Honda Accord 1.5 Turbo EL ซีดาน D Segment ที่มาพร้อมความหรูหราสไตล์สปอร์ต โดดเด่นด้วยขุมพลังในรูปแบบ Downsising ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ เร็วและแรงได้ดั่งใจทั้งยังคงความประหยัดไว้ที่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 16.4 กม./ลิตร ช่วงล่างปรับใหม่เพิ่มความมั่นใจสไตล์แน่น หนึบ ติดตั้งระบบเพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบายอย่างครบครัน
All New Honda Accord โชว์ตัวล่อตาผู้บริโภคไปเมื่องานมหกรรมยานยนต์ปลายปีที่ผ่านมา จนทำให้ยอดจำหน่ายของคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกันนั้นชะงักไปชั่วขณะ จากงานโชว์ตัวจวบจนถึงเวลาจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่องานมอเตอร์โชว์ มีการสะสมยอดจองไปแล้วกว่า 2,800 คัน ตกเป็นของรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบซึ่งเป็นเรือธงไปกว่า 50 % การมาพร้อมกับขุมพลังในรูปแบบ Downsising ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่มีสมรรถนะสูงกว่าเครื่องยนต์ 2.4 เดิมและประหยัดเชื้อเพลิงกว่ารุ่น 2.0 ลิตร นั้นถือเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย และการพิสูจน์ความน่าสนใจพร้อมจุดเด่นต่างๆของรถรุ่นนี้จะเป็นเช่นไร ติดตามได้จากรายงาน
หลังจากเจนเนอเรชั่นที่ 9 ทำตลาดในเมืองไทยด้วยเวลารวม 6 ปีเต็ม การพัฒนาตามคอนเซ็ปต์ “ก้าวข้ามทุกข้อจำกัดด้วยการท้าทายความเชื่อและขอบเขตเดิม” ไม่ถือเป็นเรื่องง่ายที่ผู้ออกแบบจะแก้ไข ปรับปรุง และเติมเต็ม เพื่อยังคงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแห่งยนตรกรรมยุคใหม่ ซึ่งหากนำมาเปรียบกับเจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา นั้นมีการเปลี่ยนในรูปแบบของคำว่า “All New” ในทุกมิติ
Honda Accord 1.5 Turbo EL มากับการออกแบบที่นับเป็นการปฏิวัติดีไซน์จากทุกรุ่นที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ด้วยการผสานความหรูหราสง่างามกับความสปอร์ตไว้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยรูปแบบที่เรียบง่ายแต่ประณีต มีเส้นสายที่ปราดเปรียวและโฉบเฉี่ยว สะท้อนความหรูหรา สปอร์ตมากกว่าเดิม และเป็นครั้งแรกกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ที่เรียกว่า Laser Blaze ในการออกแบบตัวถัง เพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคารถและตัวถัง ทั้งยังยกระดับการเก็บเสียงด้วยการใช้สเปย์โฟมถึง 10 จุด พร้อมติดตั้งระบบควบคุมเสียงรบกวน (Active Noise Control-ANC)
มิติตัวรถนั้นถูกปรับขนาดใหม่หมดด้วยความยาว 4,920 มม. กว้าง 1,860 มม. และสูง 1,450 มม. ส่วนระยะฐานล้อ 2,830 มม. ซึ่งหากนำมาเทียบกันจะมีตัวถังที่สั้นลง 36 มม. แต่กว้างขึ้น 12 มม. และเตี้ยลง 15 มม. รวมถึงมีระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น 55 มม.
Honda Accord 1.5 Turbo EL มาพร้อมกระจังหน้าโครเมียมที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED โดดเด่นด้วยไฟท้ายดีไซน์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ แบบ LED พร้อมด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ตขนาด 17 นิ้ว
สำหรับห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายนั้นมีการขยายความจุให้เป็น 573 ลิตร เพิ่มขึ้นจากเจนเนอเรชั่นที่ 9 ถึง 123 ลิตร ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการย้ายแบตเตอรี่ไฮบริดไปไว้ใต้เบาะ จึงทำให้มีพื้นที่ในการเก็บสัมภาระมากยิ่งขึ้น
ห้องโดยสารใช้โครงสร้างเป็นเส้นแนวนอน เพื่อทำให้บริเวณคอนโซลกลางโปร่งโล่ง ซึ่งจะมอบทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ ผสมผสานความสปอร์ตและพรีเมียมไว้ได้อย่างลงตัว มาพร้อมสีภายในห้องโดยสาร 2 สี ได้แก่ สีไอวอรี่เบจ และสีดำ ซึ่งขึ้นอยู่กับสีตัวรถภายนอก และเบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง ซึ่งมีหน่วยความจำที่จะปรับอัตโนมัติขณะสตาร์ทเครื่องยนต์
พวงมาลัยจับกระชับมือดีไซน์สปอร์ตมีการติดตั้งระบบมัลติฟังค์ชั่นซึ่งสามารถควบคุมระบบความเร็วอัตโนมัติ และยังมีการใช้งานรูปแบบของหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้วซึ่งในส่วนของมาตรวัดรอบเครื่องยนต์สามารถเปลี่ยนรูปแบบการแสดงระบบต่างๆอย่าง Trip Meter,Driver Attention,การสั่งการระบบเครื่องเสียง รวมถึงการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง ทั้งยังเป็นจอแสดงภาพของกล้องมองหลังที่เปลี่ยนมุมมองได้ 3 รูปแบบ และระบบ Honda Lane Watch ที่จะแสดงภาพทุกครั้งเมื่อเปิดไฟเลี้ยวซ้าย
บริเวณคอนโซลเกียร์จะมีช่องวางแก้วน้ำและช่องเก็บของ รวมถึงมีสวิตช์สั่งการโหมดขับขี่แบบ Econ และ Sport รวมถึงเบรกมือเป็นแบบไฟฟ้าและสวิตช์สั่งการระบบ Brake Hold ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน สำหรับเบาะนั่งตอนหลังมีการติดตั้งช่องแอร์บริเวณหลังคอนโซลกลางเพื่อกระจายความเย็นให้ทั่วถึง
Honda Accord 1.5 Turbo EL ใช้ขุมพลังในรูปแบบของ “Downsizing” ซึ่งมีคุณสมบัติของเครื่องเล็ก แรง และ ประหยัด จากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO บล๊อคเดียวกับ Honda Civic แต่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 243 นิวตันเมตร เทคโนโลยีไดเรคอินเจคชัน (Direct Injection) และเทอร์โบชาร์จเจอร์ (Turbocharger)
ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งถ้าใช้งานระบบแพดเดิลชิฟท์จะแบ่งอัตราทดให้เป็น 7 จังหวะ พร้อมเคลมอัตราสิ้นเปลืองไว้ที่ 16.4 กม./ลิตร ซึ่งเมื่อเทียบกับ Accord Gen 9 เครื่องยนต์นี้จะมีคุณสมบัติที่ให้สมรรถนะดีกว่าขุมพลัง 2.4 ลิตร แต่ประหยัดมากกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรในรุ่นเดิม โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรองรับน้ำมัน E85 ได้อีกด้วย
ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท ได้รับการพัฒนาจากปีกนกรูปตัว A ให้เป็น L เพื่อการยึดเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้น สำหรับช่วงล่างด้านหลังนั้นเป็นแบบอิสระมัลติลิงค์ ซึ่งช่วงล่างหน้าและหลังได้รับการติดตั้งเหล็กกันโคลง และมีการปรับปรุงในส่วนของโช๊คอัพและคอยล์สปริงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ตัวช่วยด้านความปลอดภัยมีมาให้ครบครัน ทั้งระบบเบรกเอบีเอสและระบบกระจายแรงเบรคแบบอีบีดี ถุงลมนิรภัย ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ระบบเพิ่มความคล่องตัวขณะขับขี่ และ ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน หรือ Hill Start Assist รวมถึงให้ความสะดวกสบายด้วยระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมสั่งการเปิดเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start)
การทดสอบสมรรถนะของ Honda Accord 1.5 Turbo EL เกิดขึ้นที่จ.เชียงใหม่ โดยใช้ระยะทางกว่า 150 กม. จากตัวเมืองไปยังดอยสะเก็ดซึ่งเป็นรูปแบบของเส้นทางที่มีความหลากหลาย ทั้งทางขึ้นลงเขา และทางโค้งในรูปแบบต่างๆ ซึ่งการพิสูจน์สมรรถนะในรูปแบบเส้นทางเช่นนี้ถือเป็นการพิสูจน์สมรรถนะของเครื่องยนต์ในรูปแบบ Downsising ได้เป็นอย่างดี
เริ่มต้นการทดสอบกับการจราจรที่พลุกพล่านในอ.เมือง เชียงใหม่ ระบบ Brake Hold จะช่วยให้การขับขี่ในรูปแบบรถติดที่เคลื่อนตัวตามสัญญานไฟนั้นจะมีบทบาทสำคัญขึ้นมาทันที หากเปิดการทำงานจะมีสัญลักษณ์รูป Brake Hold แสดงบริเวณแดชบอร์ด ซึ่งจะทำงานทันทีหลังจากที่รถเบรกสนิท โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตำแหน่งจาก D มาเป็น N ระบบนี้จะทำงานโดยการเบรกค้างไว้ถึง 15 นาที หากไม่มีการเคลื่อนตัว จะตัดการทำงานมาที่เบรกมืออัตโนมัติ ซึ่งจะทำงานทุกสภาพเส้นทางไม่ว่าจะเป็นช่วงรถติดตอนขึ้นหรือลงสะพานก็ตามที ต่างจากอีกหนึ่งตัวช่วยอย่าง Hill Start Assist ซึ่งจะทำการเบรกค้างไว้เพียง 3 วินาที
อีกหนึ่งระบบที่โดดเด่นสำหรับการใช้งานในเมืองอย่าง Honda Lane Watch ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะ มุมมองบางจุดที่ไม่สามารถมองเห็นหรือที่เรียกกันว่าจุดบอด ต้องยอมรับว่ารถทุกคันนั้นมีหมด ในกรณีบ้านเราเป็นรถพวงมาลัยขวา จุดบอดนั้นจะอยู่ซ้ายมือบริเวณหลังที่นั่งแถว 2 ระบบนี้จะนำภาพจากกล้องที่ติดตั้งบริเวณกระจกมองข้างฝั่งซ้าย มาแสดงที่จอทัชกรีนบริเวณคอนโซล ซึ่งจะช่วยลดจุดบอดได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันหากจอดรถสนิท สามารถกดปุ่มที่ปลายก้านไฟเลี้ยวเพื่อมองระยะห่างของรถกับฟุตบาทได้อีกด้วย
ในการลองสมรรถนะของขุมพลัง Downsising เริ่มสัมผัสอย่างจริงจังเมื่อออกนอกเมือง สิ่งแรกที่ชื่นชอบคือการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร จากเทคโนโลยีของ Laser Blazing รวมถึงสเปย์โฟมที่อุดรูต่างๆซึ่งเป็นที่มาของเสียงที่เร็ดรอดมายังห้องโดยสารนั้นเงียบสนิท จะมีมาให้ได้ยินก็ต่อเมื่อใช้ความเร็วสูงเท่านั้น
เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ที่เป็นไฮไลท์ของ Honda Accord เจนเนอเรชั่นที่ 10 ที่หากไม่ได้สัมผัสก็จะมีการสบประมาทว่าเครื่องยนต์พิกัดเพียงเท่านี้จะแบกภาระของน้ำหนักรถเกือบ 1,500 กก.ได้ไหวหรือไม่ แต่เครื่องยนต์รุ่นนี้ก็สอบผ่านได้อย่างไร้ข้อกังขา
แม้จะเป็นเครื่องยนต์แบบเดียวกับ Honda Civic Turbo ซึ่งมีพิกัดความจุเพียงแค่ 1.5 ลิตร แต่พละกำลัง 190 แรงม้าที่มีมากกว่า Civic Turbo ถึง 17 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่สูงกว่าถึง 23 นิวตันเมตร พละกำลังที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากการปรับบูสต์เทอร์โบจาก 1.0-1.1 บาร์ เป็น 1.2-1.4 บาร์ และพัฒนาด้านของลูกสูบรวมถึงโปรแกรมภายในกล่องอีซียูใหม่ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ทำได้ในเวลาไม่เกิน 10 วินาที และความเร็วสูงสุดนั้นสามารถทำได้เกิน 200 กม./ชม.แน่นอน
รูปแบบของเกียร์อัตโนมัติซีวีทีที่เป็นระบบส่งกำลังหลักอาจจะตอบสนองต่อสายซิ่งไม่มากนัก เนื่องจากระบบเกียร์นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อลดรอยต่อของแต่ละเกียร์และมีการปรับอัตราทดที่ให้ความนุ่มนวล แต่หากต้องการความสนุกสนาน และเร้าใจ ลองปรับมาใช้งานในโหมด Sport ซึ่งรอบเครื่องยนต์จะดีดตัวไปอยู่ที่ 2,000-2,500 รอบ ถ้ายังเร้าใจไม่พอ ให้ลองใช้แป้นแพดเดิลชิพท์ที่พวงมาลัย เพราะระบบได้ถูกสั่งการในรูปแบบของการปรับอัตราทดได้ถึง 7 จังหวะเลยทีเดียว
สมรรถนะช่วงล่างถ้าเปรียบเป็นชายหนุ่มที่เล่นกล้ามก็ไม่ถือว่าผิด เพราะความแน่นหนึบในการยึดเกาะถนนทำได้อย่างน่าประทับใจ ทุกโค้งเขาที่ได้ขับทดสอบ บางช่วงใช้ความเร็วสูง บางช่วงก็จะใช้ความเร็วต่ำ ระบบช่วงล่างอิสระแมคเฟอร์สันตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปีกนกที่เป็นชิ้นส่วนหลักได้ปรับเปลี่ยนจากรูปตัว A มาเป็นรูปตัว L รวมถึงปรับค่าความหนืดของโช๊คอัพและปรับค่า K สปริงใหม่ เพียงเท่านี้ก็สามารถบังคับและควบคุม Honda Accord 1.5 Turbo EL ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น รวมถึงระบบปรับความหนืดของพวงมาลัย หากใช้ความเร็วต่ำ พวงมาลัยจะเบา แต่พอใช้ความเร็วสูง พวงมาลัยก็จะปรับความหนืดเพื่อการควบคุมที่แม่นยำนั่นเอง
การทดสอบในครั้งนี้พอสรุปได้ว่า Honda Accord 1.5 Turbo EL นอกจากรูปลักษณ์ที่ดูหรูหราและสปอร์ตมากยิ่งขึ้น การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารนั้นก็โดดเด่นไม่แพ้กัน การใช้เลเซอร์เชื่อมต่อตัวถังและสเปย์โฬมที่อุดรอยต่างๆไว้ถึง 10 จุดนั้นส่งผลให้ห้องโดยสารเงียบ เสียงรบกวนจากภายนอกก็เล็ดรอดเข้ามาในห้องโดยสารได้น้อยลงแม้ในขณะความเร็วสูงก็ตาม
ไฮไลท์ในเรื่องเครื่องยนต์แบบ Downsising พิกัด 1.5 ลิตรเทอร์โบนั้น ถ้าใช้คำขนานนามว่าเล็กแต่แรงก็คงไม่ผิดไปจากที่ได้สัมผัส หากอยากสนุกกับการขับขี่ โหมด Sport และ แพดเดิลชิพท์จะช่วยตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบช่วงล่างก็ให้การยึดเกาะถนนในรูปแบบแน่น หนึบ มั่นใจได้ในทุกย่านความเร็ว ด้านสนนราคาค่าตัวที่ 1,475,000 บาท ก็ถือเป็นราคาที่สมน้ำสมเนื้อ ตัวช่วยในด้านความสะดวกสบายและปลอดภัยมีมาให้เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
ข้อมูลทางเทคนิค: Honda Accord 1.5 Turbo EL
เครื่องยนต์: 4 สูบ 16 วาล์ว I-VTEC TURBO
ความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.): 1,498
กำลังสูงสุด (แรงม้า ที่ รอบ/นาที): 190/5,500
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร ที่รอบ/นาที): 243 /1,500-5,500
ระบบส่งกำลัง: อัตโนมัติซีวีทีพร้อมแพดเดิลชิฟท์
ระบบขับเคลื่อน: ล้อหน้า
ระบบกันสะเทือน(หน้า/หลัง): แม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง/มัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง
เบรก(หน้า/หลัง): ดิสก์/ดิสก์
ยาว/กว้าง/สูง(มม.): 4,894 x1,862×1,450 มม
ขนาดล้อและยาง: 225/50R17
ราคา (บาท): 1,475,000
ตัวแทนจำหน่าย: บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด