ระบบกันสะเทือนนวัตกรรม Executive Drive Pro คือบัตรผ่านของความปราดเปรียวอันเฉียบคมและความสะดวก สบายในการขับขี่ที่เหนือกว่า ระบบการรักษาเสถียรภาพรถแบบ Active roll ช่วยลดการสะเทือนของตัวรถให้ น้อยที่สุด ผสมผสานกับสมรรถนะจากยางรถยนต์ด้วยล้ออัลลอยพิเศษน้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้ว เพื่อสร้าง ความคล่องแคล่วในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในคลาสรถยนต์เดียวกันให้กับบีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการขับขี่แม้แต่น้อย
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ BMW xDrive ที่ถูกออกแบบเพื่อเน้นการขับขี่ที่ล้อหลัง ช่วยกระจายแรงขับเคลื่อนสู่ล้อทั้งสี่ขณะเข้าโค้งได้อย่างสมดุล ความคล่องแคล่วในการขับขี่และระบบความปลอดภัยยังเป็นคุณสมบัติเพิ่มเติมจากระบบเลี้ยวทั้งสี่ล้อ ช่วยเสริมการเข้าโค้งของเพลาล้อรถด้านหน้าได้อย่างแม่นยำ ด้วยการปรับมุมการเข้าโค้งของล้อหลังได้ตามแต่ละสถานการณ์ นอกจากนี้ ชุดเบรก M Sport ใหม่ ที่มากับคาลิปเปอร์สีน้ำเงินเมทัลลิคติดตราอักษร M ภายใต้ล้ออัลลอย W-Spoke ขนาด 20 นิ้ว เป็นการตีประทับให้กับคลังอาวุธอันปราดเปรียว ซึ่งพร้อมที่จะผ่อนกำลังหรือหยุดรถในทุกเวลาได้อย่างเหนือชั้น
บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence มาพร้อมแถบโครเมียมพาดยาวตลอดช่วงหน้ากว้างของช่องดักอากาศ ในขณะที่กระจังหน้าไตสีเงินก็มาพร้อมกับแถบโครเมียมด้านหน้า และล้อมกรอบด้วยโครเมียมสว่าง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับรายละเอียดตามจุดต่างๆ ของตัวรถที่ตกแต่งด้วยโครเมียมสว่างเช่นกัน พร้อมติดตรา “V12” ที่ขอบฝากระโปรงท้ายอีกด้วย
ภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างหรูหราด้วยไม้บริเวณพวงมาลัย และตัวอักษร V12 ที่จะปรากฎขึ้นบนหน้าปัดรถเมื่อผู้ขับขี่สตาร์ทเครื่องยนต์ ขอบประตูรถตกแต่งด้วยโลโก้ V12 เรืองแสง สร้างความตื่นตาตื่นใจพร้อมความรื่นรมย์ในการขับขี่ที่จะเกิดขึ้น โดยโลโก้ V12 ยังอวดโฉมอยู่บนคอนโซลและหน้าจอ Touch Command Panel บริเวณที่วางแขนของห้องผู้โดยสารด้านหลัง
เบาะด้านหน้าอันสะดวกสบายสามารถปรับเอนได้ด้วยระบบไฟฟ้าและฟังก์ชันจดจำตำแหน่งของผู้นั่ง เมื่อจับคู่เข้ากับพรมหนานุ่มพิเศษของห้องผู้โดยสารด้านหลัง จึงช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความหรูหราอันเหนือชั้น ขณะที่ตัวเบาะ บริเวณข้างที่นั่ง พนักพิงศีรษะ ประตูด้านในรถ และที่วางแขนตรงกลางและด้านข้าง หุ้มด้วย หนังแกะคุณภาพเยี่ยม เติมเต็มบรรยากาศแห่งความหรูหราได้อย่างมีรสนิยม
เช่นเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 โฉมใหม่รุ่นอื่นๆ จอมอนิเตอร์ระบบ iDrive แสดงผลบนหน้าจอและควบคุมด้วยการสัมผัส รวมถึงระบบการสั่งงานด้วย การเคลื่อนไหวในระบบ iDrive เป็นครั้งแรกของตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 รวมไปถึงตัวยึดโทรศัพท์มือถือบริเวณคอนโซลซึ่งสามารถชาร์จโทรศัพท์มือถือได้แบบไร้สาย ผ่านการเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าได้เป็นครั้งแรกในรถยนต์
บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence พร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด เปิดราคาจำหน่าย 6,699,000 บาท
โดดเด่นด้วยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี BMW eDrive ในบีเอ็มดับเบิลยูตระกูล i นำมาสู่บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence พร้อมโครงสร้าง Carbon Core และแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูง ผสานด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ BMW TwinPower Turbo ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า ให้สุนทรียะแห่งการขับขี่เหนือระดับ และความหรูหราสะดวกสบายในการขับขี่ระยะไกล นอกจากนี้ ยังสามารถนำเทคโนโลยี Efficient Dynamics มารวมเข้ากับ ยนตรกรรมได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดารถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูด้วยกัน
บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ให้กำลังสูงสุดที่ 190 กิโลวัตต์/258 แรงม้า ด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower นับเป็นขุมพลัง 4 สูบที่ทรงพลังที่สุด ระบบการขับขี่ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 83 กิโลวัตต์/113 แรงม้า พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาที โดยเมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 240 กิโลวัตต์/326 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
ยิ่งไปกว่านั้น มอเตอร์ไฟฟ้ายังรับหน้าที่ส่งพลังด้วยการสำรองพลังงานขณะแตะเบรก หรือด้วยการเพิ่มค่าภาระเครื่องยนต์ตามระบบไฮบริดที่เลือกใช้ จากนั้นจึงดึงพลังเข้าสู่แบตเตอรี่แรงดันสูง และเมื่อขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าจะสามารถสร้างระยะทางสูงสุดได้ถึง 41 กิโลเมตร (ระยะทางสูงสุดอาจแตกต่างไปตามประเภทยางรถยนต์) มอเตอร์ไฟฟ้าถูกนำมารวมเข้ากับระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic อย่างสมบูรณ์ เพื่อตอกย้ำประสิทธิภาพขั้นสูงสุดของการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าที่สร้างความปราดเปรียวขณะขับขี่ และการนำพลังงานส่วนเกินกลับมาใช้จากระบบเบรก
บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence เดินตามรอยบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e ในฐานะรถยนต์ รุ่นที่สองที่จ่ายพลังงานด้วยการขับเคลื่อนสี่ล้อ ทั้งในการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า การขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ หรือเมื่อขับขี่ทั้งสองระบบในเวลาเดียวกัน ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะยังช่วยให้ยึดเกาะถนนได้อย่างดียิ่ง และให้เสถียรภาพอันเหนือชั้น รวมไปถึงความปราดเปรียวที่พร้อมรับมือทุกสภาวะอากาศและทุกสภาพถนนด้วยการจ่ายพลังงานระหว่างล้อหน้าและล้อหลังที่สมบูรณ์แบบ สามารถเร่งเครื่องได้อย่างทรงพลัง ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรภายใน 5.3 วินาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 45.5 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 49 กรัมต่อกิโลเมตร ในขณะที่อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดของบีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence อยู่ที่ระหว่าง 13.9 ถึง 13.2 กิโลวัตต์ ต่อ 100 กิโลเมตร (ตัวเลขคำนวนจาก EU test cycle สำหรับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด อาจแตกต่างไปตามประเภทยางรถยนต์)
ผู้ขับขี่สามารถกดปุ่ม eDrive บริเวณกลางคอนโซลเพื่อเปลี่ยนไปสู่การขับขี่ปลั๊กอินไฮบริดได้อย่างง่ายดาย และในการใช้งาน AUTO eDRIVE hybrid ซึ่งเป็นระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะ ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานด้วยกันได้อย่างสูงสุดเต็มกำลัง เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เป็นเลิศที่สุด
นอกจากนี้ยังสามารถปรับไปใช้โหมดไฟฟ้าล้วน MAX eDRIVE ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว โดยโหมดนี้จะเปลี่ยนไป ใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังสามารถดึงขุมพลังจากเครื่องยนต์มาใช้ได้ตลอดเวลาหากเหยียบคันเร่งจนสุด ด้วยโหมด MAX eDRIVE สามารถให้ความเร็วสูงสุดจากพลังงานไฟฟ้าที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ยังมาพร้อมกับสวิทช์ปรับโหมดขับขี่ที่ออกแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งติดตั้งอยู่บนคอนโซล ผู้ขับขี่สามารถเปิดสวิทช์เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่อันปราดเปรียวและสะดวกสบาย ยิ่งไปกว่านั้น สวิทช์ปรับโหมดขับขี่ยังเสนออีกหนึ่งทางเลือกด้วย ADAPTIVE mode ซึ่งสามารถตอบสนองต่อสไตล์การขับขี่และข้อมูลเส้นทางของผู้ขับขี่อย่างเห็นได้ชัด
ประสิทธิภาพชั้นเลิศที่มาพร้อมกับสุนทรียะในการขับขี่ ความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางระยะไกล และความหรูหราเฉพาะตัว
มาตรฐานอันเหนือชั้น ยังรวมไปถึงไฟหน้า Adaptive LED กุญแจ BMW Display Key ระบบนำทางแบบ Professional และระบบปฏิบัติการ iDrive ที่รวมถึงฟังก์ชันทัชสกรีนบนหน้าจอ และ BMW Gesture Control การสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ
บริเวณห้องโดยสารด้านหน้าและด้านหลังมาพร้อมกับเบาะนั่งที่สะดวกสบาย ด้วยระบบระบายอากาศในเบาะและฟังก์ชันนวดเพื่อสุขภาพ และฟังก์ชั่นในการปรับเบาะให้อุ่นได้ พร้อมเติมเต็มที่สุดแห่งความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารด้านหลังด้วยเบาะที่นั่ง Executive Lounge Seating และหลังคากระจกแบบ Sky Lounge Panorama
บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance ราคา 2,499,000 บาท
บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance รุ่นประกอบในประเทศ โดดเด่นและเฉียบคมยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M กับ front splitter สีดำด้าน กันชนหน้าและหลังติดสติ๊กเกอร์ Giugiaro สร้างความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่ด้วยรูปลักษณ์แบบสปอร์ต ยังมาพร้อมกับกระจังหน้าไตสีดำเงาและฝาครอบรอบกระจกข้างแบบคาร์บอน ช่องระบายอากาศด้านหลังและสปอยเลอร์หลังมาในสีดำด้าน พร้อมกรอบประตูสีดำด้านที่ติดตราประทับ ‘M Performance’ ขณะที่ฉายแสงแอลอีดีด้วยโลโก้บีเอ็มดับเบิลยูบริเวณประตู
สร้างประสบการณ์อันเหนือชั้นให้แก่ผู้ขับขี่ก่อนเข้าสู่ตัวรถด้วยชุดกันชนหน้าที่มีช่องระบายอากาศดีไซน์ใหม่ เน้นย้ำถึงความกว้างของตัวรถ เช่นเดียวกับชุดกันชนหลังและไฟท้ายแอลอีดีที่ช่วยเสริมมาดความสปอร์ตของตัวรถ พร้อมไฟหน้าและไฟตัดหมอกแอลอีดีเพื่อทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นกุญแจอันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูมาในระบบ comfort access system ที่สามารถสั่งการอย่างง่ายดายได้ด้วยสัญญาณทางไกล พร้อมเซ็นเซอร์น้ำฝนที่สร้างทัศนวิสัยอันปลอดโปร่งในทุกเวลา
นอกจากนี้ยังมีระบบ cruise control ช่วยให้ผู้ขับขี่กำหนดความเร็วสูงสุดและสร้างความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกลได้อย่างไร้กังวล ขณะที่กระจกมองหลังด้านในและกระจกข้างฝั่งคนขับยังช่วยป้องกันดวงตาของผู้ขับขี่ไม่ให้พร่ามัวด้วยฟังก์ชันป้องกันแสงจากไฟรถ
บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance มาพร้อมกับขุมพลังระดับ 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที ที่ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 27 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมอัตราการปล่อย CO2 เพียง 99 กรัมต่อกิโลเมตร ระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic ใหม่ มีส่วนช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 ด้วยประสิทธิภาพอัตราการทดเกียร์ที่กว้างขึ้น และตัวแปลงแรงบิดที่สูญเสียกำลังน้อยลงในขณะเปลี่ยนเกียร์ ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ลงได้ราว 3 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 สปีด และก้านเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport และ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Luxury โฉมใหม่ ราคาจำหน่าย 2,999,000 บาท
บีเอ็มดับเบิลยูต่อยอดความสำเร็จของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 เพิ่มนวัตกรรมล่าสุดให้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport และ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Luxury โฉมใหม่ ผสมผสานยนตรกรรมหรูหราแบบซีดานเข้ากับความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตอย่างแท้จริง และยังคงประสิทธิภาพเอนกประสงค์ของรถยนต์ในแนวทัวริ่งไว้อย่างครบถ้วน
มาพร้อมการออกแบบทั้งภายนอกและภายในที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยไฟหน้าแอลอีดีและเทคโนโลยี BMW Selective Beam เพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยยามค่ำคืนบนถนนอันคดเคี้ยว รวมไปถึงระบบปรับการทำงานไฟสูง ไฟตัดหมอกแอลอีดี และไฟท้ายแอลอีดี ภายในตัวรถประกอบด้วยคอนโซลสีดำเงาและระบบ iDrive ใหม่ล่าสุดที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของรถได้โดยไม่เสียสมาธิจากการขับขี่บนถนน
สัมผัสยนตรกรรมรุ่นล่าสุดจากค่ายใบพัดฟ้า-ขาว ได้ที่งาน บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 38 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี 28 มีนาคม – 9 เมษายนนี้